เคล็ดลับที่ 14 กล้าตัดสินใจและลงมือทำ(คิดแบบยิวทำแบบญี่ปุ่น) EP.22
กล้าตัดสินใจและลงมือทำ
ข้อคิดดีดีของหนังสือ คิดแบบยิวทำแบบญี่ปุ่น (สร้างความมั่งคั่งและความสุขให้กับชีวิต ด้วยวิธีคิดที่ส่งต่อกันมาในหมู่เศรษฐีขาวยิว โดย ฮอนดุ เคน เขียน
เคล็ดลับที่ 14 กล้าตัดสินใจและลงมือทำ
- สร้างนิสัยการตัดสินใจที่ดี
- เวลาเจอสิ่งที่ต้องการให้ตัดสินใจคว้าไว้ทันที
- ความสำเร็จขึ้นอยู่กับความสามารถในการตัดสินใจและการลงมือทำ
กล้าตัดสินใจและลงมือทำ
มีอยู่วันหนึ่ง ผมเข้าไปในร้านอาหารกับคุณเกลเลอร์สองคน เมื่อพนักงานเสิร์ฟกล่าวต้อนรับและยื่นรายการอาหารให้ คุณเกลเลอร์ก็เอ่ยปากสั่งอาหารทันที ส่วนผมที่ไม่คุ้นกับรายการอาหารภาษาอังกฤษ กว่าจะตัดสินใจสั่งอาหารได้ก็ใช้เวลานานพอสมควร
“ปกติแล้วเธอใช้เวลาเท่าไหร่ในการตัดสินใจเรื่องต่างๆ”
คุณเกลเลอร์ถามผมหลังจากพนักงานเสิร์ฟเดินจากไปแล้ว
“เวลาตัดสินใจเธอต้องใช้เวลาน้อยกว่า 5 นาที คนที่ประสบความสำเร็จมักเป็นคนที่ตัดสินใจอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะพวกผู้บัญชาการในกองทัพ เพราะถ้ามัวแต่อืดอาดยืดยาดก็อาจส่งผลร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิต ฉันไม่ได้หมายความว่าเธอต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดทุกเรื่องไม่เว้นแม้แต่ตอนสั่งอาหารนะ เพียงแต่ฉันตัดสินใจเรื่องธุรกิจอย่างรวดเร็วจนติดเป็นนิสัย เลยพลอยทำอะไรเร็วไปเสียทุกเรื่องจนบางครั้งโดนภรรยาโกรธไปเลย
“ถ้าเป็นแค่การสั่งอาหารก็ไม่เป็นปัญหาหรอก แต่ถ้าเป็นเรื่องสำคัญๆ เธอควรรีบตัดสินใจทันที คนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าการตัดสินใจที่ดีคือการตัดสินใจอย่างทันท่วงที บางคนเป็นคนชอบผัดวันประกันพรุ่ง เลยติดนิสัยยืดเวลาออกไปเรื่อยๆ แต่ตามหลักการนั่นเท่ากับว่าพวกเขาได้ตัดสินใจไปแล้วว่า ‘จะไม่ตัดสินใจ’ ซึ่งถือเป็นกับดักที่อันตรายที่สุดในชีวิต
“การต้องมานั่งขบคิดเรื่องชีวิตอย่างจริงจังเป็นเรื่องยากสำหรับมนุษย์ พอต้องพิจารณาเรื่องที่สำคัญมากๆ บางคนเลยหลีกเลี่ยงด้วยการพยายามไม่คิดถึงมัน แล้วไม่ยอมตัดสินใจสักที พวกเขาไม่รู้ตัวว่าการทำแบบนั้นเป็นการตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตไปวันๆ โดยไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ ตราบใดที่ยังไม่ได้เผชิญหน้ากับปัญหาใหญ่ 3 เรื่อง ได้แก่ สุขภาพ เงิน และความสัมพันธ์ คนประเภทนี้จะไม่ยอมย้อนกลับมาพิจารณาตัวเองแบบจริงๆจังๆหรอก พวกเขาจะใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อย ไม่ยอมเผชิญหน้ากับอะไรทั้งสิ้น และไม่คิดเปลี่ยนแปลงตัวเองด้วย”
“แล้วต้องทำยังไงถึงจะเป็นคนที่ตัดสินใจได้ดีล่ะครับ” ผมถาม
คุณเกลเลอร์เริ่มเขียนตัวหนังสือลงบนกระดาษเช็ดปากที่ผมเตรียมไว้ให้
1. ตัดสินใจทุกเรื่องอย่างแน่วแน่
2. จัดลำดับสิ่งสำคัญในชีวิตให้ชัดเจน
3. เวลาที่ตัดสินใจไม่ได้ ให้รอจนกว่าจะหาข้อสรุปให้กับตัวเองได้
4. เชื่อว่าการตัดสินใจไม่มีคำว่าล้มเหลว
5. เมื่อตัดสินใจไปแล้วก็ต้องเดินหน้าอย่างเด็ดเดี่ยว
สร้างนิสัยการตัดสินใจที่ดี
1. ตัดสินใจทุกเรื่องอย่างแน่วแน่
“สิ่งที่จะช่วยให้เธอตัดสินใจได้ดีคือการฝึกฝนการตัดสินใจอย่างแน่วแน่ โดยเริ่มจากเรื่องเล็กๆน้อยๆ เป็นประจำทุกวัน เหมือนกับการออกกำลังกายเพื่อสร้างกล้ามเนื้อนั่นแหละ เธอต้องตัดสินใจเรื่องต่างๆ อย่างกระตือรือร้น แม้มันจะดูเป็นเรื่องที่ไม่สำคัญอย่างการสั่งอาหารก็ตาม เธอต้องตั้งสมาธิแล้วตัดสินใจไปเลยว่ามื้อเที่ยงวันนี้จะกินแฮมเบอร์เกอร์ และต้องตัดสินใจอย่างแน่วแน่ในทันทีด้วยว่า ‘ชีสเบอร์เกอร์ 2 ชิ้น ไม่ใส่ผักดอง!’ การทำแบบนี้เป็นประจำจะช่วยให้เธอพร้อมรับมือเวลาที่ต้องตัดสินใจเรื่องสำคัญ
“เวลาเลือกเสื้อผ้าหรือเลือกดูรายการโทรทัศน์ก็เหมือนกัน เธอต้องตัดสินใจอย่างพิถีพิถัน อย่าทำแบบขอไปที ตอนนี้เธออาจรู้สึกว่ามันฟังดูไร้สาระ แต่ผลที่ได้จากการฝึกฝนการตัดสินใจเป็นประจำนี่แหละที่ตัดสินว่าใครจะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จมากกว่ากัน
“คนทั่วไปมักกลัวความเสี่ยง กลัวว่าตัวเองจะตัดสินใจผิดพลาดเลยไม่ยอมตัดสินใจเรื่องใดๆ ทั้งสิ้น แต่คนที่ประสบความสำเร็จรู้ดีว่าไม่มีการตัดสินใจใดที่มีความเสี่ยงสูงเท่ากับการไม่ติดสินใจอีกแล้ว คนที่ประสบความสำเร็จจึงกล้าเผชิญหน้ากับความเสี่ยงและความกลัวที่จะล้มเหลว พวกเขาจะตัดสินใจและลงมือทำอย่างกระตือรือร้น ในขณะที่คนทั่วไปจะเอาแต่กลัวผลเสียที่อาจเกิดขึ้นจากการตัดสินใจ เลยต้องอยู่กับความล้มเหลวไปชั่วชีวิต”
เวลาเจอสิ่งที่ต้องการให้ตัดสินใจคว้าไว้ทันที
2. จัดลำดับสิ่งสำคัญในชีวิตให้ชัดเจน
“เรื่องสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ เธอต้องจัดลำดับสิ่งสำคัญในชีวิตให้ชัดเจนอยู่เสมอ คนส่วนมากไม่ค่อยรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองต้องการจริงๆ คืออะไรกันแน่ ซึ่งแตกต่างจากคนที่ประสบความสำเร็จ ดังนั้น เมื่อไหร่ก็ตามที่มีโอกาสผ่านเข้ามาพวกเขาจึงตัดสินใจได้ทันที ฉันเคยตัดสินใจซื้ออสังหาริมทรัพย์ราคาหลายล้านดอลลาร์แบบไม่เสียเวลาคิดเลยสักวินาที พนักงานขายถึงกับตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว แต่ความจริงก็คือ ฉันรู้อยู่แล้วว่าตัวเองต้องการอสังหาริมทรัพย์แบบไหน พอเห็นว่ามันตรงกับความต้องการ ฉันก็รู้ทันทีว่าต้องการตัดสินใจคว้าไว้ นี่แหละคือสิ่งที่เรียกว่าความสามารถในการตัดสินใจ”
3. เวลาที่ตัดสินใจไม่ได้ให้รอจนกว่าจะหาข้อสรุปให้กับตัวเองได้
“อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจอย่างรวดเร็วไปเสียทุกเรื่องใช่ว่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดเสมอไป เวลาที่ตัดสินใจในทันทีไม่ได้ นั่นแสดงว่าสัญชาตญาณของเธออาจกำลังบอกอะไรบางอย่างอยู่ ฉันเองก็เคยตกอยู่ในสถานการณ์ที่ตัดสินใจไม่ได้ ในเวลาแบบนั้นฉันจะยังไม่ด่วนตัดสินใจ การรับรู้ได้ถึงความผิดปกติแบบนี้ช่วยให้ฉันรอดพ้นจากความเสียหายมาแล้วหลายครั้งหลายหน เคล็ดลับอยู่ที่เธอต้องฝึกตัดสินใจบ่อยๆจนชำนาญในระดับที่สามารถสัมผัสถึงความไม่ชอบมาพากลได้ เหมือนกับการพูดสุนทรพจน์นั่นแหละ จะเก่งได้ก็ต้องฝึกพูดบ่อยๆเท่านั้นใช่ไหมล่ะ
“ชีวิตของนักธุรกิจจะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจ บ่อยครั้งที่พวกเขาต้องตัดสินใจในสภาวะที่มีข้อมูลไม่เพียงพอ เพราะหากมัวรอให้มีข้อมูลเพียงพอก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ ถึงตอนนั้นพวกเขาก็โดนคนที่ตัดสินใจเร็วกว่าแซงหน้าไปเรียบร้อยแล้ว”
ความสำเร็จขึ้นอยู่กับความสามารถในการตัดสินใจและการลงมือทำ
4. เชื่อว่าการตัดสินใจไม่มีคำว่าล้มเหลว
“คนส่วนมากยืดเวลาตัดสินใจออกไปเพราะกลัวความล้มเหลว ซึ่งเป็นเรื่องธรรมชาติ เรามักมีความเชื่อฝังหัวมาตั้งแต่เด็กว่าความล้มเหลวเป็นสิ่งเลวร้าย แต่เมื่อพิจารณาในระยะยาว ส่วนใหญ่แล้วไม่ว่าเราจะตัดสินใจยังไง ผลลัพธ์ก็ไม่ได้แตกต่างกันชนิดคอขาดบาดตาย ตัวอย่างเช่น เราต้องตัดสินใจว่าจะทำงานที่บริษัทเอหรือบริษัทบี แต่เมื่อเวลาผ่านไป 10 ปี เราอาจพบว่าไม่ว่าจะเริ่มงานที่ไหนก็ดีเหมือนกันทั้งคู่ ชีวิตคนเราต้องเจอทั้งเรื่องดีและเรื่องร้ายกันอยู่แล้วเป็นธรรมดา แต่ถ้าเราพร้อมรับมือในทุกสถานการณ์ก็จะผ่านมันไปได้ สิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือการเอาแต่กลัวจนไม่ยอมตัดสินใจลงมือทำอะไรเลยต่างหาก”
5. เมื่อตัดสินใจไปแล้วก็ต้องเดินหน้าอย่างเด็ดเดี่ยว
“เมื่อตัดสินใจแล้ว เธอต้องกล้าเผชิญหน้ากับทุกเรื่องอย่างเด็ดเดี่ยว เพราะถ้ายังมัวแต่ลังเลหรือกล้าๆกลัวๆ จากที่ผลจะออกมาดีก็อาจกลายเป็นตรงกันข้าม ถ้าตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้วว่าจะมุ่งไปยังเส้นทางนี้ เธอก็ต้องไม่ลังเล ขอแค่มีความมุ่งมั่น แล้วอุปสรรคจะเป็นฝ่ายหลีกทางให้เธอเอง
“ในบรรดาปัจจัยที่ช่วยให้ประสบความสำเร็จทั้งหลาย การลงมือทำถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด คนส่วนมากไม่ประสบความสำเร็จทั้งที่มีความสามารถ ประสบการณ์ และความรู้มากมาย เพราะพวกเขาไม่มีความสามารถในการตัดสินใจและการลงมือทำนั่นเอง พวกเขารู้หมดทุกอย่างว่าควรทำอะไรและต้องทำยังไง แต่กลับอ้างเหตุผลต่างๆนานาให้ไม่ต้องลงมือทำสิ่งนั้น อาจเรียกได้ว่าการลงมือทำก็คือความกล้าที่จะเผชิญหน้ากับความล้มเหลวนั่นเอง
“เวลาลงมือทำอะไรสักอย่างย่อมมีความเสี่ยงเกิดขึ้นควบคู่กันเสมอ และเรามักกลัวความเสี่ยงกันโดยไม่รู้ตัว สาเหตุเพราะในวัยเด็กเคยพบเจอประสบการณ์เลวร้ายที่เกิดจากความล้มเหลวทั้งที่โรงเรียนและที่บ้าน ไม่ว่าใครก็น่าจะเคยทำอะไรสักอย่างล้มเหลว หรือเผลอพูดอะไรแปลกๆ แล้วโดยดูถูกหรือหัวเราะเยาะใส่ แถมพ่อแม่ส่วนใหญ่ยังชอบตำหนิลูกเวลาทำอะไรล้มเหลวหรือผิดพลาดอีก แทบไม่มีพ่อแม่คนไหนเลยที่ชมเชยลูกเวลาล้มเหลว โรงเรียนเองก็ไม่ได้สอนให้นักเรียนเผชิญหน้ากับความล้มเหลว พอโตเป็นผู้ใหญ่คนจำนวนมากเลยกลัวฝังใจกับการทำผิดพลาด
“แต่ในความเป็นจริงแล้ว ถ้าเราไม่เคยทำผิดพลาดหรือไม่เคยล้มเหลว เราก็จะไม่ได้เรียนรู้อะไรเลยและไม่มีทางพัฒนาขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นการขี่จักรยาน การเล่นเทนนิสหรือกอล์ฟ ไปจนถึงเรื่องความรักและหน้าที่การงาน กุญแจสู่ความสำเร็จจึงอยู่ที่ว่าเราจะสามารถก้าวข้ามความกลัวนั้นแล้วลงมือทำได้หรือเปล่า ในงานขายก็เหมือนกัน ถ้ากลัวความล้มเหลวก็ไม่มีวันทำยอดขายสูงๆได้ ที่จริงถึงขั้นมีคำกล่าวว่า ประสบการณ์ถูกลูกค้าปฏิเสธไม่กี่นาทีจะช่วยให้พนักงานขายมีรายได้เพิ่มขึ้นเชียวนะ”
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
