[Review] Soul (2020) - จงดีใจในทุกวันที่ใช้ชีวิต
หันไปมองปฏิทินก็เข้าใกล้สิ้นปีเข้าไปทุกขณะ ต้องยอมรับว่าปี 2020 เล่นงานหนักกว่าทุก ๆ ปีที่ผ่านมา ทั้งในแง่การใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปจากวิถีเดิมพอสมควร ทั้งความเปลี่ยนแปลงทางสังคม รวมถึงการปรับตัวในทุกแวดวงอันมาจากปัญหาที่เกิดมาจากโควิด พลอยให้เรานั่งคิดถึงชีวิตตัวเองถึงอนาคต ไปถึงเป้าหมายว่า เราได้ใช้ชีวิตคุ้มค่าหรือยัง? อันเป็นคำถามเดียวกับที่แอนิเมชันเรื่องนี้อย่าง Soul ตั้งไว้พอดี
Soul เล่าเรื่องของครูสอนดนตรีมัธยม โจ การ์ดเนอร์ ที่กำลังได้ทำตามฝันที่อยากแสดงดนตรีแจ๊สสักครั้งในชีวิต แต่เกิดอุบัติเหตุทำให้วิญญาณของเขาถูกส่งไปยังโลกแห่งวิญญาณ “งานสัมมนาเพื่อเธอ” ซึ่งเป็นสถานที่ศูนย์กลางที่เหล่าวิญญาณจะมารวมกันเพื่อพัฒนาและสร้างเสริมแรงบันดาลใจของตัวตนก่อนถูกส่งไปเกิดใหม่ โจ จึงต้องร่วมมือกับวิญญาณอย่าง 22 วิญญาณหัวทึบที่ติดอยู่ที่แห่งนี้มานานนับปี เพื่อหาทางกลับไปยังโลกก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้
หนังใช้สเต็ปการเล่าตามขนบแอนิเมชั่นที่เวลาไม่นานนักในการให้เราทำความรู้จักในตัวตนของ โจ การ์ดเนอร์ ก่อนที่เหตุการณ์จะพลิกผันและพาตัวเรากับโจ ไปยังโลกแห่งวิญญาณ ผ่านงานภาพทิวทัศน์เมืองนิวยอร์กที่มีงานแสงที่แสนจะสมจริงและมีชีวิตชีวากับงานภาพในโลกแห่งวิญญาณที่นำเสนอความนามธรรมได้อย่างสนุก ทั้งตัวตนของเจอร์รี่ที่เป็นเส้นสองมิติแทนรูปทรงสามมิติ ด้วยเรื่องราวชุลมุนชวนหัวมากมายที่ทำให้เราตีค่าความหมายของชีวิตได้อย่างคมคาย
ส่วนที่ดีมาก ๆ คือแก่นของเรื่องที่แสนจะปรัชญาอย่างการพูดถึง คุณค่าของการมีชีวิต ที่ค่อนข้างลึกซึ้งและทะเยอทะยานมาก ๆ แต่หนังก็ตีความและย่อยออกมาให้ดูได้ง่ายและยังสนุกไปกับเรื่องราวได้โดยไม่ปวดหัว ส่วนนึงมาจากการกำกับของ พีท ด็อคเตอร์ ที่เคยพูดถึงการปล่อยวางใน Up และการเติบโตใน Inside Out จนดีงามน้ำตาไหลแล้ว พอมาถึง Soul หนังก็ยังสอดแทรกปรัชญาชวนตกตะกอนและผสมเรื่องราวให้ดูสนุกผ่อนคลายได้ในเวลาเดียวกัน
ส่วนต่อมา งานภาพแอนิเมชันซึ่งแม้ปีก่อน Toy Story 4 จะมาพร้อมเทคนิคแสงที่สมจริงระดับนึงแล้ว ในเรื่อง Soul ก็ยังยกระดับไปอีกขั้น ถึงระดับที่สามารถถ่ายทอดจิตวิญญาณของเมืองนิวยอร์กออกมาได้อย่างมีชีวิตชีวามาก ๆ
กระนั้นเอง Soul ก็ไม่ได้เป็นงานแอนิเมชันที่ดูง่ายในระดับนั้น เนื่องจากแก่นของมันค่อนข้างจะลึกและมีเนื้อหาที่ผู้ใหญ่พอสมควร หากเทียบกับ Inside Out หรือแม้กระทั่ง Up เนื่องจากการตีคุณค่าของการใช้ชีวิตย่อมต้องใช้ประสบการณ์ร่วมที่กินเวลาพอสมควร ทำให้เด็กอาจจะไม่เข้าใจเนื้อหาที่หนังมอบให้ตกตะกอนเสียเท่าไหร่ นอกจากนี้ความกินใจของ Soul ก็ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับทั้งสองเรื่องข้างต้น แต่มันมาสะกิดจิตวิญญาณในตัวของเรา ถึงความคุ้มค่าที่เราได้ใช้ชีวิตอยู่ในทุก ๆ วัน ว่าเราได้ใช้ชีวิตของเราอย่างเต็มที่แล้วใช่หรือไม่?
สรุปแล้ว Soul ด้วยเนื้อหาแก่นหลักที่พูดถึงความหมายของการใช้ชีวิตได้อย่างคมคายชวนตกตะกอนทางความคิดแต่ก็ยังย่อยเนื้อหาปรัชญาให้ออกมาดูสนุกได้ รวมถึงงานภาพเมืองทิวทัศน์นิวยอร์กก็มีชีวิตชีวาชวนตกตะลึง นี่คืองานแอนิเมชั่นอบอุ่นใจส่งท้ายปีที่จะพาเราก้าวข้ามช่วงเวลาอันย่ำแย่อย่างเช่นปีนี้ด้วยการใช้ชีวิตทุกวินาทีให้คุ้มค่า
4.5/5
Soul (2020)
Directed by Pete Doctor
Written by Pete Docter, Mike Jones & Kemp Powers
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
