💠นิพัทธ์พร : พี่คะแล้วแรงยึดเหนี่ยวทางจิตวิญญาณของชาวนาไทยล่ะคะ จะหวนกลับมาได้อย่างไร
.
เอียดได้เห็นกิจกรรมของทางมูลนิธิข้าวขวัญ พยายามฟื้นเรื่องแม่ธรณีหรือแม่โพสพกลับคืนมา ทั้ง ๆ ที่ชาวนาไทยก็เคยมีแม่โพสพอยู่ตลอด แต่มันเหมือนกับว่าถูกเก็บไว้ในลิ้นชักความทรงจำ แล้วการพยายามไปฟื้นกลับคืนมามันทำได้แค่ไหนคะ
.
พี่เดชา : คือแต่เดิมเนี่ย ความเชื่อเรื่องเทพ เรื่องสิ่งสูงส่งกว่ามนุษย์โดยเป็นตัวแทนธรรมชาติ ไม่ว่า แม่พระธรณี แม่คงคา แม่โพสพ ล้วนเป็นตัวแทนธรรมชาติ
.
แทนที่จะพูดถึงธรรมชาติเป็นดิน เป็นน้ำ เป็นข้าว เราจะพูดถึงเทพที่รักษาดิน รักษาน้ำ รักษาข้าว ซึ่งอยู่สูง เป็นเทพที่สูงกว่ามนุษย์ ท่านนจะมาจากไหนก็ตาม แต่สิ่งนี้มีอิทธิพลสูงทำให้มนุษย์เคารพธรรมชาติ ทำตัวสอดคล้องกับธรรมชาติและก็ไม่ทำลายธรรมชาติ อันนี้เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวมานาน
.
ทีนี้พอชาวนา ชาวบ้านมารู้ว่ามีวิทยาศาสตร์หรือระบบตลาด ระบบเกษตรสมัยใหม่ มันก็ได้ทำลายสิ่งเหล่านั้นไปหมด เพราะว่าไม่ต้องเคารพเทพก็ได้ ใส่ปุ๋ย ใส่ยาไป มันก็โตเองแหละ ไอ้พวกนี้มันทำลายทั้งภูมิปัญญาชาวบ้าน ทั้งความเชื่อ ทั้งอัตลักษณ์ ทั้งการพึ่งตัวเอง ทั้งเศรษฐกิจสังคม มันทำลายหมดเลย ดังนั้นหากเราจะฟื้นแค่เทคนิคทางการเกษตรอินทรีย์ หรือว่าแค่สังคมธรรมดา มันก็ไม่มีรากเหง้าที่จะไปดึงเอาความเข้มแข็งไว้ได้เต็มที่ เราต้องดึงเอาของเก่ามาให้หมด แต่ว่าของเก่าที่ดึงมามันต้องปรับให้เข้ากับยุคสมัย จะไปดึงเอาแค่ว่า...เชื่อเราเถอะ เชื่อเถอะมีเทพแน่นอน ลองไปทำแบบนี้ เขาก็ไม่เชื่อหรอก ใครจะมาเชื่อ ทีนี้ถ้ามีวิธีที่ทำให้เขาเชื่อได้จริง พิสูจน์ว่าเทพมีจริง หรือว่าติดต่อได้จริงนี้แหละ มันก็จะมีพลังจริง ๆ
.
ไม่ใช่ว่าเชื่อสักแต่ว่าเป็นประเพณี หรือเชื่อสืบ ๆ กันมา หรือว่าเชื่อให้คนเขาเห็นแค่ว่าเป็นอัตตลักษณ์ของแต่ละกลุ่มชน กลุ่มชาติพันธุ์ แบบนั้นมันไม่มีราก ไม่มีพลังจริงหรอก ถ้าเรารู้ว่าใครติดต่อเทพได้จริง หรือว่าพิสูจน์ได้ว่าเทพมีจริงเนี่ย เราก็ต้องไปดึงเอามา เพื่อจะพิสูจน์ว่ามีจริง ถ้าต่อได้จริงหรือว่าพิสูจน์ได้จริง มันก็ฟื้นกลับมาแน่นอน
.
แล้วเมื่อฟื้นกลับมาจะมีพลังยิ่งกว่าเก่าด้วยซ้ำ นอกจากว่าเขาจะเชื่อเขาจะเคารพแล้ว บางทียังไปดึงเอาความรู้จากเทพพวกนั้นมาใช้งานได้ด้วย ซึ่งมันไม่เคยมีในอดีตด้วยซ้ำ