25 ธ.ค. 2020 เวลา 09:28 • นิยาย เรื่องสั้น
“ไอ้งั่ง” ตระกูลมอญ
ภาพจากอินเตอร์เน็ต
ผีห่า หรือผีเร่ร่อน
ความที่บรรพบุรุษของญาติข้างพ่อดูจะเกี่ยวข้องกับไอ้งั่งตัวนี้มาก (ภาพที่นำมาแสดงเป็นภาพจากอินเตอร์เน็ต ส่วนของจริง ติดตามอ่านจะทราบครับ) ทั้ง ทวด ปู่ และย่า แต่ช่วงนั้นผมยังเด็กมากไม่รู้ประสีประสาที่จะสืบเสาะ ค้นหาความจริงว่ามันคืออะไร เป็นตัวอะไรกันแน่ ถ้าเป็นสมัยนี้ที่ความรู้ทั้งหลายรวมมาไว้บนอินเตอร์เน็ตก็คงจะได้รู้กันไปแล้ว รวมไปถึงว่าจะโต้ตอบ หรือจะใช้มันอย่างไร จึงได้แต่ฟังคนเฒ่าคนแก่เล่าให้ฟัง ถึงวิธีการปลุกเสกให้มีความขลัง จะได้ใช้งานแล้วสำเร็จ สมเจตนารมณ์ และเกิดความลำพองใจของผู้ครอบครอง
ช่วงนั้นจำได้ว่า อายุ 7 ขวบ เข้าเรียนชั้น ป.1 โรงเรียนวัดเสน่หา ซึ่งตั้งอยู่ริมทางรถไฟ อำเภอเมืองนครปฐม ห่างจากบ้านผมซึ่งอยู่สวนตะไคร้ไม่ไกล สามารถเดินทางด้วยเท้าไปโรงเรียนได้ สมัยนั้น (พ.ศ.2510) มีจักรยานขี่ก็นับว่าเท่ห์สุดๆ อย่าว่าแต่รถยนต์เลย มอเตอร์ไซด์ยังไม่มี พอปีรุ่งขึ้นถึงมีรถ Little Honda
ภาพจากอินเตอร์เน็ต Little Honda
ติดตั้งถังน้ำมันเล็กๆ ไว้ด้านท้าย ใช้นั่งได้ มาวิ่งในหมู่บ้าน จะใช้งานต้องปั่นก่อน แล้วเข้าเกียร์ จำได้ว่าตัวเองยังเคยวิ่งแซงนำหน้ามันได้ด้วย แต่ถ้าน้ำมันหมดก็ปั่นแบบจักรยาน หูตูบ..แฮกๆ
ความที่เรียนโรงเรียนวัดจึงเห็นพิธีกรรมหลากหลาย ตั้งแต่งานบวช มีโปรยทานก่อนเข้าอุโบสถ งานกฐิน ผ้าป่า งานสวดศพ เผาศพ ส่วนเด็กๆ ก็ฝากท้องไว้กับหลวงพ่อ กินเสร็จก็ไปวิ่งเล่นข้างเมรุเผาศพ เพราะมีต้นไทรใหญ่ บ่อทราย ให้วิ่งเล่น และ ฮวงซุ้ยอยู่ข้างใต้ต้นไม้ใหญ่ เอาไว้เล่นซ่อนแอบ เป็นชีวิตเด็กนักเรียนโรงเรียนวัด(บ้านนอก) สมัยก่อน เรียกว่าไม่กลัวผีกลัวสางก็ว่าได้
หลังจากกินข้าวเพลก้นบาตรพระแล้ว ก็จัดแจงหาของมาเล่นร่วมวงกัน สมัยนั้นบ้างก็เล่นลูกหิน เป่ากบ ตังเต ตี่จับ ส่วนวงผมก็เล่นตุ๊กตุ่นทอยเส้น
ภาพจาดอินเตอร์เน็ต ตุ๊กตุ่นหุ่นยาง
กติกาคือเล่นที่พื้น โดยขีดเส้น 2 ฝั่งห่างกันพอประมาณ เริ่มเล่นโดยผู้เล่นต้องยืนหลังเส้นฝั่งใดฝั่งหนึ่ง แล้วทอยตุ๊กตุ่นยางไปยังอีกฝั่ง ใครชิดเส้นที่สุด (บางคนคาบเส้น) คนนั้นได้เล่นเป็นคนแรก โดยได้ทอยหรือเตี้ยม คนอยู่อันดับรองลงไป ถ้าทอยหรือเตี้ยมถูกก็ได้กินตุ๊กตุ่นตัวนั้น โดยเก็บใส่กระเป๋ากางเกง แล้วได้เล่นต่อไปเรื่อยๆ แต่ถ้าคนชิดเส้นอันดับ 1 เล่นไม่ถูกใครเลย คนอันดับสองจะเป็นผู้เป็นผู้เล่นคนถัดไป..เช่นนี้ไปเรื่อยๆ(กติกาทอยเส้นมีมากกว่านี้ แต่เล่าพอเป็นสังเขป)
ภาพจากอินเตอร์เน็ต ท่าเตี้ยม
เวลานั้น เด็กๆ ฮิตเล่นตุ๊กตุ่นยางมาก กลับมาถึงบ้านทำการบ้านช่วยงานพ่อแม่เสร็จแล้ว ได้เวลาซ้อมทอย เตี้ยม ตัวตุ๊กตุ่นยาง เพื่อจะได้สะสมตุ๊กตุ่นยางของเพื่อนๆ มาไว้ในกระเป๋าของตนเอง
ผมกลับถึงบ้าน ทำโน่นนี่นั่น เสร็จหมดแล้ว ก็ถึงคิวเล่นบ้าง จึงหยิบตัวตุ๊กตุ่นยางมาเตี้ยมเล่น บนบ้านซึ่งเป็นไม้สองชั้น ผมยึดเอาชั้นบนของระเบียงบ้านเป็นสนามฝึก ตุ๊กตุ่น หุ่นยาง เล่นบนบ้านได้เพราะเป็นยางไม่ส่งเสียงดัง
ภาพจากอินเตอร์เน็ต ไอ้งั่ง
สำคัญคือเวลานั้นยังไม่มีใครถึงบ้าน ผมก็เล่นไปเรื่อยๆ
แล้วในที่สุดก็นึกได้ว่าตอนถูบ้าน เห็นมีอีกตัวนึงที่ย่าผูกไว้กับขาเก้าอี้ในห้องที่ผมนอนกับย่า ซึ่งเก้าอี้ตัวนี้ย่าใช้เหยียบเอาดอกไม้ไปถวายพระ ผมเลยปลดออกจากขาเก้าอี้ เอามาดู ชวนอดสงสัยไม่ได้ว่า ทำไมพระองค์นี้จึงถูกย่าผูกไว้แบบนี้ อยู่ในท่านั่งสมาธิ สวมหมวกบิดออกทางด้านข้าง แล้วตามตัวมีเหมือนเส้นลวดทองแดงถักอยู่รอบๆ แต่ก็ขอเอาไปเล่นก่อน
ภาพจากอินเตอร์เน็ต ถักไอ้งั่งผูกเอว
“ผูกไว้แบบนี้ย่าคงไม่ได้ใช้ เพราะไม่ได้อยู่บนหิ้งพระ “ ผมพึมพัมกับตัวเอง
หลังจากแกะไอ้ตุ๊กตาตัวนั้นออกมาได้ ผมก็จัดแจงเอามันไปโยนบ้าง ทอยบ้าง เตี้ยมบ้าง อย่างสนุกสนาน เสียงดังแบบทึบๆ รู้สึกว่าแปลกดี
เริ่มมีเสียงคนมาแล้ว
“สวัสดีครับอาอี้ วันนี้อานพไม่ได้ไปรับเหรอครับ” ผมชะโงกหน้ามองลงไปถามอาสะใภ้
“ไม่จ้ะ อานพติดธุระ อาเลยนั่งสามล้อกลับเอง” อาอี้วางของลง
“เดี๋ยวจะเจียวน้ำมันหมู แล้วทอดปลาทู ชายจะเอากากหมูไหม”
“เอาครับอา” ชายคือชื่อของผม ผมหยุดเล่น แล้วเก็บของทันที
“อยู่ที่เดิมก่อนนะ พรุ่งนี้ตอนเย็นค่อยเจอกัน” ผมพูดกับตุ๊กตุ่นพระ แล้วผูกไว้ที่ขาเก้าอี้ตามเดิม หารู้ไม่ว่าค่ำคืนที่สยองขวัญสั่นประสาทกำลังจะเริ่มขึ้น แบบขนพองสยองเกล้า ที่ตัวเองต้องจดจำไปจนตาย
ภาพจากอินเตอร์เน็ต เก้าอี้สังกะสี
ได้เวลาเข้านอนแล้ว ย่าเรียกเสียงดังออกมาจากในมุ้ง
“ชายทำการบ้านเสร็จยัง”
“เสร็จแล้วครับย่า”
“อย่าลืมดับตะเกียงด้วยล่ะ”
“ครับย่า”
ได้เวลาเข้านอน ผมเสือกหัวพรวดเข้ามุ้ง มุ้งมาติดที่หัว เพราะตัดผมสั้น โดนย่าดุว่าเดี๋ยวหูมุ้งขาด
หลับไปไม่รู้เวลาเท่าไรแล้ว จู่ๆ ผมรู้สึกว่ามีอะไรอยู่ที่ปลายเท้า
งัวเงีย ขยี้ตา สิ่งที่เห็นเบื้องหน้ามันตัวอะไรกัน รูปร่างล่ำเตี้ย ผมยาวถึงตาตุ่ม ชุดที่สวมใส่สีดำสนิท กางเกงกุยเฮง ห้อยประคำลูกโต เล็บยาวมาก ตัวเตี้ย ล่ำ ชนหลังมุ้ง
มันพุ่งอุ้งมือ เหยียดตรงมายังหัว ซึ่งหนุนหมอนอยู่ ผมหลบทัน ได้ยินเสียง
“สวก แคว๊ก” นุ่นในหมอน แตกกระจาย ปลิวว่อนเต็มมุ้ง
“ย่าข่วยด้วย ผี”
แล้วคุดตัวไปใต้หลังย่า ไปโผล่ออกอีกข้าง
“มึงหยุดเดี๋ยวนี้นะ นี่หลานกู” เสียงสั่นเครือของย่า ตวาดผีร้าย มันหยุด แล้วหายไปเลย
ย่าจูงผมออกมาจากมุ้ง มานั่งตรงหัวกระไดบ้าน
“ตัวอะไรครับย่า” ย่าดึงตัวผมเข้ามากอดไว้แน่น
“มันคือไอ้งั่ง พรุ่งนี้ย่าจะจัดการมันเอง”
“ทำไงครับ”
“เอาไปให้ชวดเฆี่ยน”
“ไปเหอะ เก็บปัดกวาดที่หลับที่นอน พรุ่งนี้ไปหาชวดแต่เช้า” ย่าเดินตรงไปยังที่นอนจัดแจงเก็บปัดกวาด
“เก็บหมอนนี้ไว้ดูได้ไหมครับ”
ย่าพยักหน้าแทนการรับคำ
รุ่งเข้าย่าพาผมนั่งรถสามล้อถีบไปตำหนักชวด ซึ่งตั้งอยู่บริเวณสี่แยกสนามจันทร์ นครปฐม (ใกล้บริเวณที่ตั้งมหาวิทยาลัยศิลปากร นครปฐม)
ถึงบ้านย่าชวด ผมเดินเข้าไปแล้วนั่งพับเพียบกราบย่าชวด
ย่าชวดเป็นคนในตระกูลของย่า อายุยืน ปฏิบัติธรรมเสมอมา ผู้คนนับถือมาก ทุกวันโกณฑ์วันพระ จะนิมนต์พระมาสถานที่แห่งนี้ ผู้คนจะมาทำบุญใส่บาตรพระกันที่นี่ แล้วล้อมวงกินข้าวร่วมกัน
ชวดนั่งบนอาสนะเบื้องสูง แต่งตัวนุ่งห่มรัดกุม ใส่โจงกระเบน สไบพาดบ่า
 
“กินยากันมาหรือยัง” ย่าชวดถาม หมายถึงกินข้าวมารึยัง ชวดจะเรียกข้าวว่า”ยา”
“กินกันมาแล้วจ๊ะ” ย่าบอกกับชวด วันนี้ฉันมีธุระให้แม่ช่วย
“เออ..มีอะไรก็บอกมา” ย่าชวดกำลังตำหมาก
“ถ้าเรื่องไอ้งั่ง...รอเดี๋ยว..สมชายมาหาชวดหน่อย”
ย่าชวดเรียกผมเข้าไปหา
“มันทำอะไรสมชายมั่ง” มันเอาเล็บจิก แต่ย่าช่วยไว้ครับ “
“ขวัญเอ้ย...ขวัญมา” ย่าชวดเอามือลูบหัว พร้อมกับเป่ากระหม่อม แล้วเอาตอกจุ่มน้ำมนต์ในบาตรพระมาเคาะที่หัว สอง สามครั้ง เบาๆ
“ให้ย่าพาเอ็ง..ชวนกันไปกินยาก่อน...เดี๋ยวเสร็จแล้วชวดจะเรียก”
“จ๊ะ...แม่” ย่ารับคำชวด แล้วจูงมือผมเจ้าไปในครัว ซึ่งอยู่ท้ายตำหนัก
มีทั้งอาหารคาว หวาน เต็มไปหมด กินเสร็จผมก็ไปวิ่งเล่นกับเด็ก ๆ ในสำนัก ส่วนใต้ถุนก็มีวัวที่ชวดไถ่ขีวิตเอามาเลี้ยงไว้
ผ่านไปพักใหญ่ๆ ผมได้ยินเสียงร้องโหยหวลทั้งเสียงผู้หญิง ผู้ชาย แว่วมาทางที่ชวดนั่งอยู่ เป็นระยะๆ จนเสียงนั้นสงบลง
“ย่า พาสมชายเข้ามาได้แล้ว”
“มาแล้วจ๊ะ...” ย่าพนมมือขึ้น
“สมชายเข้ามาหาชวดใกล้ๆหน่อย”
“ชวดเฆี่ยนมันแล้ว..ต่อไปสมชายเอามันไปเล่นได้”
“แล้วมันไม่รังแกผมเหรอครับ”
“แบมือขึ้นมา” ชวดสั่งให้ผมแบมือ แล้วเอาไอ้งั่งวางไว้ในอุ้งมือ
“มันร้อนครับ”
“เดี๋ยวมันก็เย็น...มันไม่ดื้ออีกแล้ว”
กลับมาถึงบ้านผมจัดแจงเตรียมของเล่นชุดใหญ่ บอกให้ย่าคอยดูนะ ..คราวนี้ผมเอาลงไปเล่นคลุกดิน คลุกฝุ่น สำบุกสำบัน หวังว่ามันจะเป็น Good Boy
ไอ้งั่งกับผมยังไม่จบแค่นี้ มันยังตามผมไปที่มหาวิทยาลัย หลอนผู้คนในหอพัก จนกระทั่งรุ่นน้องที่เรียนจุฬามาขอมันไป ผมจึงพ้นพันธะด้วยประการทั้งปวง.
สรุป
ผีห่า, ชื่อผีจำพวกหนึ่ง ถือกันว่าทำให้เกิดโรคระบาดอย่างร้ายแรง เป็นเหตุให้คนตายจำนวนมาก เช่น โรคลงราก (อหิวาตกโรค) และกาฬโรค จึงเรียกโรคนี้ว่า โรคห่า อหิวาตกโรค (cholera), ชื่อโรคระบาดชนิดหนึ่ง มีอาการลงราก
ผีเร่ร่อน" คือ พวกกายละเอียดที่ไม่มีบุญมากพอที่จะไปบังเกิดอยู่ในสวรรค์และก็ไม่มีบาปมากพอที่จะต้องไปตกนรก เมื่อเป็นเช่นนี้จึงทำให้พวกเขาต้องกลายมาเป็นผีที่เร่ร่อนไปมาอยู่ภายในเมืองมนุษย์ และไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักเป็นแหล่ง เพราะไม่มีบุญพอที่จะมีเรือนเป็นของตัวเอง
///\\\
ท้ายเรื่อง
การเลี้ยงไอ้งั่ง
1.มันไม่ใช่พระ เป็นของต่ำ
2.มันชอบสกปรก ยิ่งมากยิ่งขลัง
3.ห้ามให้ใครถ้าเขาไม่ได้ขอ มันจะกลับมาที่เดิม
4.วิธีชุบความขลัง ให้เอาเกศไปจิ้ม ปจด. ผู้หญิง จะเฮี้ยนมาก
5.ไปไหนมันจะไปด้วย แต่บอกมันให้ดูแลเรา มันมีฤทธิ์ทางอยู่ยงคงกระพัน เมตตามหานิยม และมหาเสน่
6.ตัวที่ชวดเลี้ยงไว้เป็นของทางมอญ ใข้ดินเจ็ดป่าช้า ตกทอดจากชวดมาถึงปู่ของผม แล้วมาถึงมือผม สุดท้ายรุ่นน้องขอไอ้งั่ง ขณะทำงานโครงการวิจัยของบริษัทดีมาร์(deemar) ผมเลยโล่งอก
7.ถ้าเก็บมันไว้ เงินทองจะไม่เหลือเก็บ มันจะชวนเที่ยวตลอดเลย
8.อย่ากังวลเกศบิดซ้าย หรือ ขวา ตาแดงหรือไม่แดง อยู่ที่ใครสร้าง แต่แน่นอนมันมีวิญญาณ มันให้แต่คุณ ไม่มีโทษ เพียงแต่มันเป็นเดรัจฉานวิชา คนใช้มันต้องมีสติ.
โฆษณา