22 ธ.ค. 2020 เวลา 22:31 • ท่องเที่ยว
แชงกรีล่า (Shangri La) สรวงสวรรค์อันไกลโพ้น🌸🌸🌸
จุดชมวิว ที่ผู้คนนำดอกไม้มาสักการะด้วยการเผาณ.ที่แห่งนี้
ช่วงนี้ ข่าวโควิค เต็มไปหมด ควรจะต้องซึมซับแบบพอดีๆ สำหรับเอาไว้ระวังตัวพอแล้ว แต่หากเสพมากไป จากระวังมันจะกลายเป็นกลัว และก็กลัวซึมลึกลงไปๆ จนกระทั่งอาจจะซึมเศร้าเอาได้ หากจิตใจไม่เข้มแข็ง. เราจะพาร่างกายผ่านวิกฤติ ครั้งนี้กันได้อย่างไร ดังนั้น วันนี้จึงมาพาเที่ยว สถานที่สวยๆให้ลืมๆ ความกังวลกับโควิดกันสักนิดจะดีกว่า🌸🌸
เช้าตรู่ ไกด์บอกว่าเราต้องมาเจอกันที่ล๊อปบี้อย่าเกิน 6 โมงเช้า เพราะวันนี้เราจะเดินทางยาวนาน เพื่อไปแชงกรีล่า แหมชื่ออังกฤษมากๆแต่ปรากฎว่า ชื่อนี้จริงๆแล้วมันเป็นชื่อภาษาจีน ออกเสียงว่า “เชียงเกอหลีลา Xiang age Le La “ แปลว่า สถานที่ซึ่งสุริยัน จันทรา ประทับในดวงจิต หรือแดนสวรรค์บนโลก” พอได้ไปสัมผัสที่นี่จริงๆ ถึงกับพึมพำกับตัวเอง มันใช่เลย นี่มันสวรรค์บนดินจริงๆ❤️
ทุ่งหญ้านาพาไห่
รถบัส พาเราไปบนเส้นทางคดเคี้ยวสักพักใหญ่ เราก็เริ่มเห็นทุ่งกว้างๆสุดสายตา เหมือนทุ่งสำหรับเลี้ยงสัตว์ แล้วไกด์ก็บอกว่า เราจะจอดให้ถ่ายรูป และเขาก็บอกว่าทุ่งกว้างๆนี้ชื่อว่า “ทุ่งหญ้านาพาไห่” ทุ่งแห่งนี้ในหน้าแล้ง น้ำจะแห้งเป็นทุ่งหญ้ากว้างสุดสายตา แต่ในฤดูฝนที่ตรงนี้จะกลายเป็นบึงนำ้ ที่นักส่องนกมักจะมาแอบดูนกกระเรียนคอดำที่เดินหาปลาในบริเวณนี้ ดังนั้นที่แห่งนี้จึงเป็นศูนย์อนุรักษ์ธรรมชาติแห่งหนึ่งของจีน พวกเรากรูกันไปถ่ายรูปอย่างลิงโลด มีม้า แกะ เป็นภาพประกอบฉาก ท่ามกลางทุ่งหญ้าที่เบื้องหลังมีภูเขาหิมะ สูงตระหง่าน ช่างเข้ากันอย่างพอดิบพอดีจริงๆ🦩🦩
พอถูกเรียกกลับขึ้นรถ รถเคลื่อนออกต่อไปสักพักใหญ่ๆ จากที่เราเห็นทุ่งหญ้า ละลานตา กลับกลายเป็นภูเขาแห้งแล้ง ไม่เห็นแม้ต้นไม้สักต้น ไกด์อธิบายให้ฟังว่า ตรงนี้ จะมีแม่น้ำจินซาเป็นส่วนหนึ่งของแม่น้ำแยงซี ที่ไหลผ่านภูเขาสองลูกและมาบรรจบกัน จนเป็นหุบเขาแห่งนี้ที่ถูกเรียกว่าหุบเขาเสือกระโจน (tiger Leaping Gorge)ซึ่งเป็นหุบเขาที่มีความลึกที่สุดในโลก อยู่ห่างจากเมืองลี่เจียงประมาณ 60 กม. โดยตัวหุบเขามีความยาวถึง 15 กม.และจุดที่ลึกที่สุดจากวัดจากยอดถึงแม่น้ำคือ 3,800 เมตร และจากหน้าผาถึงน้ำสูง 2,000 เมตรจนมีตำนานเล่าว่ามีเสือมากระโจนหนีนายพราน ในส่วนที่แคบที่สุด คือ 30 เมตรจนได้ชื่อว่าหุบเขาเสือกระโจน และมีรูปปั้นเสืออยู่ตรงหน้าผาด้วย🐯🐯
หุบเขาเสือกระโจน
และรถบัส ของทัวร์ติ๊ดฉึ่ง ของพวกเราก็ลัดเลาะทิวเขาที่มีเหวลึก ไปๆมาๆนานมาก ถึงแม้ว่าวิวข้างทางจะสวยขั้นเทพ แต่พอนานไปมันก็เริ่มจะเบื่อ พวกเราจึงขอให้ช่วยจอดเพื่อเข้าห้องน้ำ เพราะอากาศเย็นชวนให้ปวดฉี่มากๆจนทนแทบไม่ไหว เราก็มโนไปว่าคงมีห้องน้ำอยู่ที่ปั้มน้ำมันสักแห่งหรอกน่า และแล้วรถก็พาจอดข้างทาง ไกด์บอกว่ามีห้องน้ำสาธารณะอยู่ข้างหน้า เราดีใจมากเพราะท้องเป่งแล้ว พอรถจอดและประตูรถเปิด เราต้องผงะกับกลิ่นอันฉุนเฉียว ลอยมาทักทาย
รูปด้านล่างคือรูปที่ดีมากกกสุดแล้ว ฝีมือการถ่ายรูปของเพื่อนทอมบอยประจำทริป ซึ่งบ้ามากๆ ไม่รู้ว่ารวบรวมสติที่ไหน จึงถ่ายรูปนี้มาได้ 😳😳
เราปวดฉี่จนวิ่งฝ่าความเหม็นเข้าไปด้วยความหวังว่า เอาน่าฉี่ๆไปเหอะ แต่ต้องผงะกับส้วมที่เห็น เรียกว่าฉี่แทบไม่ออกเชียว เราจำใจต้องจัดการภาระกิจอย่างเร่งรีบ แบบจะอ๊วกแหล่ไม่อ๊วกแหล่ พอจะลุกใส่กางเกง ดวงตาอันซุกซน ดันกวาดมองลงไปด้านล่าง โอววว เท่านั้นและอาเจียนพุ่ง วิ่งออกมาอย่างไม่ได้รูดซิปกางเกง ขอแต่เพียงว่าอยากออกมาให้ไกลที่สุด และเร็วที่สุด ก็ภาพของหนักที่กองพูนรวมกันมากมายอยู่ด้านล่าง อยู่ในรางที่เราเห็นในภาพ แต่อันที่อยู่ในรูปเนี่ย เขาได้เอาน้ำราดออกไปแล้ว แต่ช่องที่เราไปประสบ มันยังคงอยู่เต็มเปี่ยม เราจำได้ว่า ออกมานั่งอาเจียนข้างๆรถ จนหน้าเขียว และตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เราก็ไม่ยอมเข้าห้องน้ำนอกโรงแรมอีกเลย🥲
ห้องน้ำจีน ที่ทำเรากลับไทยมากินข้าวไม่ได้ น้ำหนักลดไป 5กิโล
หลังจากอำลาห้องน้ำนรกนั่นแล้ว เรานั่งผะอืดผะอม ไปพักใหญ่ สักพักรถก็จอดลงอีกครั้ง เนื่องจากผ่านวัดอะไรไม่ทราบ มีหนึ่งในรถร้องขอให้จอด เพราะอยากดู มองผ่านไปไกลๆดูเหมือนเขากำลังทำพิธีอะไรกันอยู่ พระที่เห็นนี้คือลามะนิกายหมวกเหลือง กำลังทำพิธีสวดมนต์ ซึ่งอึกทึกครึกโครมมากๆ พระบางองค์เป่าแตรยาว บางองค์มี ฉาบอันใหญ่ๆ บางองค์มีเครื่องเคาะ บางองค์มีกลอง บรรเลงไปพร้อมๆกับการสวดมนต์ เสียงกระหึ่ม ดูแล้วขลังดี แต่ก็อดไม่ได้ ที่จะมีการตั้งชื่อพิธีกรรมการสวดแบบเราๆว่า “พระคอรัส” จนพี่สูงอายุในกรุ๊ปตีป้าบเข้าให้ที่แขน แล้วบอกว่าบาป🤣😂เราแอบหัวเราะแล้วพึมพำกับตัวเองว่า. ผิดตรงไหนพระคอรัส ก็คือพระจำนวนมากประสานเสียงกันโดยพร้อมเพรียงกัน เหมือนโอเปร่า ก็มันก็เป็นแบบนั้นไหม😩😩
ดูพิธีกันอย่างสาแก่ใจแล้ว รถพาออกจากวัดที่จำชื่อไม่ได้วัดนั้น ลัดเลาะภูเขาต่อ แม้ถนนสายนี้ จะห่างไกลและกันดาร แต่ก็มีผู้คนปลูกบ้านเรือนอยู่ประปราย ตลอดเส้นทางผ่าน จนกระทั่งรถเริ่มพาเข้าสู่แนวเขาที่แสนสวย ที่เรียงรายสูงเด่น เป็นฉากหลังของศาลาจีนที่มีผ้าหลากสี ผูกระโยงระยาง ท้าทายสายลมอยู่ดูสวยงามมาก แต่ระคนไปกับความเหงามากๆ มันทั้งเงียบ ทั้งสงบ ทั้งสวย แต่ดูแล้วเหงาเหลือเกิน เพราะนานๆที จะมีรถผ่านมาสักคัน ตรงนี้เหมือนซุ้มประตูเปิดผ่านเข้าเมือง แชงกรีล่า มีสถูปเจดีย์แบบทิเบต 13 องค์ เพื่อแทนยอดเขาทั้ง 13 ยอดของเทือกเขาเหมยลี่ สำหรับนำดอกไม้มาเผาไฟ เพื่อสักการะ🙏
ประตูสู่เมืองแชงกรีลา มีภูเขาเหมยหลี่ เป็นฉากสวยงามอยู่เบื้องหลัง🌸
ผ้าหลากสีและการเผาดอกไม้ เป็นการบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวเมืองนี้เชื่อว่าอยู่ที่ภูเขาเหมยหลี
ภูเขาเหมยลี่ภาษาทิเบต เรียกว่า คาวาเก๋อโป หมายถึงภูเขาหิมะสีขาว ซึ่งภูเขานี้เป็นจุดศูนย์รวมของแม่น้ำ 3 สายได้แก่ แม่น้ำจินซาเจียง(ต้นน้ำของแม่น้ำแยงซีเกียง )แม่น้ำหลั่นซางเจียง (แม่น้ำโขงตอนบน) และแม่น้ำบู่เจียง (แม่น้ำสาละวิน)และภูเขาเหม่ยลี่แห่งนี้ ยังเป็นภูเขาที่สูงที่สุดของมณฑลยูนนาน และถือว่าเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของมณฑลยูนนาน🙏🙏
และแล้วเราก็ถึงเมืองเต๋อซิง หรือที่เรียกสวยๆว่าแชงกรีลา เมืองนี้เป็นเมืองท้ายสุดซึ่งสุดเขตประเทศจีน เมืองนี้อยู่ด้านเหนือของยูนนานติดกับธิเบต มีความสูง 3,550 เมตรจากระดับน้ำทะเล แล้วก็มีหิมะปกคลุมแทบจะทั้งปี และประชากรส่วนใหญ่ จะเป็นชาวธิเบต ที่นี่หนาวมากๆ เอาเป็นว่านอนที่นอนธรรมดายังเย็นเฉียบ ทางโรงแรมเขามีที่นอนไฟฟ้าบริการ ซึ่งมันทำให้เราไม่ได้นอนทั้งคืน เพราะกลัวว่าขณะที่กำลังอุ่นๆอยู่นั้นไฟจะดูดเราตาย เลยลุกๆนั่งๆอยู่จนเช้า🥱
ที่นอนไฟฟ้าเสียบปลั๊ก made in China ซึ่งทำเรานอนไม่หลับเพราะกลัวว่าอาจจะไม่ได้ตื่นอีกถ้าหลับเพลิน🤣
เช้าตรู่ ของวันใหม่ ไกด์พามาที่วัดเฟยไหลซื่อ ที่เราชอบที่สุด ที่วัดเฟยไหล มองลงไปด้านล่าง จะเห็นตัววัด สร้างแบบทิเบต ตั้งอยู่ท่ามกลางสายหมอก มองดูแล้วนี่มันสวรรค์บนดินชัดๆเลย
บริเวณรอบวัด จะมีกงล้อแห่งมนตรา หรือกงล้อธรรม ที่ชาวจีนเชื่อว่า หากหมุนกงล้อจนครบ จะเสมือนว่าได้สวดมนต์จบเป็นพันๆบท เราเลยไปเดินหมุนเสียสองรอบ 2000 บท ตุนไว้ เพราะเราไม่ค่อยได้เข้าวัด😂😂
เหมือนภาพวาด เมื่อมองลงไปจากด้านบน
ไฮไลต์ของทริปนี้คือวัด ซงจ้านหลิน(Songzanlin)ก่อสร้างขึ้นในสมัย
ทะไลลามะองค์ที่ 5 ในยุคจักรพรรดิคังซีแห่งราชวงศ์ซิง จำลองแบบมาจากพระราชวังโปตาลา (Potala)อยู่ในเมืองลาซา
วัดซงจ้านหลินนี้เป็นวัดของนิกายลามะหมวกเหลือง ที่ใหญ่ที่สุดในยูนานซึ่งเป็นพระที่เคร่งในเรื่องธรรมวินัยมากๆ วัดทาสีสรรสดใส ตัวอาคารมีขนาดใหญ่มากภายในมีภาพวาดสวยงาม
สีสันสดใสในสไตล์ทิเบต
สัตว์เลี้ยงหน้าแปลก คือสุนัขพันธุ์จีน ขนฟูเพราะที่นี่อากาศหนาวตลอดปี ส่วนสัตว์ที่เห็นเยอะอีกชนิดคือตัวจามรี คนที่นี่นิยมกินเนื้อจามรี และใช้น้ำมันจากตัวจามรีสำหรับทำอาหาร ทำให้รสชาติอาหารมีกลิ่นสาปเฉพาะตัวแม่งๆ ซึ่งเรากินไข่ต้มดีกว่า เพราะกลิ่นน้ำมันมาทำให้ไม่ชอบ(เรื่องเยอะ🤣)
เมืองโบราณในคุณหมิง จำชื่อไม่ได้ว่าชื่ออะไร
ก่อนบินกลับบ้าน มาแวะคุณหมิงเพื่อสักการะ วัดหยวนทง ซึ่งเป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดและเก่าแก่ที่สุดของมณฑลยูนนาน สร้างในราชวงศ์ถัง ยาวนานร่วม 1200 ปีแล้ว ถือว่าเป็นอารามที่ใหญ่ที่สุดในคุณหมิง มีศาลาสวยงามแปดเหลี่ยมอยู่กลางสระน้ำ สีเขียวมรกต สวยงามและยิ่งใหญ่จริงๆ
หลังจากไหว้พระเสร็จแล้ว ได้เวลาต้องกลับแล้ว รู้สึกชอบทริปนี้ สนุกดี มีหลายรสชาติถ้ามีโอกาสจะกลับไปอีกครั้ง❤️
วัดหยวนทง (Yuantong Temple)
ถึงบทส่งท้ายแล้ว รวมภาพดอกไม้จากจีน มาแบ่งกันสดชื่น🌸🌸🌸
📌 ชนบทจีน เป็นอีกมุมมอง ที่สวยงามตามธรรมชาติ😊
📌 อาหารที่จีนเลี่ยนไม่อร่อย เขามักจะใช้น้ำมันเยอะ ยิ่งถ้าใช่น้ำมันจามรีละก้อกินไข่ต้มดีกว่า😩
📌หากไปจีน นั่งรถไกลๆ อย่าดื่มน้ำเยอะ และหากไม่จำเป็น ให้กลับไปเข้าห้องน้ำที่โรงแรมจะดีกว่าถ้าไปชนบทไกลๆของจีน😳ยอมเป็นนิ่วยังดีกว่า
ตบท้ายด้วยหนุ่ม Door man ขวัญใจเรา และสาวๆในทริปนี้ น้องน่ารักแทบจะถามว่า “น้องมีค่าเทอมยัง😂😂🥰

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา