เด็กหญิงไข่มุก (3)
ลูกหลานตัวน้อย เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของครอบครัว
กับวันเวลาที่เพิ่งเริ่มต้น และวัยที่ยังไม่รับรู้เรื่องราวอันซับซ้อนของชีวิต แววตาที่แสนซื่อ ว่างเปล่า ไม่..แม้แต่จะกระพริบ เมื่อสบตาแม่เวลาป้อนนม
เด็กหญิงไข่มุกของปู่ก็เหมือนกัน
นอกจากเป็นเทพธิดาตัวจิ๋ว เป็นสิ่งมหัศจรรย์ในสายปู่แล้ว เธอยังทำในเรื่องมหัศจรรย์ ให้ปู่เห็นอยู่บ่อย ๆ
เรื่องแรก เกิดในวัย 7 เดือน
ทุกวัน ถ้าปู่ไปค้างบ้านบางปะหัน เช้าๆ ตื่นจากที่นอน พ่อกับแม่เตรียมไปทำงาน จะอุ้มเด็กหญิงไข่มุก มาส่งให้ปู่ถึงที่นอน
พอวางลงบนฟูก ก็จะส่งสายตาพร้อมรอยยิ้มที่มีแต่เหงือกให้ปู่จนเห็นลิ้นไก่
แล้ว ปู่ก็จะเริ่มพูดคนเดียวเหมือนคนบ้า....
พูดไปหัวเราะไป บางจังหวะก็ถามเอง ตอบเอง ขณะที่หลานสาวมองสบตานิ่ง มือสองข้างก็ไขว่อยู่กับแขนหรือเสื้อปู่ และในบางจังหวะ ก็ทั้งขาทั้งแขน วุ่นวายไปหมด เข้าทำนอง มือก็คว้า ขาก็ถีบ
เช้าวันหนึ่ง หลังจากวางหลานน้อยลงบนที่นอน ปู่ลุกขึ้นไปเก็บผ้าห่ม พอหันมาอีกที ก็ต้องตกใจแทบช็อก
เพราะ หลานสาวที่นอนหงายอยู่บนที่นอน ทั้งมือ 2 ข้าง เท้าทั้งสองข้าง รวมเป็นหนึ่งเดียว มันอยู่ในปากของหลานสาวปู่ทั้งหมด
แต่..พอตั้งสติได้ ปู่ก็ทั้งขำทั้งประหลาดใจ ร่างกายของทารก คงมีความยืดหยุ่นสูง ไข่มุกจึงทำในสิ่งที่นักยิมนาสติกต้องใช้เวลาฝึกหลายปีได้
หลานสาวคนสวยของปู่ สามารถยกขาไปวางเหนือศีรษะตัวเองได้พร้อมกัน ภาพที่ปู่เห็น คือเธอใช้มือจับปลายเท้าสองข้าง ยัดเข้าปากตัวเอง ตามสัญชาตญาณ เด็กวัยนี้
วัย Oral stage ที่ปู่เคยเรียนเมื่อ 50 ปีก่อน มันคือ วัยที่เด็กทารกมี อีโรจีเนียส อยู่ที่ปาก และจะหาความสุขจากการ ดูด ดื่ม หรือไม่ก็ใช้ริมฝีปากทำเสียงแปลกๆ จนน้ำลายเปียกอกเสื้อในบางครั้ง
เรื่องมหัศจรรย์ของ เหล่า เทพบุตร เทพธิดาประจำบ้าน ก็คงก็คงมีทุกบ้าน อาจจะต่างกันในเรื่องราว
แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน คือมันทำให้ ผู้ใหญ่มีความสุข ชื่นชมกับดอกไม้ชีวิตที่กำลังเบ่งบาน เรื่องทั้งน่ารัก น่าขำ เรื่องน่าตกใจแต่ก็ทำเอาผู้ใหญ่ยิ้มอย่างมีความสุข
หยุดเรื่องมหัศจรรย์ มาว่าเรื่องนี้ก่อน
วันหนึ่งปู่ สังเกตเห็นลิ้นหลานสาวเป็นสีขาว เหมือนกับมีฝ้า คิดใจแบบคนไม่เคยเลี้ยงเด็กเล็กว่า น่าจะเป็นเพราะกินนมแล้วไม่ได้ล้างปาก
ก่อนหน้านั้นอีก ขณะอุ้มหลานสาวชวนดูปลาหางนกยูงในอ่างปลา หน้าบ้านพักที่อ่างทอง คุณพี่พยาบาลที่เกษียณอายุบ้านอยู่หลังโรงเรียน เดินออกกำลังกายผ่านมา เธอบอก หลานน่ารักจัง ให้ดื่มน้ำบ้างนะคะ ตาจะได้ดำสวย
คุณหมอท่านหนึ่งที่ปู่รู้จัก คุ้นเคย แนะนำว่า ให้หลานสาวดื่มน้ำเยอะ ๆ หน่อย กระหม่อมจะได้ปิดเร็ว
คุณหมอหมายถึง ศีรษะเหนือหน้าผากที่ยังมีแค่กะโหลกบาง ๆของเด็กทารก ยังเห็นจังหวะและสัมผัสการเต้นของหัวใจทางนี้ได้
อายุครบ 6 เดือน ปู่พาไข่มุกไปฉีดวัคซีนครั้งที่ 2 ที่โรงพยาบาลมิตรภาพ สระบุรี
ขณะรอพบแพทย์ปู่ ถือโอกาสคุยกับพ่อ แม่ หลายคน บางคนถามปู่ว่าไปกวาดยามาหรือยัง แล้วยังกำชับว่า ต้องกวาดยานะ
ปู่เก็บความสงสัยไว้คนเดียวเงียบ ๆ ทั้งเรื่องดื่มน้ำและเรื่อง กวาดยา
จากข้อมูลทางการแพทย์บอกเราว่า 6 เดือนแรก องค์การอนามัยโลก บอกแนะนำให้ใช้นมแม่อย่างเดียว
แต่ ....จากการสำรวจของกรมอนามัยในปี 2559 ใน16 จังหวัดทั่วประเทศ พบว่า แม่ที่เริ่มต้นให้ลูกดื่มน้ำช่วงอายุ 6 เดือน มีถึง 86.4%
ปู่เป็นคนรุ่นเก่า นอกจากร่างกายเก่าจนเป็นวัตถุโบราณแล้ว ปู่ยังเชื่อในวิธีการหลายอย่างในการเลี้ยงลูกแบบคนไทยด้วย
ปู่จึงป้อนน้ำหลานสาว ตามที่คนไทยส่วนใหญ่ทำ
แต่เรื่องกวาดยา ทำให้เกือบเป็นเรื่อง เพราะความเชื่อที่ต่างกัน ของคนต่างรุ่น
การกวาดยา เป็นการรักษาแผนโบราณของโรค ซาง
ซาง เป็นอาการของเด็ก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโรคทางเดินหายใจ เช่นหวัด ตัวร้อน เป็นไข้ ไอ เจ็บคอ ลิ้นเป็นฝ้า มีเม็ดในปาก ในคอ
แม่ไข่มุก ซึ่งเป็นพยาบาล มีความเชื่อมั่นในการแพทย์ยุคใหม่ จึงไม่ยอมให้กวาดยาลูกสาว
แต่ยายกับย่า และตัวปู่เอง กลับเห็นตรงกันข้าม
ดังนั้น เย็นวันหนึ่ง ขณะที่แม่ยังไม่กลับจากทำงาน คณะผู้ก่อการทั้งหมด จึงนำหลานสาวตัวน้อยไปให้หมอกวาดยา แถบตำบลเกาะเลิ่ง ซึ่งอยู่อีกฟากของแม่น้ำลพบุรี จัดกวาดเอา “ซาง” จากหลานสาวจนได้
กว่าจะปลอบให้แม่ของหลานสาว ที่นอนกกลูกสาวทุกคืน หายงอนได้ ก็เล่นเอาเหนื่อยย่า เหมือนกัน
ด้วยอยากจะกระจ่างในเรื่องนี้ ต้องเดือดร้อนคุณหมอ ที่คุ้นเคยกันให้อีก เมื่อขอความเห็น คุณหมอบอกว่า
การกวาดยาให้ลูกจริง ๆ นั้นทำได้ แต่ต้องให้สะอาด ถ้าสงสารลูก กลัวเขาเจ็บ จะใช้คัตเติ้ลบัต แทนนิ้วก็ได้ นำมาชุบยายาแล้วทาตรงบริเวณลิ้นก็พอ
หลังจากทำความเข้าใจกันภายในเรียบร้อย สถานการณ์ก็กลับคืนสู่ภาวะปกติ โดยมีเด็กหญิงไข่มุก เป็นศูนย์กลางเหมือนเดิม
ร่างกายของเด็กหญิงไข่มุก จะเป็นอย่างไร หลัง กวาด “ซาง” จะเล่าให้ฟังตอนต่อไป
วันนี้ ปู่ส่งภาพคนสวย มา "สวัสดีค่าา"ล่วงหน้าก่อน...