19 ธ.ค. 2020 เวลา 10:25 • ไลฟ์สไตล์
ตอนที่ 2 เสพติด😀
หลายคนที่ไม่ได้ร้องเพลงเป็นประจำจะมีคำถามเหมือนผมตอนแรกคือ เราร้องผ่านแอพแล้วฟังคนเดียวได้มั้ย ไม่ต้องแชร์ให้โลกรู้ 😂
สนใจหนะสนใจ เรื่องเสียงเพลงมันชอบกันทุกคนแหละ แต่คนที่ไม่เคยร้องเพลง มักจะบอกตัวเองว่า ฉันร้องไม่เป็นหรอก จริงๆผมว่าร้องกันได้หมด เพียงแต่มันยังไม่ได้เริ่ม พอมี App แบบนี้ก็อยากจะร้องบ้างแต่ถ้าต้องลงให้คนอื่นดูด้วยก็ไม่ค่อยอยาก เรียกว่าร้องเองฟังเอง แล้วดึงออกมาเป็นไฟล์ข้างนอก เราจะเอาไปทำไรไปลง Youtube แล้วแต่เราหนะได้มั้ย
คำตอบคือไม่ได้ เสียงร้องเรามันเป็น content ของแอพที่ต้องโพส ถ้าทุกคนร้องแล้วเก็บไว้ฟังเองจะทำแอพไว้ทำไม😅
ตอนนั้นเค้าใช้ แอพ ร้องลง BD กัน ผมก็ยังใช้ดีดกีต้าร์เองแล้วร้องอยู่ จนครูปัทม์ที่ช่วงแรกร้องบ่อยกว่าคนอื่น มาบอกว่า ใช้ Wesing สิ
16
ครูปัทม์เค้าให้ผมร้องแบบเพลงคู่ แล้วบอกวิธีดึงมาลง Youtube แล้วหาเวปแปลงให้เป็น MP3 อีกที แล้วค่อยมาลง BD
11
นั่นก็เป็นครั้งแรกที่ผมเริ่มใช้แอพ และตั้งแต่นั้นมาก็ใช้ Wesing มาตลอด และก็เริ่มติด ติด ติด
ผ่านมาหลายเดือน จนเมื่อต้นเดือนนี้เอง มาลองใช้ Starmaker ดูบ้าง
เราจะร้องและเก็บไว้ฟังเองก็ได้ แต่มันจะไปอยู่ใน บันทึกร่าง เอาออกไปไหนไม่ได้ ทั้ง 2 แอพ ส่วน Smule แอพอีกตัวผมยังไม่เคยใช้ แต่คิดว่าเหมือนกัน
ทีนี้พอมาใช้ Starmaker ดันติดมากกว่าเก่า ส่วนตัวแล้วคิดว่า Starmaker ให้เสียงที่ดีกว่าทั้งเสียงดนตรี และการปรับแต่งเสียง
ลองมานับดูเพิ่งเล่น Starmaker 18 วัน ร้องไป 61 เพลง ตกวันละ 4 เพลงแต่ละเพลงไม่ใช่ร้องๆและจบไป ส่วนใหญ่ร้องแล้วเก็บมาเลือกแล้วเลือกอีก ไม่รู้กี่เทค
เอ้ย เรานี่เสพติดไปป่าวเนี่ย 😂😂 งานการไม่ต้องทำกันละ
มันสะดวกไงมีมือถือ กับหูฟังก็พอแล้ว ที่ยากคือหาจังหวะร้องนี่แหละ ที่ต้องเป็นความลับ และเป็นส่วนตัวจริงๆ จากที่ได้สำรวจมาจากดุสิตโพล 😁😁
บางคน เข้าห้องน้ำบ่อยและนานมาก
บางคน ถึงที่หมายแล้วไม่ลงจากรถ
บางคนว่างจากงานที่ทำงานซัก 10-15 นาที ไปหาห้องว่างๆในที่ทำงาน ไม่ว่าจะเป็น โรงพยาบาล ออฟฟิต เพื่อขอ ไปจัด ซักเพลง 😂😂
ผมเองก็ด้วย จริงๆแล้วสมาชิกที่บ้านไม่มีใครรู้หรอกว่าผมมาร้องเพลง ลงแอพ ทุกวันแบบนี้ ผมก็หาช่องทางแบบนี้แหละ พอเค้าถามว่าไปทำไรในรถ ก็ตอบไป "อ๋อๆ ประชุมออนไลน์หนะ"
5
ถ้าไปร้องในรถ เกิดคนจ้องมา ก็ไม่ต้องหยุดนะครับ ทำไม้ทำมือไป ปากก็ร้อง ทำนองว่า ทำไมหละ คุยโทรศัพท์ อยู่ 😁😁
2
พอได้ยินเพลงอะไรขึ้นมา ไม่ว่าจากวิทยุในรถ จากที่ทำงาน มืออยากจะหยิบมือถือขึ้นมา หาดูว่า ไอ้เพลงเนี่ยมันมีมั้ย กดเอาไว้ก่อน อดไม่ได้จริงๆ 😂😂 แบบนี้เรียกว่าติดงอมแงม เลย ปกติเล่น BD ก็บอกกับตัวเองว่า 80:20 นะ งาน 80 BD 20
ตอนนี้ ร้องเพลง 80 BD 20 😂😂 งานหายไปไหนเนี่ย
1
Wesing ผมว่าใช้ง่าย บางเพลงที่มี จะมีปุ่ม ให้เสียงต้นฉบับ ออกมาพร้อมกับให้เราร้องได้พร้อม หรือมีเสียงไกด์นำทางเบาๆคลอเรียกว่าปุ่มอัจฉรียะ ก็ดีไปอย่างทำให้ เราร้องได้ตรงพอดี แต่อาจทำให้เราไม่ได้โฟกัสเสียงตัวเองถ้าเราเปิดเสียงต้นฉบับ ส่วนตัวถ้าเพลงที่ร้องได้อยู่แล้วก็จะไม่ใช้
1
Starmaker มีปุ่มไกด์เสียงต้นฉบับนำทางเหมือนกัน แต่ผมกดมาเป็นร้อยเพลงแล้ว มันบอกเพลงนี้ไม่รองรับตลอดเลย เลยไม่รู้ว่าจะมีไว้เพื่อ? ผมก็ไม่เคยได้ใช้ ส่วนที่ผมชอบอันนึงคือ มีปุ่มให้เสียงที่เราร้องเข้าไมค์ออกมาในหูฟังเบาๆ ถ้าเราเปิดวอลลุ่มมากหน่อย จะทำให้เราได้ยินเสียงตัวเองสะท้อนเข้ามา เหมือน mornitor เสียงตัวเอง เพราะจะรู้ว่าที่กำลังอัดอยู่เสียงมันจะประมาณไหนเราจะปรับการร้องเราแบบเรียลไทม์ได้เลย อันนี้ชอบมากปุ่มนี้เป็นรูปหูฟังเรียกว่า เสียงกลับไปที่หูฟัง
ในระหว่างร้อง เรากด pause ระหว่างเพลงได้ เผื่อเหนื่อย หรือคอแห้งพอดี ขณะร้องถึงช่วงบรรเลง กดหยุดพักกินน้ำได้ 😅😅
แล้วกดร้องต่อมันก็ต่อให้ หรือถ้าเป็นร้องคู่ส่วนของเรายังไม่ถึงใช้มือเลื่อนให้วิ่งมาเร็วๆให้มาใกล้ที่เราจะร้องได้ไม่ต้องรอ ก็สะดวกดี อันนี้เหมือนกันทั้ง 2 แอพ
แต่พอร้องเสร็จแล้ว เราจะฟังดูว่าโอเคมั้ยก่อนส่ง เพื่อแต่งเสียง หรือจะบันทึกเก็บไว้ก่อนเรียกว่า บันทึกร่าง
Wesing มันจะบันทึกร่าง โดยเราต้องแต่งเสียงให้เสร็จเลยว่าจะเอาแบบไหน จะมาแก้ใหม่ไม่ได้ เราจะต้องร้องใหม่และบันทึกมาใหม่ ส่วนของ
Starmaker จะบันทึกร่างเฉพาะเสียงเราไว้ พวก preset แต่งเสียง ทั้งหลายไม่จำไว้ เวลาเราจะใช้โพสจริงๆค่อยมาเลือกอีกที ก็ดีไปอย่าง บันทึกร่างจะทับไปเรื่อยๆ
ก็มีข้อดีกันคนละแบบ แต่ที่เหมือนกันคือ เราทำกี่รอบก็ได้จนกว่า เราจะมั่นใจว่าดีที่สุด ค่อยโพสลงไป
ร้องเสร็จมันจะประเมินผลเป็นเกรดให้เรา D C B A A+ A++ SS SSS แล้วแต่แอพ ถ้าไม่จบหรือไม่ได้ร้องเลยมันจะส่งประโยคปลอบใจมา หรือถ้าดีขึ้นมาหน่อยก็จะมีอวยเรา ก็ขำๆดี เช่น "เสียงคุณดุจดังนางฟ้า" "คุณต้องเป็นซูปเปอร์สตาร์แน่นอน" 😂
ต่อมาพูดถึง การนำเอาผลงานเราออกมาเพื่อไปใช้ข้างนอก ไม่ว่าจะเป็น Youtube หรือ BD ทั้งสองแอพมีวิธีต่างกัน ผมมองว่า Starmaker สะดวกกว่ามาก Wesing มีหลายขั้นตอนมากกว่า (อาจจะมีวิธีอื่นที่เร็วกว่าผมไม่แน่ใจแต่ผมจะกล่าวในแบบที่ผมทำ)
Wesing เราจะกดแชร์ กดไป Youtube ซึ่งเราจะต้องมี youtube ID เปิดอยู่ในมือถือนั้น มันก็จะนำไป อัพโหลดในแอพ Youtube นั้น
จากนั้นเราต้องเอา link youtube นั้น copy เอาไปใช้เวป แปลง Youtube เป็น MP3 อีกที
เพราะ BD ใช้ MP3 ในการลง ตามรูปข้างล่าง
กดแชร์ไป Youtube แล้วเอา link ของ youtube ไปวางในโปรแกรมตามรูปทางขวา กดแปลงเป็น MP3 แล้วเอาไปใช้
Starmaker เข้าไปแชร์เหมือนกันเพื่อ copy link ออกมา ทันทีที่เรา copy เราสลับหน้าจอไปยัง อีกแอพนึงสำหรับ การโหลดไฟล์ของ Starmaker โดยตรง แค่เข้าไปกดปุ่ม Download เลือกให้เป็น MP3 ก็จบเลย มันจะแปลงอัตโนมัติ แปบเดียวเสร็จเอามาลง BD ได้เลย
กดแชร์และคัดลอกลิ้งค์ใน Starmaker แล้วออกมากดอีกแอพชื่อ sing download ลิ้งค์ที่เราคัดลอกไว้ก็เข้ามาเลย จากนั้นกดตามขั้นตอน โหลดเป็น MP3 เสร็จเลย
มาถึงช่วงสำคัญ คือการปรับคีย์เสียง การแต่งเสียงหลังเสร็จ (คงเป็นแค่ความเห็นนะ ไม่ใช่ว่าทำแบบผมจะดี จะเพราะ มันขึ้นอยู่กับความชอบด้วย)
อันนี้ผมลองใช้ 2 แอพจริงจัง (Smule ใช้ครั้งเดียว เลยไม่เอามาเทียบนะครับ)
ผมชอบ Starmaker มากกว่า Wesing ในแง่เสียงเพลงและการปรับเสียง ถ้าปรับแล้วเสียงเราเพราะขึ้นมันก็ยิ่งอยากร้องเพลงอื่นๆต่อ 😁
การปรับคีย์เสียงจำเป็นนะ เราไม่สามารถร้องเพลงที่คีย์ไม่ตรงกับเรามากๆได้ มันจะเหนื่อยและไม่มีความสุข การที่ร้องเพี้ยนอาจจะมาจากเรื่องนี้ก็ได้ อย่างแรกเลยเราต้องได้ร้องตรงคีย์เสียงเราก่อน เมื่อตรงแล้ว จะเพี้ยนไม่เพี้ยนอีกเรื่องนึง (ขอย้ำว่าเป็นความเห็นไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญหรือเก่ง😅 ส่วนตัวแล้วยังมีเสียงหลุดๆอยู่ ) แต่อย่างที่เคยเขียนไว้เราไม่ได้ร้องเอาถ้วย ขอให้ร้องได้สนุกมีความสุขเป็นสำคัญ
กดตรง 1 เลือกว่าจะมีไกด์มั้ย กด 2 เพื่อไปเลือกคีย์ เพิ่มหรือลด กี่สเตป(Wesing)
ทั้งสองแอพ ตอนที่เรากดเริ่มแล้ว เราต้องกดปุ่มปรับคีย์ก่อนที่จะถึงท่อนร้อง เราต้องรู้ก่อนว่าจะปรับขึ้นลงกี่คีย์ จะไปทำหลังร้องเสร็จไม่ได้ ลองร้องดู ถ้ามันพอดีก็ใช้ได้ แต่บางเพลงช่วงห่างของเสียงมันกว้าง เช่นท่อนฮุค จะสูงมาก เราก็ประมาณการดู ไม่ใช่ปรับต่ำจนท่อนปกติ หรือต่ำจนร้องไม่ออก 😁😁
เลื่อน + - แบบนี้
ุ้ถ้าเป็นเพลงเดี่ยวก็ง่าย แล้วแต่เราเลย ถ้าเป็นเพลงคู่ที่เค้าร้องไว้แล้วเรามาร้องทีหลังนี้ ถ้าปรับนิดหน่อยเช่น สเตปเดียวอาจไม่เท่าไร แต่ถ้าหลายสเตป สงสารเค้าด้วยจากเสียงเค้าดีๆอาจจะเป็นเป็ดหรือ ต่ำจนฟังแล้วแปลกๆ
มาดูภาพการปรับคีย์ ใน Starmaker บ้าง
กด 1 ไกด์ กด 2 ปรับคีย์ กด 3 เสียงกลับไปที่หูฟัง
เมื่อกด 2 แล้ว ต้องเข้าไปกด คีย์เพลงอีก ถึงจะได้ตามภาพนี้
เลื่อน + -
สิ่งที่ทำคือ
-ปรับคีย์ (หากร้องไม่ได้)
-ร้อง (กี่รอบก็ได้ หารอบที่ชอบที่สุด)
- แล้วปรับแต่งเสียง รวมถึงปรับความดังด้วย
- แปลงไฟล์ เพื่อนำมาใช้งาน
ความดังมี ความดังของเสียงร้อง กับ เสียงดนตรี ต้องให้ เข้ากันด้วย
เสียงร้องเราเท่านั้นนะ เสียงร้องของคู่ร้องของเราที่ร้องไว้แล้ว มันเป็นส่วนของเสียงดนตรีไปแล้ว ปรับเสียงดนตรีลง เสียงเค้าก็ลงด้วย
ต้องปรับให้เข้ากันไม่มีเสียงใครโดดออกมา หรือจมไป
มาถึงตอนนี้บทความยาวไปอีกแล้ว 😂
คงจะขอต่อไปตอน 3 อีก 😂
ตอน 3 นี่จะลงรายละเอียด ส่วนสำคัญ (อีกละ)😁
เช่น
-การปรับเสียงคีย์ หากเสียงร้องที่ต่างกันของผู้หญิงกับผู้ชาย เช่น ผู้ชายอยากร้องเพลงผู้หญิง ผู้หญิงอยากร้องเพลงผู้ชาย
-การปรับแต่งเสียง preset ต่างๆ ที่มีมาให้ ทำไงให้เสียงกลมกลืนไปกับดนตรี เหมือนเล่นพร้อมกัน ไม่ลอยโด่งออกมา
ย้ำว่าไม่ได้เขียนมาให้ เคร่งเครียดเอาให้ได้คะแนนสูงๆ เพราะส่วนนี้ผมไม่ได้เน้นและไม่รู้ด้วยว่า มันขยับเลเวลยังไง ทำไงให้คนติดตามเยอะอะไรแบบนี้ เอาแค่เล่นเป็น มีความสุข ร้องแล้วอยากฟังเสียงตัวเองหลายๆรอบ 😂
ซึ่งหลายคนอาจจะรู้แล้วหรือเก่งกว่าผมอีก 😁 แต่ก็อาจจะได้ประโยชน์กับ BD singer หน้าใหม่ๆที่กำลังเกิดกัน จากการชักจูง ลากถู ของพวกเราให้มาร้องกันเยอะๆ 😅😅
อย่าลืมว่าผมไม่ได้มาสอนการร้องนะ เพราะไม่สามารถ แต่มาเล่าสู่กันฟังเรื่องการใช้แอพของผมเอง 😊
เอาไว้เจอกันตอน 3 คร้าบ 🙏🙏🙏

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา