27 ธ.ค. 2020 เวลา 09:43 • หุ้น & เศรษฐกิจ
สังเกตไหมครับ ช่วงนี้เวลามีคนตั้งกระทู้เรื่อง DELTA จะต้องมีอย่างน้อย 1 คอมเมนต์ที่พิมพ์ประมาณว่า “นึกถึง BAY เลย” ,”กรณี BAY จะกลับมาอีกไหม”
โดยคนที่พูดถึงเรื่องนี้จะต้องเป็นนักลงทุนที่อยู่ในตลาดมามากกว่า 5 ปี และในฐานะที่เราเป็น 1 ในคนที่เกิดทัน และได้รับผลกระทบในครั้งนั้น
จึงขออาสามาเล่าให้ทุกคนฟังว่า ในวันนั้นมันเกิดอะไรขึ้น แล้ว DELTA จะมีโอกาสซ้ำรอย BAY หรือไม่ ลองพิจารณากันได้ผ่านบทความนี้
2
ย้อนกลับไปเมื่อต้นปี 58 ได้มีอีกเหตุการณ์ที่ถือเป็นเรื่องอื้อฉาวของตลาดหุ้นไทย ชนิดที่ว่าถ้าไม่ได้แกล้งปิดตาเอาไว้ก็คงรู้ว่าเป็นการจงใจกระทำ โดยเรื่องมีอยู่ว่าในตอนนั้นมีหุ้นตัวหนึ่งที่ไม่น่าจะมีคุณสมบัติในการอยู่ในดัชนี SET50
2
แต่มีภาพลวงตาที่ทำให้ยังอยู่ได้ ทำให้นักลงทุนกลุ่มหนึ่งใช้โอกาสนี้ในการเป็น “ตัวแทน” เพื่อทำราคาดัชนี SET50 ในระยะสั้น ซึ่งหุ้นตัวนั้นก็คือ “BAY” แล้วเรื่องราวจะเป็นมาอย่างไร ทุกท่านเชิญรับรู้ข้อมูลได้ต่อจากนี้
2
รูปแสดงสัดส่วนผู้ถือหุ้นของหลักทรัพย์ BAY ในปี พ.ศ.2557
BAY หุ้นที่มี Free Float สูงแต่ต่ำ !
1
“ตลาดหลักทรัพย์ได้กำหนดกฎเกณฑ์ให้หุ้นที่จดทะเบียนในตลาดต้องมีสัดส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อย ที่ไม่ได้มีส่วนร่วมในการบริหารหรือถือหุ้นเชิงกลยุทธ์ธุรกิจ (Free Float) > 15% และสำหรับการบรรจุเข้าเป็นสมาชิกของดัชนี SET50 ต้อง > 20%”
2
ดังนั้น หากดูจากรูป ณ ช่วงเวลานั้น BAY มีสัดส่วน Free Float สูงถึง 28% ทำให้ผ่านเกณฑ์ทั้งสองกรณีอย่างไม่ต้องสงสัย แล้วทำไมถึงมีแต่นักลงทุนพูดว่า BAY มี Free Float ที่ต่ำมาก เขาเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ?
3
คำตอบคือ เปล่าเลยครับ เพราะจากตารางที่เห็นมีนัยแฝงอยู่ ดังนี้
จากในข่าวจะพบว่า ช่วงนั้นทาง BTMU ได้เข้ามาถือหุ้นใหญ่ของ BAY เป็นสัดส่วน 72% และทำให้กลุ่มรัตน์รักษ์กลายเป็นผู้ถือหุ้นรองลงมาที่ 25% โดยในส่วนนี้แหละที่เป็นประเด็น !
1
เพราะพวกเขาทั้งกลุ่มถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม Flee Float ที่เราเห็น (ลำดับ 2-13) ทั้ง ๆ ที่หากมองกันตามสมมุติฐานที่ว่า คนกลุ่มนี้มีแนวโน้มไม่ขายหุ้นออกมาสู่ตลาด
1
ดังนั้น ตัวเลข 72 + 25 = 97% จะเป็นตัวเลขของสัดส่วนหุ้นที่ไม่หมุนเวียน ทำให้จำนวนหุ้นที่เหลืออยู่ในมือรายย่อยคนอื่นจริง ๆ เพียงไม่ถึง 3% เท่านั้น
4
กอปกับช่วงนั้นมีแต่คนวิเคราะห์ว่าเจ้าของคนใหม่ต้องการทำ Tender Offer และเอาออกจากตลาด จึงทำให้นักลงทุนไม่มีความต้องถือหุ้นตัวนี้ไว้ และแทบไม่ซื้อ-ขายกันเลย
1
ซึ่งนี้คือเหตุผลที่ทำไมตอนนั้นเขาถึงมองว่า BAY มีสภาพคล่องน้อยและ Free Float ต่ำ แต่ยังสามารถ Listed อยู่ในดัชนี SET50 ได้
1
เรื่องแบบนี้มีหรือที่จะมีคนไม่เห็นโอกาส
หากย้อนกลับไปดูจะพบว่าในช่วงปลายปี 57 หุ้น BAY มีปริมาณการซื้อขายต่อวันเพียงแค่หลักแสนหุ้น ส่วนราคาก็วนเวียนอยู่แถว 40 กว่าบาทใกล้เคียงกับราคา Tender Offer (39 บาท)
2
แต่แล้วก็เกิดเรื่องประหลาดขึ้นที่อยู่ ๆ ในวันที่ 9 ม.ค. 58 ได้มี Volume ปริศนาจำนวน 5 ล้านหุ้น (ประมาณ 10 เท่าของค่าเฉลี่ยต่อวัน) ลาก BAY ไปปิดที่ 50 บาท และจากนั้นในแต่ละวัน ก็มี Volume เข้ามาซื้อ-ขายกันวันละ 5 ล้านหุ้น
1
และค่อย ๆ ลาก BAY ไปวันละ 5 บาท จนถึงจุดพีคสุด ในวันที่ 23 ม.ค. ที่ทำกันแบบไม่ต้องแคร์สายตาใครอีกต่อไป โดยมี Volume ประมาณ 10 ล้านหุ้น ปาเข้ามาลาก BAY ขึ้นไปถึง 90 บาท และเป็นการแตะ Ceiling ของหุ้นใน SET50 ที่เราแทบไม่เคยมีโอกาสได้เห็น และนี้จึงเป็นเรื่อง Talk of the town ในตอนนั้น
4
ใช้เงิน 900 ล้าน ลาก SET ขึ้นไป 16 จุด (SET50 ประมาณ 10 กว่าจุด)
1
หลายคนต่างก็หาเหตุผลต่าง ๆ นา ๆ มาพยายามแก้ต่างให้กับเหตุการณ์นี้ แต่ก็ไม่สามารถหาเหตุผลที่ดีพอมาอธิบายราคา BAY ที่ 100 บาท (นอกจากข่าวลือบ้าๆ ว่า BTMU จะ เทนเดอร์ที่ราคา 100 บาท ซึ่งใครเชื่อก็ … เต็มที และข่าวนี้ก็ถูกชี้แจง+ปฏิเสธในภายในหลัง)
1
ดังนั้นมันจึงเหลือเพียงเหตุผลเดียวที่มีน้ำหนักเพียงพอ คือ มีคนตั้งใจใช้ BAY ในการกำหนดทิศทางดัชนี SET50 เพื่อผลประโยชน์ในทางอื่น เช่น การทำกำไรในตลาด TFEX
5
โดยทุกอย่างดูสมเหตสมผลขึ้น เพราะ BAY ถือเป็นหุ้นที่เบาหวิว แต่ส่งผลอย่างหนักหน่วงกับดัชนี โดยใช้เม็ดเงินแค่ 900 ล้านบาท ที่อาจยกหุ้นใหญ่ได้แค่ 2-3 ช่อง แต่สามารถผลักราคา BAY ขึ้นไป Ceiling และส่งผลต่อดัชนีมากกว่า 10 จุด ! และจากนั้นผ่านไปอีกแค่ 2-3 เดือน BAY ก็กลับมาเล่นกันอยู่ 40-50 บาทเช่นเดิม และนี้คือปรากฏการณ์ BAY ที่เป็นที่กล่าวขานกันจวบจนถึงปัจจุบัน
7
ทีนี้เราลองมาวิเคราะห์กันต่อว่า …
3
แล้วกรณี DELTA จะซ้ำรอยหรือไม่
2
อันดับแรกเราต้องชี้แจงก่อนว่ารอบของ DELTA นี้จะแตกต่างจากกรณีของ BAY ตรงที่กรณี BAY นั้นเป็นการ “แอบทำ” โดยการอาศัยตอนที่หุ้นไร้สภาพคล่อง+Free Float ที่ต่ำในการทำราคา
3
แต่ในกรณี DELTA ต้องเรียกได้ว่าทำกันแบบเห็นกันแบบให้รู้ตัวกันทั้งประเทศ โดยเราเองก็ไม่สามารถวิเคราะห์ได้ว่าจาก Free Float ที่เห็นในตอนนี้ หุ้นอยู่ในมือเจ้าแล้วกี่% แต่ที่ค่อนข้างมั่นใจ คือ
1
การลากราคาขึ้นมาที่(น่าจะ)ผิดปกติแบบนี้ ต้องมีผลกระทบตามมาอย่างรุนแรงต่อ “นักลงทุนทุกกลุ่ม” อย่างแน่นอน โดยเรามาวิเคราะห์กันต่อว่า …
แล้วในตลาด TFEX ฝั่งไหนได้ประโยชน์ ?
แม้เราจะไม่กล้ายืนยันว่าฝั่งไหนจะได้ผลประโยชน์ แต่ฝั่งที่ Long SET50 ไว้ เสียผลประโยชน์ไปแล้วอย่างแน่นอน เพราะตามกฎของตลาด จะใช้วิธีคิดดัชนี SET50 จะให้หลักทรัพย์ที่เข้าใหม่ ใช้มูลค่าตลาด (Market Cap) ของการซื้อ-ขายใน “วันแรก” ที่เข้าร่วมเป็นฐาน
1
ดังนั้นหมายความว่า การที่ DELTA ขึ้นมารอบนี้ คน Long SET50 Futures ไว้จะไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย นอกจากนี้ยังอาจซวยเสียด้วยซ้ำ
1
เพราะหากถ้า DELTA ปรับตัวลดลงกลับได้รับผลกระทบเต็ม ๆ ดังนั้น นี้จึงเป็นประเด็นที่นักลงทุนหลายคนมองว่าเกมส์นี้ เจ้าน่าจะพยายามเติมลมลูกโป่งใบที่เขียนว่า DELTA ให้อัดแน่น
1
จากนั้นก็ค่อยเอาเข็มเจาะตอนนี้เข้าไปอยู่ใน SET50 แล้ว (หรืออาจจะลากต่อไปสัก 5,000 ก่อนก็ได้)
1
โดยหากสมมุติว่าวันนี้ DELTA อยู่ใน SET50 แล้ว ทุก ๆ การเปลี่ยนแปลงของ DELTA 1% จะส่งผลต่อ SET50 ประมาณ 0.7 จุด
ดังนั้น ทุก ๆ Ceiling หรือ Floor (30%) จะส่งผลต่อ SET50 ถึง 20 จุดเลยทีเดียว ซึ่งหากถ้ามีการทำจริง ๆ ตัวเลขขนาดนี้เราบอกได้เลยว่าในตลาด TFEX มีคน “อิ่มแปล้” อย่างแน่นอน
3
ตัวอย่างการคำนวณดัชนีเมื่อมีหลักทรัพย์เข้า-ออก อยู่ในหน้า 25-27
3
แล้วกองทุนจะซื้อหุ้น DELTA เข้าเมื่อไหร่ ?
นี่คงเป็นคำถามที่นักลงทุนทุกคนอยากจะรู้ โดยเราค่อนข้างมั่นใจว่ารอบนี้สถาบัน “หนักใจ” อย่างแน่นอน เพราะน่าจะเป็นการเพิ่ม-ลดน้ำหนักหุ้นใน SET50 ที่มี Effect มากที่สุดในประวัติศาสตร์
1
โดยเป็นการนำหุ้นในลำดับสุดท้ายออก แล้วเพิ่มหุ้นที่มี Market Cap ในอันดับ Top 3 เข้ามา (ที่น่าเจ็บใจ คือ DELTA เพิ่งถูกถอดออกไปในรอบก่อน)
ดังนั้น ทุกอย่างน่าจะมีผลกระทบที่หลายคนคาดไม่ถึง แต่อย่างไรก็ตามเรามาดู “พฤติกรรมโดยทั่วไป” ของกองทุนเวลาซื้อ-ขายหุ้นเมื่อเกิดการปรับเปลี่ยนดัชนี SET50 กันก่อน
 
“กองทุนจะใช้เวลา 1-3 วันทำการสุดท้ายในการ Rebalance พอร์ต” นี่คือประโยคที่เราเคยได้ยินผ่านหูมา โดยเราเองก็ไม่เคยใส่ใจอะไรกับมัน แต่วันนี้ถึงเวลาที่ต้องมา Proov กันแล้วว่าคำพูดนี้มี %ความจริงแค่ไหน โดยสามารถอธิบายได้ ดังรูป
1
15 มิ.ย.63 ตลาดประกาศให้ BPP กับ TTW เข้า SET50 ในรอบ 1 ก.ค. – 31 ธ.ค. 63
18 ธ.ค.62 ตลาดประกาศให้ VGI เข้า SET50 ในรอบ 1 ม.ค. – 30 มิ.ย. 63
18 มิ.ย.62 ตลาดประกาศให้ OSP, SAWAD เข้า SET50 ในรอบ 1 ก.ค. – 31 ธ.ค. 62
17 ธ.ค.61 ตลาดประกาศให้ GULF เข้า SET50 ในรอบ 1 ม.ค. – 30 มิ.ย. 62
1
จากรูปทั้งหมด 4 ครั้งล่าสุด ที่มีการปรับเปลี่ยนหุ้นที่เข้า SET50 ทุกครั้งและทุกตัวมีแนวโน้มได้ข้อสรุปไปในทางเดียวกัน โดยแบ่งเป็น 2 ประเด็น ดังนี้
1.กองทุนจะ Rebalance ในช่วง 3 วันทำการสุดท้ายเป็นเรื่องจริง โดย 80% จะอยู่ในวันสุดท้าย
3
เราจะเห็นว่า หุ้นทั้ง 6 ตัวที่ถูกเพิ่มเข้าไปใน SET50 ในแต่ละรอบ จะมีปริมาณการซื้อขายในช่วง 3 วันทำการสุดท้ายเพิ่มขึ้นมาอย่างมีนัยสำคัญ โดยในวันสุดท้ายจะเพิ่มประมาณ 4-5 เท่า ! ของค่าเฉลี่ย 5 วันก่อน จึงเชื่อมโยงได้เป็นอย่างดีกับการ Rebalance พอร์ตของสถาบัน
2
2.มีคนรู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้ว ห่านทองคำ
ตามเมคเซนส์หากถ้าเรารู้ว่าในวันสุดท้ายกองทุนจะต้องซื้อหุ้นพวกนี้เข้าเพื่อให้สัดส่วนที่ถูกต้องใน SET50 ราคาก็ควรจะต้องปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่กลับพบเรื่องที่น่าประหลาดใจ เพราะหุ้นทั้ง 6 ตัว มีแนวโน้มปรับตัวลดลงในช่วงท้าย หลังจากดีดตัวเพิ่มขึ้นระหว่างวัน
2
โดยสังเกตได้จากไส้เทียนด้านบนในวันนั้น (กรอบสีชมพู) ซึ่งนี้จึงเป็นตัวบ่งบอกได้ว่า มีใครสักคนรู้และรอวันนี้ในการขายหุ้นให้กับกองทุนด้วย Volume ปริมาณมากในวันสุดท้าย
2
นี่คือพฤติกรรมตามปกติเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงดัชนี SET50 โดยหากกลับมามองกันที่ปัจจุบันจะพบว่า ตลาดเหลือวันทำการอีกแค่ 3 วัน (จันทร์-พุธ) ก่อนที่จะเริ่มคำนวณรอบใหม่
4
ซึ่งเป็นเรื่องน่าสนใจอย่างยิ่ง ว่าเขาจะทำอย่างไร หากถ้าเป็นเช่นเดิม DELTA อาจมีแรงหนุนจากการทยอยซื้อของสถาบันเข้ามา โดยรอบนี้ประเมินได้ค่อนข้างยากมาก เพราะด้วย Size ของ DELTA ที่มีน้ำหนักมากถึง 8% นี้ หากต้องขายหุ้นตัวอื่นในตะกร้าออกมาซื้อให้ครบก็น่าจะผลกระทบที่ตามมาพอสมควร ครั้นจะไม่ซื้อก็กลัวว่าจะล้อกับดัชนีได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ
2
สุดท้ายนี้ เราหวังจะว่าจะทำให้ทุกคนเข้าใจเรื่องของการคำนวณดัชนี SET50 มากขึ้น, พฤติกรรมของ Player รายใหญ่ที่มีส่วนเกี่ยวกับดัชนี รวมไปถึงพฤติกรรมราคาของหุ้น ก่อน-หลังเข้า SET50
2
โดยเรามาลองดูกันต่อนะครับว่าในช่วงเวลาที่เหลือ ผลลัพธ์ของการ Rebalance ครั้งนี้จะเป็นอย่างไร และที่สำคัญที่สุด เราต้องมาดูว่าเมื่อ DELTA เข้ามาเป็นสมาชิกใน SET50 แล้ว จะกลายเป็น Key หลักในการใช้ทำราคาอย่างที่เคยเกิดขึ้นในอดีตหรือไม่
4
แต่หากเป็นไปตามที่ทุกคนคาดเรารับรองได้เลยว่า ครึ่งปีหน้านี้จะเป็นอีกปีที่ตลาดผันผวนแรงอย่างแน่นอน ยังไงก็ลงทุนด้วยความระมัดระวังทั้งตลาดหุ้นและ TFEX นะครับ ขอบคุณครับ
1
💬 สามารถพูดคุย สอบถาม หรือร่วมแชร์ข้อมูลกับเราได้ ในห้อง Line Open Chat “TFEX For Future”
👇🏻 คลิก link เข้ากลุ่มได้
✳️ฝากติดตาม TFEX For Future ช่องทางอื่นด้วยนะครับ
372
1
โฆษณา