25 ธ.ค. 2020 เวลา 02:57 • บันเทิง
หากพูดถึงเทศกาล คริสต์มาส
เราก็มักจะนึกถึง ซานตาคลอส (Santa Claus)
ชายแก่ร่างท้วมในชุดหนังสีแดง
แบกถุงที่เต็มไปด้วยกล่องของขวัญมากมาย
นั่งอยู่บนรถเลื่อนลอยฟ้า ที่ใช้กวางเรนเดียร์ 8 ตัวลาก
พร้อมกับเสียงหัวเราะ “โฮ่ โฮ่ โฮ่” ที่เป็นเอกลักษณ์
เด็กๆ ทั่วโลก ต่างก็รอคอย ของขวัญจากซานต้าอย่างใจจดใจจ่อ ในคืนวันคริสต์มาส
ซานต้าเป็นเหมือนกับมาสคอต (Mascot) ของเทศกาลคริสต์มาส
และก็อย่างที่หลายๆ คนรู้ ซานตาคลอส นั้นเป็นตัวละครสมมติ ที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยอิงจากประวัติของนักบุญคนหนึ่งที่มีตัวตนอยู่จริงๆ
 
“เซนต์ นิโคลัส” (St. Nicholas) คือชื่อของนักบุญต้นแบบซานตาคลอสนั่นเอง
เป็นนักบุญชาวกรีก ที่เกิดและอาศัยอยู่ที่เมืองไมรา (Myra) ซึ่งเป็นประเทศตุรกีในปัจจุบัน
เขาสูญเสียพ่อแม่ตั้งแต่ยังเด็ก และได้รับการอุปากระเลี้ยงดูจากลุงที่เป็น บิชอป (Bishop) แห่งไมรา
ด้วยความที่เป็นคนมีจิตใจดีงาม เอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่ เมตตาเพื่อนมนุษย์ ชอบช่วยเหลือผู้อื่น ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้ทำให้เขากลายเป็นตำนานในภายหลัง
เซนต์ นิโคลัส ช่วยเหลือผู้คนในเมืองที่ลำบากเสมอ ทั้งแอบเอาทองคำไปวางไว้ในบ้านของคนยากไร้เพื่อไม่ให้ต้องขายลูกสาวตัวเอง หรือทำของเล่นให้เด็กๆ ด้อยโอกาสได้เล่น
ทีนี้ผู้คนก็เล่าเรื่องราวของ เซนต์ นิโคลัส ต่อๆ กันมา
แพร่กระจายไปทั่วยุโรป และเวลาผ่านไปหลายชั่วอายุคน
ซึ่งด้วยการบอกเล่าแบบปากต่อปาก แถมเล่าต่อกันมาเป็นเวลาขนาดนี้ มันเป็นเรื่องยากมากที่จะแยกความจริงกับฟิคชั่น (fiction) ออกจากกัน
ทำให้จากเรื่องราวของนักบุญใจดี กลายเป็นตำนานผู้วิเศษที่แจกของเล่นให้เด็กๆ ทั่วโลกได้ในชั่วข้ามคืน
และธรรมเนียมประเพนีของเทศกาลคริสต์มาสในยุโรปก็เริ่มมีการแขวนถุงเท้าเพื่อรอให้ซานต้าเอาของขวัญมาให้
แต่ในตอนนั้นซานต้า ก็ยังไม่ได้เป็นสัญลักษณ์ของคริสต์มาสอย่างทุกวันนี้
จนวันเวลาผ่านไปยาวนานหลายร้อยปี
เมื่อชาวดัชต์ (Dutch) ที่อพยพมาอยู่อาศัยที่นิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา
พวกเขาก็ได้นำความเชื่อเกี่ยวกับ Sinterklaas ซึ่งเป็นชื่อที่ใช้เรียกเซนต์ นิโคลัสของชาวดัชต์ มาด้วยนั่นเอง
ในช่วงแรก เทศกาลคริสต์มาส กลุ่มคนรวยจะให้ของขวัญแก่ผู้คนยากไร้เพื่อเป็นการรำลึกถึงความเอื้อเฟื้อเมตตาของ Sinterklaas
แต่พอกลุ่มคนยากไร้ไปรุมเคาะประตูบ้านพวกคนรวยเพื่อขอของขวัญในวันคริสต์มาสบ่อยเข้า ก็ทำให้มีความกลัวหวาดระแวงขึ้น
ภายหลังจึงได้เปลี่ยนธรรมเนียมประเพนีมาเป็นให้ของขวัญกันเองในครอบครัวแทน
ด้วยความที่ในขณะนั้น เซนต์นิโคลัสยังไม่ได้เป็นที่รู้จักมากนักในประเทศสหรัฐอเมริกา
วอร์ชิงตัน เออร์วิง (Washington Irving) นักเขียนชื่อดังชาวอเมริกัน ได้เริ่มต้นเขียนเกี่ยวกับ เซนต์ นิโคลัส
และได้ตั้งชื่อให้ใหม่ เพื่อเป็นการแบรนดิ้งให้มีความเป็นอเมริกันมากขึ้น
เซนต์ นิโคลัส จึงกลายเป็น “ซานตาคลอส” นั่นเอง
ซึ่งดัดแปลงจากชื่อ Sinterklaas (ชื่อของเซนต์ นิโคลัส ที่คนเนเธอร์แลนด์เรียก)
หลังจากนั้นซานตาคลอสก็เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นเรื่อยๆ ในประเทศสหรัฐอเมริกา
มีนักเขียนหลายคนที่เริ่มออกมาเขียนถึงรายละเอียดต่างๆ ของซานตาคลอส ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ หรือวีรกรรมการปีนปล่องไฟให้ของขวัญเด็ก
แต่ที่เห็นจะดังที่สุดก็คือ งานเขียนบทกวีของคลีเมนท์ คลาร์ก มัวร์ (Clement Clark Moore) ที่มีชื่อว่า Night Before Christman
ซึ่งมันได้สร้างภาพลักษณ์ให้กับซานตาคลอส จากคุณลุงร่างบาง กลายเป็นลุงร่างท้วมในชุดขนสัตว์แทน
และก็มีการพัฒนามาเรื่อยๆ ตามกาลเวลา จนมีกวางเรนเดียร์ที่ลากรถเลื่อนลอยฟ้าได้ หรือมีเอล์ฟ (Elves) เป็นลูกมือคอยผลิตของเล่นให้กับซานต้า
จนเมื่อ “โคคาโคล่า” (Coca-Cola) บริษัทน้ำอัดลมชื่อดังที่ไม่มีใครไม่รู้จัก ได้นำซานต้า มาเป็น Brand ambassador โฆษณาโปรโมทสินค้า
ด้วยความฮิตของน้ำอัดลมยี่ห้อนี่ ทำให้ภาพของซานต้าได้แพร่กระจายไปทั่วโลกตามไปด้วย
ทำให้ภาพของซานตาคลอสกลายเป็นที่รู้จักในแบบเดียวกันทั่วโลก
ชายแก่ร่างท้วมอารมณ์ดี ในชุดขนสัตว์สีแดง ที่คอยแจกของขวัญให้กับเด็กๆ ทั่วโลก
เขานั่งอยู่บนพาหนะ ที่เป็นรถเลื่อนและมีกวางเรนเดียร์จมูกแดงบินได้ 8 ตัวลากรถให้
ปีนปล่องไฟ แอบเอาของขวัญไปให้เด็กดี และเอาเศษหินไปให้เด็กดื้อแทน
มีฐานทัพผลิตของเล่นอยู่ที่ขั้วโลกเหนือ (North Pole)
โดยมีเหล่าเอล์ฟเป็นพนักงาน
และนี่ก็เป็นจุดกำเนิดของซานต้า ที่เด็กๆ ทุกคนต่างรอคอยในวันคริสต์มาส
ถึงแม้ว่าในความจริงแล้ว พ่อแม่จะเป็นคนแอบซื้อมาเซอร์ไพรส์ก็ตามที
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เรื่องราวของซานตาคลอสนั้นสามารถสร้างความหวังและความสุขให้กับเด็กๆ ได้
ตัวผมเองในสมัยที่ยังเป็นเด็ก ก็เคยรอคอยของขวัญจากซานต้าในวันคริสต์มาสเช่นกัน
แล้วคุณล่ะครับ เคยรอของขวัญจากซานต้าไหม
#กำเนิดซานตาคลอส
โฆษณา