Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
พงศ์เล่าเรื่อง
•
ติดตาม
1 ม.ค. 2021 เวลา 16:10 • ปรัชญา
เจ้าชายนิทรา ภาวะสมองตาย
กายไม่ตอบสนอง แต่จิตยังรับรู้สภาวะธรรม
สืบเนื่องจากบทความที่แล้ว เรื่อง ตายแล้วสูญไปแน่หรือ เมื่อได้ฟังพอตแคสของกัลยาณมิตรท่านหนึ่ง กล่าวถึงการดูแลผู้ป่วยที่ใกล้จะเสียชีวิต
เธอกล่าวถึงความสุขที่น่าจะได้ทำในวาระสุดท้ายของชีวิตของผู้ป่วย เราน่าจะปล่อยให้ผู้ป่วยได้ทำสิ่งที่ทำให้เป็นสุข ไม่ว่าจะเป็นสุขทางกาย หรือสุขทางใจ
การห้ามผู้ป่วยทำนั่น ทำนี่ อาจไม่ได้ต่อลมหายใจไปได้นานสักเท่าใด
ทำให้ได้ฉุกคิด ให้จินตนาการถึงผู้ป่วยติดเตียงที่มีสภาวะความจำเสื่อม หรือถึงขนาดเป็นเจ้าชายนิทรา
ขอขอบคุณ
https://www.thairath.co.th/entertain/news/1234334
จิตจะไม่ยอมละทิ้งกายไปง่ายๆ หากขันธ์ทั้งห้ายังไม่แตกสลายแยกออกจากกัน แต่จะกลับไปเป็นเหมือนตอนที่เรายังอาศัยอยู่ในท้องของแม่ช่วง 9 เดือนก่อนจะถือกำเนิด
สภาวะที่ร่างกายไม่สามารถตอบสนองความต้องการของจิตใจได้ แต่จะต่างกันตรงที่ ตอนอยู่ในท้องแม่ สมองกำลังถูกหล่อเลี้ยงด้วยบุญเก่าคืออาหารที่ส่งผ่านทางสายรกของแม่ การรับประทานอาหารของแม่ส่งให้ลูกได้ทานไปด้วย
การที่สมองพัฒนาขึ้นตามลำดับทำให้จิตมีอำนาจควบคุมสั่งการร่างกายได้มากขึ้นตามลำดับเช่นกัน
ขอขอบคุณ
http://oknation.nationtv.tv/blog/inmind/2007/05/27/entry-1
แต่ผู้ที่อยู่ในสภาวะสมองตายหรือเสื่อม อย่างที่เรียกว่าเจ้าชายนิทรานั้นกลับเป็นไปในทางตรงกันข้าม คือเสื่อมลง หมายถึงด้อยประสิทธิภาพในการตอบสนองต่อความต้องการของจิตลงไปเรื่อยๆ
ขอขอบคุณ
https://www.ram-hosp.co.th/news_detail/282
จนกระทั่งตอบสนองไม่ได้อีกต่อไปในที่สุด และจะมีสภาพเป็นเจ้าชายนิทราหรือบางคนเรียกว่านอนเป็นผัก ให้ผู้ที่มีหน้าที่ดูแลต้องคอยหยอดน้ำข้าวต้มเพื่อช่วยให้ร่างกายมีอาหารหล่อเลี้ยงและมีชีวิตต่อไปได้จนกว่าจะตาย
แล้วทำไมจิตจึงไม่ยอมจากร่างกายนี้ไป ทั้งที่ร่างกายไม่สามารถตอบสนองความต้องการของจิตได้อีกต่อไปแล้ว
นั่นก็แสดงให้เห็นถึงความยึดมั่นถือมั่นของจิตที่มีต่อกายเนื้อนี้ และยังยึดมั่นถือมั่นในสถานะของตนในขณะนั้นด้วย เช่น ถ้าเป็น พ่อ เป็นแม่ก็จะยังห่วงกังวล ผูกพันกับลูกหลานของตน
นี่ยังไม่รวมถึงความผูกพัน ยึดมั่นถือมั่น หวงแหนในทรัพย์สินที่ตนใช้ความพยายามแสวงหามาสะสมไว้ทั้งชีวิต หรือก่อร่างสร้างธุรกิจใหญ่โตขึ้นมาด้วยตัวเอง ก็จะยังห่วงความเป็นไปอยู่นั่นเอง
จิตจึงไม่อาจจะพ้นไปไหนได้เพราะยังมีกายหยาบให้ยึดติดได้อยู่นั่นเอง
การที่เราดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด และมักมีคำถามว่าผู้ป่วยไม่รับรู้และไม่ตอบสนองทางร่างกายแล้วอย่างนี้เขาจะรู้หรือไม่ว่าคนที่ห่วงใยเฝ้าคอยดูแลเขาอยู่
คนที่ไม่ตอบสนองไม่ใช่ว่าไม่รู้ แม้สัตว์เดรัจฉาน อย่างสุนัข ยังรับรู้ความรู้สึกของเจ้าของเขาเพียงแค่การมองสีหน้า หรือท่าทางโดยที่ไม่ต้องรู้ภาษาคนเลย
ดังนั้นการที่เราห่วงใยผู้ป่วยสมองเสื่อมและอยากช่วยให้เขาได้รับโอกาสจะเดินทางไปสู่ภพภูมิที่ดีหลังจากธาตุขันธ์แตกดับแล้ว เราก็ยังสามารถช่วยเขาได้ แม้เขาจะไม่ตอบสนองเราแล้วก็ตาม
แต่การเปิดเสียงธรรมะ หรืออ่านหนังสือธรรมะให้ผู้ป่วยฟังก็อาจไม่ใช่คำตอบสุดท้ายเสียเลยทีเดียว
การจะส่งเสริมก็ต้องดูอุปนิสัยของฝ่ายผู้รับด้วย ว่าก่อนจะป่วยจนอาการหนักนั้น ผู้ป่วยมีอุปนิสัยโน้มเอียงไปในทางใด
หากเป็นประเภทต่อต้านธรรมะอย่างรุนแรงแล้ว การยัดเยียดให้ฟังเสียงธรรมะอาจก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี เพราะอาจเกิดความเครียดได้
เราอาจช่วยให้จิตของผู้ป่วยได้ผ่อนคลายลงได้ด้วยวิธีอื่นหรือสิ่งอื่นที่ผู้ป่วยสนใจหรือโปรดปราน เช่น ถ้าผู้ป่วยชอบเสียงดนตรี ก็จัดเสียงดนตรีแนวสร้างสรรค์คุณงามความดีให้ฟัง เพื่อโน้มน้าวจิตของเขาให้ไปในทางกุศลก็อาจพอทำได้
ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาอย่างรอบคอบของผู้ที่ใกล้ชิดและรู้จักอุปนิสัยของผู้ป่วยเป็นอย่างดีเท่านั้น
ทำอย่างนี้จิตของผู้ป่วยที่ยังยึดมั่น ถือมั่นในกายนี้ก็จะยังพอจะรับรู้ความปรารถนาดีของเราได้ ซึ่งเป็นกระแสทางบวก เป็นบุญ เป็นกุศล จิตอาจน้อมเข้าสู่ภพภูมิที่ดีได้ตามสภาวะจิตในขณะสิ้นลมหายใจ รวมถึงผลบุญที่เคยสั่งสมเอาไว้แล้วนั่นเอง
ธรรมะสวัสดี
บันทึก
11
26
2
11
26
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย