27 ธ.ค. 2020 เวลา 04:41
PAGE 05 : "สุสานคนเมือง" เมื่อพื้นที่เมืองไม่มีพื้นที่พอสำหรับสุสาน
สวัสดีครับวันนี้บันทึกกันลืมมาแนวสยองขวัญกันหน่อยครับ แต่เราจะไม่ได้มาเล่าเรื่องผีนะ แต่จะว่ากันด้วยเรื่องของเหล่าบรรดาสุสานที่ตั้งอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งใช้ฝังศพของทั้งคนไทยเชื้อสายจีน คนคริสต์ ไปจนกระทั่งคนมุสลิม สุสานบางแห่งก็มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน แต่เมื่อเวลาผ่านไปกรุงเทพฯ ก็มีการพัฒนาและขยายตัวที่เพิ่มมากขึ้น เมื่อกรุงเทพฯ ต้องพัฒนาพื้นที่เพื่อก้าวสู่อนาคตแต่สุสานยังเป็นพื้นที่ในการหวนถึงอดีต ดังนั้นเราจะมีวิธีการจัดการกับพื้นที่สุสานกันอย่างไร ? มาหาคำตอบได้ในบันทึกกันลืมครับ
ผู้อ่านทุกท่านคงจะทราบกันดีใช่ไหมครับว่าในที่ดินในกรุงเทพฯ ทุกวันนี้มีมูลค่าที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีโครงการรถไฟฟ้าตัดผ่าน ดังนั้นการที่จะใช้ศักยภาพของที่ดินให้คุ้มค่าจึงมีการพัฒนาโครงการต่าง ๆ นานามากมาย แต่ที่ดูจะได้รับความนิยมมากที่สุดคงจะหนีไปไม่พ้น "คอนโดมิเนียม" ทำให้ทุกวันนี้เราเห็นคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้ากันเยอะมาก
แต่ในกรุงเทพฯ ของเรายังมีการใช้ที่ดินประเภทที่อยู่อาศัยสำหรับคนตาย อยู่ด้วยนะครับ (อันนี้เป็นมุกนะครับ ไม่ได้มีปรากฎในผังเมืองรวม) ผมเลยลองไปดูตำแหน่งของสุสานในกรุงเทพว่าอยู่ส่วนไหนกันบ้างนะ ผลได้ตามรูปด้านล่างนี้ครับ
ที่มา : google map
จากแผนที่จะสังเกตเห็นได้ว่าพื้นที่สุสานส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในพื้นที่เขตสาทรที่เรียกได้ว่าอีกหนึ่ง "Prime Location" ของกรุงเทพฯ ซึ่งมีมูลค่าที่ดินค่อนข้างสูง ยิ่งไปกว่านั้นสุสานบางแห่งยังมีที่ตั้งติดกับสถานีรถไฟฟ้าด้วย (สุสานจีนฮกเกี้ยนติดกับสถานีช่องนนทรี) ตึกมหานครเป็นตัวอย่างการพัฒนาพื้นที่รอบสถานี (Transit Oriented Development หรือ TOD) ที่นำพื้นที่สุสานจีน-ฝรั่งบางส่วนมาพัฒนาเป็นโครงการเชิงพาณิชย์ติดสถานีช่องนนทรี นอกจากนี้ยังมีวิธีการต่าง ๆ ที่จะเปลี่ยนแปลงพื้นที่สุสานให้มีความร่วมสมัยทันกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้ ตามนี้ครับ
1.สุสานสู่สวนสาธารณะ
โมเดลนี้เกิดขึ้นจริงแล้วกับสุสานวัดดอน สุสานขนาดใหญ่พื้นที่ 150 ไร่ ในเขตสาทร ที่มีการปรับให้มีการใช้งานเป็นสวนสุขภาพ เป็นการปรับพื้นที่ที่ไม่มีการใช้งานให้เป็นพื้นที่นันนทนาการสำหรับคนเมือง ผู้คนสามารถเข้าไปวิ่งออกกำลังกายได้โดยยังคงการเป็นสุสานอยู่
2.สุสานบลูทูธ
สุสานไฮเทคแนวใหม่จากประเทศญี่ปุ่น สุสานมีชื่อว่า "ฮิคาริ (Hikari)" เป็นลักษณะสุสานที่มีการใช้งานร่วมกัน โดยมีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี เมื่อญาติต้องการไปสุสานของผู้ล่วงลับ เมื่อเราเข้าใกล้สุสานจะมีการแสดงภาพ ชื่อ และข้อมูลอื่น ๆ ของผู้ล่วงลับบนจอ โมเดลถูกคิดค้นเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนพื้นที่และราคาสุสานที่มีราคาสูง
3.สุสานแนวตั้ง : สถาปัตยกรรมเพื่อคนตาย
รูปแบบนี้เป็นลักษณะของการทดลองเชิงสถาปัตยกรรม (Experimental Architecture) ในการจัดการกับข้อจำกัดของพื้นที่สำหรับสุสานในเมือง โดยการใช้บอลลูนใส่เถ้ากระดูกเป็นสื่อกลางในการรำลึกถึงผู้ล่วงลับ บอลลูนติดกับพื้นโดยใยแก้วนำแสงกับเครื่องหมุนนับเวลาถอยหลัง ในกรณีที่มีญาติมาเยี่ยมที่สุสานบอลลูนก็จะหยุด แต่ถ้าสุสานไหนไม่มีญาติมาเยี่ยมบอลลูนจะลอยสูงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อลอยไปจนถึงชั้นบรรยากาศบอลลูนจะทำลายตัวเอง ผงเถ้าจะถูกลอยไปในอากาศรอเวลาที่ฝนตกเถ้านั้นจึงถูกชะลงมาสู่ผืนดินพร้อมกับสายฝน
ที่มา : Designmatters
สุดท้ายแล้วการจะคงอยู่หรือการรื้อย้ายสุสานก็คงไม่สำคัญ แต่สำคัญที่ว่าเราจะสร้างสมดุลของการพัฒนาพื้นที่ได้มากน้อยแค่ไหน แน่นอนว่ามูลค่าของที่ดินในกรุงเทพฯ นั้นสูงเกินกว่าจะเป็นพื้นที่การอยู่อาศัยสำหรับคนตาย แต่ในทางจิตใจแล้วนั้นมูลค่าของที่ดินอาจไม่ได้มีค่าอะไรเลยก็ได้ เพราะจุดจบของชีวิตเรานั้นอาจไม่ใช่ความตายแต่เป็นการที่เรานั้นถูกลืม...
บันทึกหน้านี้จึงบันทึกไว้เพื่อกันลืม
โฆษณา