16 ธ.ค. 2020 เวลา 12:23 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
สุดยอดหนังดี จาก Top 250 บนเวบไซด์ IMDb Part 4 : ลำดับที่ 16-20
สรุปอันดับหนัง Top 250 IMDb ที่รีวิวไปแล้วในตอนก่อน
1. The Shawshank Redemption (1994)
2. The Godfather (1972)
3. The Godfather: Part II (1974)
4. The Dark Knight (2008)
5. 12 Angry Men (1957)
6. Schindler's List (1993)
7. The Lord of the Rings: The Return of the King (2003)
8. Pulp Fiction (1994)
9. The Good, the Bad and the Ugly (1966)
10.The Lord of the Rings: The Fellowship of the Ring (2001)
11. Fight Club (1999)
12. Forrest Gump (1994)
13. Inception (2010)
14. The Lord of the Rings: The Two Towers (2002)
15. Star Wars: Episode V - The Empire Strikes Back (1980)
1
หมายเหตุ : คะแนนดาวเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ซึ่งมีเกณฑ์การให้คะแนน 3 ระดับ คือ
3 ดาว = หนังดี ควรหามาดู
4 ดาว = หนังดีมาก แนะนำให้ดู
5 ดาว = หนังดีมากๆ ไม่ควรพลาดเด็ดขาด
หนังในลำดับที่ 16-20 มีความหลากหลายสูงมาก ทั้ง 5 เรื่อง 5 แนว ล้วนเป็นหนังที่ได้รับคำชมและรางวัลต่างๆมากมาย น่าสนใจมากๆครับ
16. The Matrix (1999)
Rating 8.7 คะแนน จำนวนคนโหวต 1,653,619 คน
เรื่องย่อ : นีโอ โปรแกรมเมอร์หนุ่มผู้มีชีวิตอีกด้านเป็นแฮ็กเกอร์ ได้รับข้อความลึกลับที่พาให้เขามาพบกับมอร์เฟียส ผู้ซึ่งทำให้นีโอได้รู้เรื่องราวของ The Matrix ซึ่งเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่จักรกลสร้างขึ้นมา เพื่อลวงให้มนุษย์หลับใหลอยู่ในโลกของความฝันเสมือนจริง เพราะจักรกลต้องการพลังงานจากมนุษย์มาใช้แทนแสงอาทิตย์
มอร์เฟียสนั้นเชื่อว่า " นีโอ " คือ เดอะวัน (The One) บุคคลในตำนานที่จะมาปลดปล่อยมนุษยชาติให้หลุดพ้นจากการเป็นทาสของเครื่องจักร ซึ่งนีโอต้องผ่านบททดสอบมากมายเพื่อพิสูจน์ตนเอง เขาต้องต่อสู้กับสายลับสมิธที่พร้อมจะทำลายทุกคนที่บุกรุกเข้ามาในเมทริกซ์ และหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของสายลับสมิธก็คือ การกำจัดมอร์เฟียสกับพรรคพวกให้สิ้นซาก
บทวิจารณ์ : ★★★★★
นี่คือหนัง Action Sci-fi ที่เปี่ยมไปด้วยพลังในการเล่าเรื่อง หนังผสมผสานความเป็นแอคชั่น วิทยาศาสตร์ ปรัชญาและนำเสนอแนวคิดทางศาสนาออกมาผ่านสัญลักษณ์ต่างๆได้อย่างลึกซึ้ง
นอกจากเนื้อเรื่องที่น่าติดตามแล้ว สิ่งที่โดดเด่นอีกเรื่องของ The Matrix ก็คือเทคนิคพิเศษในการถ่ายทำ งานภาพที่ออกมามีความหวือหวา แปลกตา และได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ๆให้กับการสร้างสรรค์ฉากแอคชั่นอันน่าตื่นตา โดยเฉพาะฉากที่นีโอหลบกระสุนเป็นมุม 360 องศา นับเป็นหนึ่งในฉากที่น่าจดจำที่สุดของฉากแอคชั่นในยุค 90 เลยทีเดียว
.
นี่คือหนังคลาสสิคที่อยู่เหนือกาลเวลา ไม่ว่าจะกลับมาดูซ้ำอีกกี่รอบหนังก็ยังคงสนุก ครบรส เต็มไปด้วยปรัชญาอันลุ่มลึก จนทำให้เราต้องกลับมาตั้งคำถามกับตัวเองว่า
" แท้จริงแล้วชีวิตนี้คือความจริงแท้หรือเป็นเพียงภาพมายาลวงหลอกในฝันที่เราไม่มีวันตื่นกันแน่ ? "
17. Goodfellas (1990)
Rating 8.7 คะแนน จำนวนคนโหวต 1,005,978 คน
สร้างมาจากชีวิตจริงของสมาชิกแกงค์มาเฟียในนิวยอร์คที่ไต่เต้าจากตำแหน่งระดับล่าง ผ่านวิถีความอยู่รอดจนท้ายที่สุดเขาได้กลายมาเป็นพยานคนสำคัญของ FBI ในการกวาดล้างพ่อค้ายาเสพติดและผู้มีอิทธิพล
Goodfellas เป็นผลงานระดับมาสเตอร์พีชของมาร์ติน สกอร์เซซิ (Martin Scorsese) นำแสดงโดย โรเบิร์ต เดอ นีโร ร่วมด้วย เรย์ ลิออตต้า , โจ เปสชี่ และ พอล ซอร์วิโน่
เรื่องย่อ : หนังบอกเล่าเรื่องราวของ เฮนรี่ ฮิลล์ ที่มีความใฝ่ฝันอยากจะเป็นมาเฟีย เขาเฝ้าดูมาเฟียที่อยู่ในละแวกบ้านทำกิจกรรมต่างๆจนได้มีโอกาสช่วยงาน นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เฮนรี่ ฮิลล์ ได้รับการยอมรับ และเข้ามาสู่วงการมาเฟียอย่างเต็มตัว
การใช้ชีวิตที่รายล้อมไปด้วยแกงค์อิทธิพลทำให้เขาต้องก่ออาชญากรรมมากมายไม่ว่าจะเป็นการทวงหนี้ ปล้น ฆ่า ไปจนถึงค้ายาเสพติด แม้สิ่งเหล่านี้จะสร้างความร่ำรวยและมอบชีวิตที่สุขสบายให้กับเขา แต่ในท้ายที่สุดมันก็ย้อนกลับมาทำร้ายเขาเช่นกัน
บทวิจารณ์ : ★★★★
หนังถ่ายทอดเรื่องราวของวงการมาเฟียออกมาได้อย่างชัดเจน
.
ด้วยความที่สร้างมาจากชีวประวัติของบุคคลที่มีตัวตนอยู่จริง ทำให้เราได้เห็นวิถีชีวิตของคนที่เข้าสู่แวดวงอาชญากรรมที่ภาพภายนอกแสดงให้เห็นว่า พวกเขาคือกลุ่มอภิสิทธิ์ชนที่มีอำนาจ รักพวกพ้อง แต่แท้จริงแล้วเบื้องหลังของสิ่งเหล่านี้คือการเกาะเกี่ยวกันด้วยผลประโยชน์
1
สมาชิกทุกคนพร้อมที่จะทรยศหักหลังกันทันทีที่มีปัญหา หนังไม่ได้สะท้อนแค่ในมุมของวงการมาเฟียเพียงอย่างเดียว แต่ยังได้สะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของพวกเขาต่อคนรอบตัว เพื่อนฝูง ครอบครัว โดยเป็นการลำดับเรื่องราวอย่างละเมียดละไม ค่อยๆเล่าให้คนดูเข้าใจตัวตนของ เฮนรี่ ฮิลล์ ตั้งแต่วัยเด็กจนเขาเติบโตและก้าวเข้าสู่ด้านมืดอย่างเต็มตัว
.
หนังไต่ระดับความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆจนถึงจุดที่ควรจะเป็นแล้วจึงค่อยๆผ่อนเรื่องลงมาก่อนจะนำเข้าสู่ตอนจบที่สวยงามและน่าประทับใจ
18. One Flew Over the Cuckoo's Nest (1975)
Rating 8.7 คะแนน จำนวนคนโหวต 907,187 คน
หนังสร้างมาจากนวนิยายชื่อ " One Flew Over the Cuckoo's Nest " (1962) ของ เคน เคซีย์ เป็นหนังที่เสียดสีสังคมและแฝงไปด้วยประเด็นการเมืองอันหนักอึ้งด้วยท่าทีประชดประชันต่อระบบอำนาจนิยม
หนังได้รับคำชื่นชมและประสบความสำเร็จในแง่ของรายได้รวมถึงรางวัลต่างๆมากมาย โดยสามารถคว้ารางวัลออสการ์ได้ถึง 5 สาขา คือ Best Picture, Best Director, Best Actor, Best Actress และ Best Writing
เรื่องย่อ : นักโทษ แรนดัล แมคเมอร์ฟีย์ ถูกส่งตัวมาที่โรงพยาบาลจิตเวชเพื่อเข้ารับการประเมินจากแพทย์ว่า เขามีอาการป่วยทางจิตหรือไม่ ? กระบวนการนี้เป็นหนึ่งในขั้นตอนการพิจารณาคดีจากการที่เขาได้ล่วงละเมิดทางเพศเด็กหญิงวัยสิบห้าปีคนหนึ่ง
การมาของแมคเมอร์ฟีย์ได้สร้างปัญหาให้กับพยาบาลแรทเช็ด ซึ่งเป็นหัวหน้าวอร์ดของโรงพยาบาล เพราะเธอค่อนข้างเคร่งครัดในกฏระเบียบและบ้าอำนาจเป็นอย่างมาก ตรงข้ามกับบุคลิกของแมคเมอร์ฟีย์ที่มักจะต่อต้านสังคม ไม่ชอบกฏระเบียบ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นคนที่กล้าพูด กล้าวิจารณ์และตั้งคำถามต่ออำนาจนิยมที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาล
.
เขาพบว่าพยาบาลและผู้ช่วยไม่ได้มีความจริงใจในการรักษาคนไข้ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในกระบวนการรักษาเป็นเพียงการกระทำเพื่อต้องการรักษาอำนาจการปกครองไว้เท่านั้น
.
แมคเมอร์ฟีย์พยายามทำให้ผู้ป่วยคนอื่นๆได้เห็นถึงความผิดปกตินี้ เขาพยายามทำให้ทุกคนออกมาจากความกลัวและก้าวข้ามกรอบที่ถูกจำกัดเอาไว้จากการกดขี่ของผู้มีอำนาจ ซึ่งบทสรุปของเรื่องราวนี้ได้นำไปสู่โศกนาฏกรรมที่ไม่อาจลืมเลือน
บทวิจารณ์ : ★★★
หนังเรื่องนี้ทำให้ผมรู้ว่า " หนังดีของใครหลายๆคน อาจไม่ใช่หนังดีสำหรับเรา " ตัวหนังไม่ได้แย่ แต่ส่วนที่ทำให้ผมไม่ชอบหนังเรื่องนี้ก็คือ มันทำได้ดีจนผมกดดันและจิตตกไปหลายวันทีเดียว
ด้วยความที่หนังเป็นเรื่องของคนบ้าและคนไม่บ้าที่ต้องมาอยู่ร่วมกันในสังคมบ้าๆ ทำให้ผู้ชมอย่างเราแทบจะเป็นบ้าไปด้วย ในขณะที่ดู เราอาจจะรู้สึกว่าการกระทำของตัวละครดูเพี้ยนๆ แปลกๆ ไม่มีความสมเหตุสมผล แต่ถ้าพิจารณาให้ลึกลงไป เราก็จะเห็นว่า การกระทำที่ดูไร้เหตุผลนั้นเกิดมาจากความต้องการการแสดงออกเพื่อต่อต้านต่อความผิดเพี้ยนที่เกิดขึ้นในสังคม
เราจะทำตัวปกติในสังคมที่ผิดปกติได้อย่างไร ?
เท่าที่อ่านคำวิจารณ์จากหลายที่ นี่เป็นหนึ่งในหนังที่หลายคนชอบ แต่หลายคนก็ให้ความเห็นไปในทางเดียวกันว่า " ดูครั้งเดียวก็เกินพอ "
หมายเหตุ : การที่ผมให้สามดาวไม่ได้หมายความว่าหนังไม่ดี แต่เพราะผมรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้คงไม่เหมาะกับผมและขอเตือนสำหรับคนที่กำลังจิตตกหรืออยู่ในภาวะซึมเศร้า ไม่ควรดูหนังเรื่องนี้เด็ดขาด
19. Seven Samurai (1954)
Rating 8.6 คะแนน จำนวนคนโหวต 312,173 คน
ภาพยนตร์แนวผจญภัยดราม่าของ " อากิระ คุโรซาว่า " สุดยอดผู้กำกับชาวญี่ปุ่น ที่มีผลงานสร้างชื่ออย่าง " ราโชม่อน " โดยเรื่องนี้เขาได้มีส่วนร่วมในการประพันธ์เนื้อเรื่อง ตัดต่อ และกำกับด้วยตนเอง จนทำให้ Seven Samurai กลายเป็นอีกหนึ่งตำนานของวงการภาพยนตร์ที่ได้สร้างแรงบันดาลใจและส่งอิทธิพลต่อสไตล์การกำกับหนังของผู้กำกับมากมายทั่วโลก
หนังเรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงหนังไทยสองเรื่อง คือ " เจ็ดประจันบาน " กับ " บางระจัน " คาดว่าทั้งสองเรื่องคงได้่แรงบันดาลใจมาจาก Seven Samurai ด้วยเช่นกัน
เรื่องย่อ : หนังกล่าวถึงซามูไรพเนจร 7 คน ที่ถูกว่าจ้างให้มาช่วยปกป้องชาวนาจากการรุกรานของโจรป่า ซึ่งภารกิจครั้งนี้ไม่ได้มีค่าจ้างเป็นทรัพย์สิน เงินทอง แต่มีเพียงที่พักและอาหารสามมื้อให้เท่านั้น
.
การต่อสู้ที่มีชีวิตและความอยู่รอดของชาวนาเป็นเดิมพัน ทำให้เจ็ดซามูไรต้องวางแผนอย่างรัดกุมเพื่อที่จะเอาชนะโจรป่าที่มีกองกำลังมากถึง 40 คนให้ได้
บทวิจารณ์ : ★★★★★
ความสุดยอดของ Seven Samurai คือ ความสนุกที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้หนังจะมีความยาวถึง 3 ชั่วโมง 27 นาที แต่ก็สามารถสะกดคนดูให้อยู่กับเรื่องราวได้ตลอดเวลา นี่คือหนังสามชั่วโมงเรื่องแรกที่ผมดูต่อเนื่องจนจบโดยที่ไม่รู้สึกเบื่อ
หนังสะท้อนภาพชีวิตของชาวนาในสังคมญี่ปุ่นยุคโบราณได้เป็นอย่างดี เราจะได้เห็นสภาพอันอดอยาก แร้นแค้นของชาวนา ที่เป็นผู้ปลูกข้าวแต่กลับไม่มีโอกาสได้กินแม้กระทั่งข้าวขาวที่ตนเองปลูก
.
นอกจากนี้ยังมีการแบ่งแยกชนชั้นในสังคมอย่างชัดเจน มีหลายฉากที่แสดงให้เห็นว่าชาวนาเป็นชนชั้นที่ถูกดูแคลน จากพล็อตหลักที่เป็นการต่อสู้ของซามูไรพเนจรที่เสียสละเพื่อช่วยเหลือชาวนา ได้แตกย่อยออกเป็นพล็อตรองอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความรักของหนุ่มสาว พื้นฐานชีวิตของตัวละครฝั่งชาวนา ซามูไร ไปจนถึงกลุ่มโจรป่า ซึ่งพล็อตรองเหล่านี้ได้ส่งเสริมและทำให้พล็อตหลักของเรื่องแข็งแรงมากขึ้น
1
ในส่วนของการถ่ายทำ นี่คือหนังเรื่องแรกที่ใช้วิธีบันทึกภาพจากกล้องหลายตัวโดยการถ่ายทำเพียงครั้งเดียว เพื่อให้ภาพที่ออกมามีความสมจริงและไม่ผิดพลาด (โดยปกติการเปลี่ยนมุมกล้องของหนังสมัยก่อน จะทำการแสดงฉากนั้นซ้ำ เพื่อเปลี่ยนมุมมอง แต่คุโรซาว่าไม่เห็นด้วยกับวิธีการนี้ เขาเห็นว่าการถ่ายทำซ้ำๆหลายรอบอาจทำให้เกิดความผิดพลาดได้ง่าย เพราะเป็นไปไม่ได้เลยที่การแสดงจะเหมือนกันทุกรอบ)
ด้านคาแรคเตอร์ของตัวละครก็มีความโดดเด่น เพราะซามูไรทั้งเจ็ดคนต่างก็มีบุคลิกแตกต่างกัน มีทั้งคนที่สุขุมรอบคอบ คนที่ชอบฝึกวิชา คนที่ไร้เดียงสาต่อวิถีแห่งซามูไร
.
ในบรรดาตัวละครเหล่านั้น คาแรคเตอร์ของคิคูจิโร่ ที่แสดงโดยโตะชิโระ มิฟุเนะ ได้สร้างอิทธิพลให้กับตัวละครในหนังและอนิเมะยุคหลังเป็นอย่างมาก ด้วยบุคลิกของคิคูจิโร่ ซึ่งเป็นตัวละครฝ่ายดีแต่กลับมีแนวคิดต่อต้านสังคม ขวางโลกและมีความขบถในตัวเอง ซึ่งคาแรคเตอร์แนวนี้ล้วนได้รับแรงบันดาลใจมาจาก" คิคูจิโร่ " แทบทั้งสิ้น
นี่คือหนังขึ้นหิ้งจากผู้กำกับชั้นครู ถ้าใครไม่ได้ดูก็ถือว่าพลาดอย่างแรง
20. Seven (1995)
Rating 8.6 คะแนน จำนวนคนโหวต 1,423,708 คน
เรื่องย่อ : เรื่องราวการฆาตกรรมสุดโหดที่มีมูลเหตุจูงใจมาจากบาป 7 ประการในพระคัมภีร์ อันได้แก่ ตะกละ (Gluttony),โลภ (Greed),เกียจคร้าน (Sloth),ราคะ (Lust),หยิ่งยโส (Pride),ริษยา (Envy) และ โทสะ ( Wrath) ซึ่งเหยื่อทั้งเจ็ดคนจะถูกฆาตกรรมอย่างเหี้ยมโหดตามบาปที่พวกเขากระทำ
.
โดยทางตำรวจได้มอบหมายให้ เดวิด มิลล์ส (แบรด พิตต์) นายตำรวจหนุ่มที่เพิ่งย้ายมา รับหน้าที่ในการสืบสวน ขณะเดียวกัน วิลเลียม โซเมอร์เซต (มอร์แกน ฟรีแมน) นายตำรวจอาวุโสที่กำลังจะเกษียณ ก็ค้นพบเบาะแสบางอย่างที่นำไปสู่การจับกุมคนร้าย ทั้งสองจึงต้องร่วมมือกันเพื่อที่จะหยุดแผนสังหารในครั้งนี้ให้สำเร็จ
1
บทวิจารณ์ : ★★★★★
ถ้าจะเปรียบวิธีการเล่าเรื่องของ Seven เป็นการต่อจิ๊กซอว์ที่ร้อยเรียงให้ผู้ชมได้เห็นภาพของคดีฆาตกรรมที่เชื่อมโยงกับบาปทั้ง 7 ประการ ผมถือว่าการต่อจิ๊กซอว์ในครั้งนี้มีความสมบูรณ์แบบมากที่สุด
จะมีหนังสืบสวนสักกี่เรื่องที่สามารถออกแบบ และจัดลำดับการเล่าได้อย่างคมคายเท่าหนังเรื่องนี้ ทุกองค์ประกอบ ทุกรายละเอียดที่เกิดขึ้นในหนังถูกจัดวางอย่างลงตัวและนำไปสู่บทสรุปที่ผู้ชมคาดไม่ถึง ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไม Seven จึงมักจะติดอยู่ในโผทุกครั้งที่มีการจัดอันดับหนังหักมุมเพราะมันสุดยอดจริงๆ
1

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา