22 ธ.ค. 2020 เวลา 03:10 • สุขภาพ
วัคซีนมาแล้ววว
Cr:indiainfoline
หลังจากที่ประเทศอังกฤษได้ทำการฉีดวัคซีนป้องกันโรค COVID-19 ให้แก่พลเมืองกลุ่มเสี่ยงเป็นชาติแรกในโลก ไปเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2020
อีกไม่กี่วันต่อมา สหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นประเทศที่มีการติดเชื้อไวรัสและการเสียชีวิต
จาก COVID-19 สูงที่สุดในโลก (ติดเชื้อ 17,515,091 ราย,เสียชีวิต 313,748 ราย
ข้อมูล ณ 21 ธันวาคม 2020) ก็ได้ทำการฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19 ให้แก่
พลเมืองกลุ่มแรกแล้ว ณ วันที่ 14 ธันวาคม 2020
Cr:nytimes
Sandra Lindsay เป็นพลเมืองคนแรกที่ได้รับการฉีดวัคซีนในสหรัฐอเมริกาที่มิใช่การทดลองในระดับคลินิคอีกต่อไป แต่คือวัคซีนใช้จริงที่ได้รับการพัฒนาขึ้นโดยบริษัท
Pfizer/BioNTech (ตัวเดียวกับของอังกฤษ)
Ms. Lindsay วัย 52 ปี เป็นหัวหน้าพยาบาลในหน่วยดูแลผู้ป่วยวิกฤติที่ Long Island Jewish Medical Center ในมหานครนิวยอร์ก เธอกล่าวว่า"เธอยินดีที่จะเป็นอาสา-
สมัครคนแรกในการรับวัคซีนครั้งนี้ เพื่อแสดงให้เป็นตัวอย่างแก่ลูกน้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะที่เธอเป็นคนผิวสีที่เข้าใจและตระหนักเป็นอย่างดีในความไม่เท่า-
เทียมรวมถึงมาตรการทางการแพทย์และการทดลองทางการแพทย์ที่มักถูกเหยียด
ผิวอยู่เสมอ"
วัคซีนล็อตแรกจาก Pfizer/BioNTech จำนวน 2.9 ล้านโดส ถูกฉีดให้แก่กลุ่มบุคคลที่ทำงานเป็นด่านหน้าในการรับมือกับการระบาดของโรค ได้แก่ บุคลากรทางการ
แพทย์ และหลังจากที่วัคซีนล็อตต่อมาซึ่งเป็นชุดแรกจากของบริษัท Moderna อีกจำนวน 6 ล้านโดส จะถูกจัดสรรต่อไป
Cr:cdc.gov
ล่าสุดเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2020 ทางคณะกรรมการที่ปรึกษา ACIP(Advisory
Committee on Immunization Practices)ได้ออกเสียงโหวตเพื่อการจัดสรรวัคซีน
และมีมติออกมาดังต่อไปนี้
เฟสแรก 1a ที่เริ่มฉีดไปแล้ว :บุคลากรทางการแพทย์และผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ใน
สถานพักฟื้นระยะยาว
เฟส 1b: ผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 75 ปี และบุคลากรนอกเหนือจากทางการแพทย์ที่อยู่ด่านแรกในการรับมือการระบาด
เฟส 1c: ผู้สูงอายุที่มีอายุระหว่าง 65 ถึง 74 ปี และบุคคลอายุ 16 ถึง 64 ปี ที่มีความเสี่ยงทางสุขภาพสูง และบุคลากรที่ทำงานจำเป็นอื่นๆ
จะเห็นได้ว่าในขณะนี้ เรามีวัคซีนที่เริ่มใช้จริงแบบฉุกเฉินกันไปแล้วทั้งหมดสอง
บริษัทด้วยกันคือ Pfizer/BioNTech และ Moderna
Cr:bangkokpost
Cr:ndtv
วัคซีนจากสองผู้ผลิตดังกล่าวมีทั้งส่วนที่เหมือนกันและต่างกัน
วัคซีนทั้งสองเจ้าต่างก็ใช้ mRNA (Messenger RNA) ในวัคซีน โดยเมื่อร่างกายได้
รับ mRNA นี้ร่างกายจะถอดรหัสออกมาเป็นส่วน spike (หรือส่วนหนามที่อยู่บนผิว
ด้านนอกของไวรัสโคโรนา)เมื่อร่างกายรับทราบว่ามีส่วนนี้เกิดขึ้น ก็จะทำการสร้าง
ภูมิคุ้มกันเพื่อต่อต้านมัน ฉะนั้นในคราวต่อไปถ้าหากว่าร่างกายได้รับไวรัสโคโรนา
จริงๆ ก็จะจดจำได้และสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาต่อต้านได้นั่นเอง
วัคซีนทั้งของ Pfizer/BioNTech และ Moderna ให้ผลสำเร็จจากการทดลองมาก-
กว่า 94% ทั้งคู่ โดยไม่ขึ้นกับชาติพันธ์ุหรือเพศในการทดลอง
และวัคซีนทั้งสองชนิดต้องได้รับการฉีดเป็นจำนวน 2 โดส
Cr:ABCnews
ข้อที่แตกต่างกันหลักๆก็คือ
อุณหภูมิที่ใช้ในการเก็บรักษาของ Moderna สามารถเก็บไว้ได้ในตู้เย็นแช่แข็งปกติ (-20 องศาเซลเซียส) แต่ของ Pfizer/BioNTech ต้องเก็บไว้ในอุณหภูมิต่ำเป็นพิเศษ คือ -70 องศาเซลเซียส
วัคซีนของ Moderna สามารถใช้ฉีดได้เลย ไม่ต้องเจือจางแต่อีกเจ้าต้องนำมาเจือ
จางด้วย โซเดียม คลอไรด์ ก่อนใช้งาน
ในขณะที่กำลังเขียนบทความนี้ ประเทศไทยกำลังเผชิญกับ "การระบาดรอบใหม่"
ในจังหวัดสมุทรสาคร และก็กำลังกระจายไปยังจังหวัดใกล้เคียง โดยมีต้นเหตุมาจากแรงงานต่างชาติที่มีอยู่มากมายเป็นแสนๆคนในโรงงานแถบมหาชัย ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ทำการตรวจค้นหาผู้ติดเชื้อในเชิงรุก เพื่อควบคุมสถานการณ์ให้ได้ใน
เร็ววัน ไม่มีใครตอบได้ว่าจะได้ผลมากน้อยแค่ไหน และเราก็ทำได้ดีที่สุดคือการ
ป้องกันตนเองจากไวรัสด้วยการสวมหน้ากาก ล้างมือบ่อยๆ และงดเว้นการเดินทาง
ไปในพื้นที่เสี่ยง ผู้คนแออัด เพราะจากแถลงของกระทรวงสาธารณสุขไทยน่าจะได้รับวัคซีนล็อตแรกที่สั่งจองไว้ ก็ช่วงกลางปี 2564
สิงคโปร์ ประเทศซึ่งมีผู้ติดเชื้อไวรัสประมาณ 58,500 ราย เสียชีวิต 29 ราย ตอนนี้
กำลังจะเป็นชาติแรกในทวีปเอเชีย ที่่จะฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19 ให้แก่พลเมืองได้ นายกรัฐมนตรี ลี เซียน ลุง ได้แถลงว่านับตั้งแต่ช่วงปลายเดือนนี้เป็นไปสิงคโปร์จะได้รับมอบวัคซีนที่พัฒนาขึ้นจากหลายบริษัท ได้แก่ Pfizer/BioNTech,Moderna และ Sinovac และรัฐบาลจะเริ่มดำเนินการฉีดวัคซีนทันที
นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์กล่าวว่าบุคลากรทางการแพทย์ที่อยู่แนวหน้าในการรักษาและเผชิญหน้ากับโรค กลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มผู้ที่มีความเปราะบางทางสุขภาพ จะเป็นกลุ่มแรกที่ได้รับวัคซีนก่อน โดยตัวเขาและคณะรัฐบาลก็จะรับวัคซีนก่อนเพื่อสร้างความ
เชื่อมั่นแก่ประชาชน
ล่าสุด (21 ธันวาคม 2020 )วัคซีนล็อตแรกได้เดินทางมาถึงประเทศสิงคโปร์เป็นที่
เรียบร้อยแล้ว
Cr:Nikkeiasia
โฆษณา