18 ธ.ค. 2020 เวลา 17:34 • ไลฟ์สไตล์
เมื่อเร็วๆ นี้ ผู้เขียนได้พาแม่ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลใหญ่ตามนัด ความที่เป็นโรงพยาบาลใหญ่ มีชื่อเสียง คนไข้จำนวนมาก จากทั่วทุกสารทิศจึงเดินทางมาเพื่อให้แพทย์ที่โรงพยาบาลแห่งนี้รักษา ผู้เขียนเข็นรถพาแม่ไปนั่งพักตรงจุดที่ทางโรงพยาบาลจัดไว้ให้คนไข้และญาตินั่งรอพบแพทย์ โดยมีญาติคนไข้สองคน นั่งอยู่ก่อน เป็นวัยรุ่นชายหญิง เข้าใจว่าเป็นพี่น้องกัน ใช้เก้าอี้ถึงสามตัว สองตัวเป็นเก้าอี้นั่ง อีกหนึ่งตัวเป็นเก้าอี้วางของใช้ สองคนพี่น้องแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าธรรมดา ผู้เขียนรู้สึกไม่สบอารมณ์กับสองพี่น้อง ที่ไม่แบ่งเก้าอี้ให้ผู้มาใช้บริการในโรงพยาบาลนั่ง แถมพูดคุยกันด้วยภาษาบ้านๆ มึงๆ กูๆ
เกือบยี่สิบนาทีที่ผู้เขียนยืนอยู่ข้างๆ รถเข็นแม่ แม่ก็หยิบแซนวิสที่ติดตัวมาจากบ้านแต่เช้ามืดออกมากิน ขณะที่สองพี่น้องหยิบไข่ต้มออกมาและกินกันประทังหิว หญิงสาวที่นั่งอยู่ใกล้กับแม่ก็หันมาถามแม่ว่า “คุณยาย..หนูมีไข่ต้มมาด้วย..คุณยายแบ่งไปกินมั้ย”...แม่ ปฏิเสธพร้อมกล่าวขอบใจ “คนไข้เยอะนะคุณยาย หนูต้องเตรียมมาทุกครั้งเลย..แล้วก็หันไปกัดกินไข่ต้มอย่างเอร็ดอร่อยต่อไป สักครู่ใหญ่ เธอก็หยิบส้มออกมาลูกหนึ่งแล้วส่งให้แม่ เพื่อไม่ให้เสียน้ำใจแม่ก็รับส้มมาแล้วเก็บไว้
...ผมมองไปที่ส้มลูกนั้น..นึกในใจว่า ..เปลือก เปลือก จริงๆ นะเรา !
เราเคยสงสัยบ้างไหมว่า ทำไมเราเจอใครบางคน คุยกันไม่เท่าไหร่ เราก็พาลไม่ชอบเขาเสียแล้ว บางคนยังไม่ได้พูดคุย ก็พาลไม่ชอบหน้าเอาเลย
1
สาเหตุ เป็นเพราะเราใช้มาตรฐานของเราในการมองผู้คน แค่เปลือก แค่เสื้อผ้า ท่าทาง เราจึงพาลไม่ชอบคนมีรอยสัก เจาะหู คนที่สวมใส่กางเกงรัดติ้ว ไม่ชอบคนไม่คลุมฮิญาบ เราจำภาพที่เห็นประจำ ว่าคนลักษณะเช่นนี้ จะเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ เป็นนักเลง เป็นอันธพาล เป็นคนไม่รักศาสนา
เราชื่นชมคนพูดเพราะ อ่อนหวาน เราไม่ชอบคนพูดตรงๆ เพราะคนพูดตรงๆ จะมั่นใจในตนเอง จึงดูขาดสำรวม ขาดมารยาท คนพูดเพราะ อ่อนหวานจึงได้เปรียบ ...พูดดีจึงเป็นศรีแก่ปาก ? แม้ว่า ทั้งพูดเพราะ และพูดตรงๆ เป็นแค่เปลือก ก็ยังไม่ใช่ตัวตน...แต่พูดเพราะ อ่อนหวาน ย่อมได้เปรียบ!
ในความเป็นจริง มาตรฐานของเรา บางครั้งก็เที่ยงตรง บางครั้งก็บิดเบี้ยว เพราะเราไม่เคยมองผ่าน หรือทะลุเปลือก มาตรฐานของเราจึงไม่สามารถนำไปวัดผู้อื่นได้อย่างเป็นธรรม
คนโบราณกล่าวว่า “สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น สิบตาเห็นไม่เท่ามือคลำ” เป็นคำสอนที่ควรทำความเข้าใจว่า อย่าเพิ่งไปเชื่อในสิ่งที่ผู้คนบอกต่อๆกันมา จนกว่าจะได้พิสูจน์ด้วยตนเอง
ก็เพราะว่า “ตา” ที่ขุ่นมัว ไม่ได้มองเห็นทุกสิ่งทุกอย่าง แต่สติปัญญาต่างหากที่ทำให้เห็นอะไรได้ชัดขึ้น
เราต้องฝึกตัวเราให้รู้จักใช้สติ ปัญญา ไม่ด่วนสรุปอะไรเพียงแรกเห็น ต้องรู้จักให้เวลา ใช้เวลา มองให้ทะลุผ่านเปลือก ใช้สติปัญญามองให้เห็นแก่น กระพี้ของผู้คน
โฆษณา