ความจริงแล้ว หน้าที่ของโฆษณา (Ads) คืออะไร?
Why We Run Ads
ถ้าถามคนที่ยิงโฆษณาอยู่ว่า "ทำไมคุณถึงยิงแอด?" คิดว่าคนส่วนใหญ่จะตอบว่าไงครับ?
ใช่แล้ว เขา (และเรา) จะตอบกันว่า "เพื่อขายสินค้าให้ได้มากขึ้น"
และด้วยเป้าหมายดังนี้ ทำให้กว่าจะเห็นผลลัพธ์ เลือดตาก็แทบกระเด็น สาเหตุเพราะอะไรผมจะอธิบายให้ฟังครับ
ตลอดปี 2020 ที่ผ่านมานี้ ต้องบอกว่าไม่ใช่ปีที่ดีของมนุษยชาติเลยครับ
ทั่วโลกต่างเจอมรสุมวิกฤตใหญ่ๆมาตลอดทุกเดือน เศรษฐกิจที่ย่ำแย่มาตลอด พอ Covid เข้ามา ยิ่งเละเทะไม่เป็นท่า
แต่ด้วยสภาวะที่ถูกบังคับให้ต้องอยู่บ้าน ทำให้วงการ E-Commerce หรือการค้าขายออนไลน์เติบโตขึ้นอย่างพรวดพราด
สื่อ กูรู หรือแม้แต่รัฐบาล ก็พยายามสร้างทัศนะคติให้มองว่า “ออนไลน์” คือโอกาสในวิกฤต และสนับสนุนให้ทุกคนหันหาการค้าขายออนไลน์
สิ่งที่ตามมาคือ ตลาดมันก็เลยสีแดงฉาน ไฝว้กันเลือดสาด และประโยคยอดฮิตที่จะได้ยินบ่อยสุดๆในปีนี้ก็หนีไม่พ้น…
“ค่า Ads แพงขึ้น!”
จริงๆแล้วทั้ง Facebook, Google หรือแม้แต่ช่องทางโฆษณาออนไลน์อื่นๆ ก็แพงขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกันทั้งหมดเลยครับ แต่ผมจะ Focus ที่ Facebook เป็นหลัก เพราะนี่คือช่องทางที่คนไทยเล่นเยอะ และยิงโฆษณากันเยอะที่สุด
ค่า Ads แพง แล้วต้องทำยังไง?
นี่เป็นคำถามที่ตอบยากมากๆฮะ คือ ในกระบวนการยิง Ads มันมีรายละเอียดเยอะมากๆ
ขอเปรียบเทียบอย่างนี้ครับ
Shabu Shabu
สมมติว่าคุณเปิดร้านขายบุฟเฟ่ต์ชาบู ซึ่งก็ขายดีใช้ได้มาตลอด
อยู่มาวันหนึ่งยอดขายตก
และไม่ใช่ตกแบบเหวี่ยงๆ เดี๋ยวขึ้น เดี๋ยวลง แต่มันลงแล้วเงียบหายยาวๆไปเลย
คุณจะทำยังไงครับ?
แน่นอนคุณก็ต้องเริ่มมาไล่ดูว่าอะไรคือสาเหตุ
คุณภาพอาหารตกไปรึเปล่า?
วัตถุดิบที่ซื้อยังสดใช้ได้อยู่ไหม?
บริเวณรอบๆมีร้านอื่นมาเปิดบ้างไหม?
บริการในร้านทำได้ดีหรือไม่?
เรื่อยมาจนถึงการโปรโมทของคุณ ยังได้รับการตอบรับดีอยู่รึเปล่า? (ถ้าคุณยิง Ads คุณก็คงไปดูว่า Engagement ยังดีไหม มีคนมาร้องเรียน มาบ่นเรื่องอะไรใน Facebook บ้างรึเปล่า)
แล้วคุณก็เอามาปรับแก้ ถูกไหมครับ?
ไอ้การจะแก้ไขปัญหาค่า Ads แพง มันก็ควรจะมีวิธีคิดแบบเดียวกันนี่แหละครับ คือมันต้องไปไล่ดูทั้งธุรกิจ และไปไล่ดูทุกๆเส้นทางที่กลุ่มเป้าหมายมีปฏิสัมพันธ์กับเรา
นี่เป็นเรื่องใหญ่ และประเด็นเรื่องค่า Facebook Ads แพงขึ้น ก็เป็นประเด็นสำคัญมากๆ สำหรับนักธุรกิจออนไลน์
เพราะมันก็ไม่มีแนวโน้มจะลดลงเลยครับ มันมีแต่จะแพงขึ้นต่อไปเรื่อยๆ
การจะแก้ไขให้ได้ ต้องย้อนกลับไปถามตัวเองด้วยคำถามแรกใหม่ครับ
ทำไมคุณถึงยิง Ads?
ถ้าคุณตอบคำถามนี้ได้ดี คุณจะเข้าใจหน้าที่ของการโฆษณาได้ถูกต้อง
และวิธีการสร้าง “Sale Funnel” หรือ “เส้นทางการขาย” และการปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าของคุณจะเปลี่ยนไปหมดเลย
ผมมีข้อมูลชุดนึง ซึ่งอาจจะช่วยคุณตอบคำถามนี้ได้ครับ
Selling VS Flirting in a Bar
สมมติว่า Prospect หรือกลุ่มคนที่มีโอกาสจะซื้อของจากคุณ มีอยู่ทั้งหมด 100 คน
ใน 100 คนนี้ จะมีคนอยู่แค่ 3 คน กำเงินเตรียมพร้อมจ่ายไว้แล้ว
3 คนนี้คือคนที่ [รู้ว่าตัวเองมีปัญหา] + [รู้ว่ามีทางแก้ปัญหานี้อยู่ในตลาด]
สิ่งที่เขาต้องทำก็คือ การไปเลือก “ทางแก้” ว่าแบรนด์ไหนถูกใจที่สุด
ถ้าคุณกำลังยิง Ads เพื่อขายสินค้า คุณกำลังโฆษราไปหาคนกลุ่มนี้อยู่ ซึ่งคุณจะต้องต่อสู้ฟาดฟันกับคู่แข่งมากมาย
ถ้าไม่เชื่อ ลองเอา Keyword สินค้าของคุณไปค้นหาในกูเกิ้ลดูครับ
คุณจะพบว่า มีโฆษณามากมายเต็มไปหมด พยายามตะโกนให้ดังที่สุด ว่า…
“ฉันดีกว่านะ”
“ฉันเก่งกว่านะ”
“ฉันถูกกว่านะ”
“ฉันมีโปรโมชั่นด้วยนะ”
ถ้าคุณได้ลองทำตามที่ผมบอกเมื่อกี้ เมื่อคุณไปเล่น Facebook คุณก็จะเห็นโฆษณาจากคู่แข่งของคุณ ซึ่งก็พยายามทำเช่นเดียวกัน
“ฉันคือแบรนด์อันดับหนึ่ง”
“ฉันราคาถูกที่สุด”
“มาเลือกฉันเถอะ ฉันดีที่สุดแล้ว นะ นะ”
นี่ไม่ต่างจากการที่คุณเดินเข้าไปในร้านผับ เจอสาวสวย หรือหนุ่มหล่อซักคน แล้วคุณก็ปรี่เข้าไปคุกเข่า ยื่นแหวน ขอเขาแต่งงานทันที
ถ้าแหวนของคุณเพชรเม็ดไม่ใหญ่พอ หรือคุณไม่ได้เบ้าหน้าดีเหมือน โดม ปกร / ชมพู่ อารยา โอกาสที่เขาจะปฏิเสธก็เรียกได้ว่าสูงทะลุเทือกเขาหิมาลัย
คุณกำลังทำแบบนั้นอยู่รึเปล่าครับ?
ถ้าใช่นั่นหมายถึง คุณตอบคำถามที่ว่า “ทำไมคุณถึงยิง Ads” เหมือนคนส่วนใหญ่ คือประมาณว่า “ก็จะได้ขายสินค้าได้”
สิ่งแรกที่คุณต้องรู้เลยก็คือ Ads ไม่ได้มีหน้าที่ขายครับ
มันมีหน้าที่ดึงดูดความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย แค่นั้นจบ
ณ ตอนนี้ เปลี่ยนวิธีคิดเรื่องยิง Ads ของคุณซะก่อน เพื่อให้วิธีการทำโฆษณาของคุณเปลี่ยนไป
ส่วนเรื่องการขาย ไว้เรามาคุยกันในโอกาสหน้านะครับ
- 2
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
