29 ธ.ค. 2020 เวลา 15:52 • หนังสือ
"รู้จักกับ connector นักเชื่อมสัมพันธ์ ..."
connector หรือคนที่คอยเชื่อมต่อผู้คนเข้าด้วยกัน
ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยเล็กๆที่ถูกมองข้าม
แต่หลายครั้งกลับส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อเหตุการณ์ต่างๆ
อย่างที่ Malcolm Gladwell นักเขียนเจ้าของหนังสือขายดีหลายๆเล่ม
ได้เขียนเอาไว้ในหนังสือที่มีชื่อว่า The Tipping Point
ซึ่งได้จับเอาเหตุการณ์ครั้งใหญ่มากถอดประกอบ เพื่อดูว่ามีสาเหตุมาจากอะไรบ้าง
และสิ่งที่เจอ อาจจะเป็นเรื่องเล็กที่เรามักมองข้ามกันไป
เคยสังเกตไหมครับ
ว่าหลายครั้งในชีวิตของเรา
ที่ความสัมพันธ์กับคนมากหน้าหลายตา
มักจะเกิดมาจากคนเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้น
บรรดาคนรู้จัก ทั้งใหม่เก่าของเรา
มักจะต้องรู้จักกับใครซักคนที่เราเองก็รู้จักอยู่แล้ว
The Tipping Point โดย Malcolm Gladwell
ในช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1960
นักจิตวิทยาที่ชื่อ Stanley Milgram ได้ทำการทดลอง
เพื่อหาว่ามนุษย์เราเชื่อมต่อกันได้อย่างไร และภายใต้ของจำกัดของอะไรบ้าง
ศาสตราจารย์ Milgram ได้ส่งจดหมายไปหาคน 160 คน
ที่อาศัยอยู่ใน Omaha, Nebraska
โดยในซองจดหมายนั้นจะมีชื่อและที่อยู่ของโบรกเกอร์หุ้น
ที่ทำงานอยู่ Boston และอาศัยอยู่ใน Sharon, Massachuset
แต่ละคนที่ได้รับจดหมาย ถูกบอกให้เขียนชื่อของตัวเองลงในจดหมาย
และส่งมันต่อไปยังเพื่อนหรือคนรู้จัก
ที่คิดว่าจะทำให้จดหมายเดินทางไปใกล้กับโบรกเกอร์หุ้นมากขึ้น
และเมื่อจดหมายไปถึงบ้านของโบรกเกอร์หุ้น
ศาสตราจารย์ Milgram จะได้รู้ว่ามันผ่านมือใคร มากี่ทอดแล้วบ้าง
ลองเดาเล่นๆนะครับ
คุณคิดว่าจะต้องผ่านมือกี่ทอด ผ่านคนกี่คน
ที่จะทำให้จดหมายจาก Omaha, Nebraska ไปถึง Sharon, Massachuset
ซึ่งมีระยะห่างกันมากกว่า 2,300 กิโลเมตร กันครับ
แล้วก็อย่าลืมนะครับ ว่าการทดลองเกิดขึ้นในช่วงปี 1960
ซึ่งไม่ได้มีโทรศัพท์ อินเตอร์เน็ต และขนส่งที่สะดวกสบายอย่างทุกวันนี้
google map
50 ครั้งพอไหมครับ
หรือ ให้สัก 100 ทอดไปเลย ?
...
..
.
และผลลัพธ์ก็คือ จดหมายไปถึงบ้านของโบรกเกอร์
ด้วยการส่งต่อราว 5 ถึง 6 ทอด
โดยส่วนมาก เมื่อเราลองนั่งนึกถึงคนสนิท
คนเหล่านั้นมักจะมีหลายสิ่งที่คล้ายคลึกกับเรา
อาจจะทำงานคล้ายๆกัน อยู่ในระแวกใกล้เคียงกัน ฯลฯ
นั่นทำให้เราแชร์มุมมองที่มีต่อโลก ในแบบที่ใกล้เคียงกัน
แต่ด้วยระยะทางขนาดนั้น
ทำไมจดหมายถึงใช้เพียงแค่การส่งต่อราว 5 ถึง 6 ครั้ง
ทั้งๆที่คน Omaha, Nebraska ก็ไม่น่าจะแชร์มุมมอง หรือเป็นเพื่อนกับคนที่อยู่ใน Sharon, Massachuset ได้
สิ่งที่น่าสนใจคือ เมื่อศาสตราจารย์ Milgram นำผลลัพธ์ที่ได้มาดูต่อ
พบว่าในบรรดาจดหมาย 24 ฉบับ ที่ไปส่งที่บ้านของโบรกเกอร์
16 ฉบับ ในนั้นถูกส่งด้วยคนๆเดียว
พ่อค้าผ้า ที่ชื่อว่า Jacobs
และจดหมายที่ไปถึงที่ทำงานของเขา ส่วนใหญ่ก็ถูกส่งไปด้วยคนเพียง 2 คน
ทำไมในจำนวนคนที่สุ่มส่งจดหมายไปมากมาย
ซึ่งก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันแต่อย่างใด
กลับไปลงเอย ส่งจดหมายต่อสุดท้าย ที่คนแค่ไม่กี่คนได้
พวกเขาเหล่านั้นล้วนเป็น connector
คนที่เชื่อมต่อกับผู้คนมากมาย
และสามารถเข้าถึงคนส่วนใหญ่ผ่านการเชื่อมต่อเพียงไม่กี่ทอดเท่านั้น
โดยทั่วไปลองสร้างรายชื่อฮิตๆของคนในยุคนั้นมาสัก 250 ชื่อ
แล้วลองดูว่าเรารู้จักคนที่มีชื่อนั้นกี่คน
คนทั่วไปอาจรู้จักราว 20 - 30 คน จากรายชื่อในนั้น
แต่ก็จะมีคนที่อาจรู้จักมากกว่า 100 คน
นั่นละ คือ connector
และการเป็น connector มักจะเป็นทักษะ
ที่อาจจะติดตัวมา(ไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม)
คนที่ไม่ได้คิดถึงผลประโยชน์จากการรู้จักคน(แม้ว่าในที่สุดก็มักจะเป็นประโยชน์)
ทว่าทำไปเพราะรู้สึกอยากทำเท่านั้นเอง
สิ่งที่น่าสนใจคือคนเหล่านี้มักจะเชี่ยวชาญทักษะทางสังคม
ที่เรียกว่า "weak tie" หรือการผูกพันธ์แบบหลวมๆ
ด้วยความเป็นมิตร แต่ก็ไม่ได้สนิทขนาดนั้น
แต่เหล่า connector ก็มักจะชอบความสัมพันธ์แบบนี้เสียด้วย
เหล่า connector มักจะเป็นผู้คนที่ชอบพาตัวเอง
เข้าไปอยู่ในการมองโลกแบบต่างๆ
และมักจะเสนอตัวเข้าช่วยเหลือ ผู้คนในโลกที่ต่างจากตัวเอง
อย่างไม่ได้มีอะไรแอบแฝง
นั่นทำให้พวกเขามักจะเป็นที่รักของคนอื่น
และสามารถเชื่อมต่อเข้ากับผู้คนมากหน้าหลายตาได้
สิ่งที่น่าสนใจกับการเรียนรู้เรื่องของเหล่า connector ก็คือ
หลายครั้งที่ "weak tie" มีประโยชน์มากกว่า "strong tie" เพราะเหล่าพวกพ้องของเรามักจะอยู่ในโลกที่ไม่ได้ต่างไปจากเรามากนัก ทว่าเหล่าคนรู้จัก อาจมีมุมมองและอยู่ในโลกที่ไม่เหมือนกับเราอย่างสิ้นเชิงเลยก็ได้
นั่นทำให้เราเข้าถึงโอกาสที่มากกว่า
และเพราะมันเป็นทักษะ เราจึงฝึกฝนได้
อาจจะเริ่มจากการเสนอตัว ช่วยเหลือคนอื่นแบบไม่แอบแฝง
หรืออาจจะเพียงแค่สนใจคนอื่น ในแบบที่เขาหรือเธอเป็นจริงๆก็ได้
ขอตัดจบแต่เพียงเท่านี้ เพราะมันช่างยาวเสียเหลือเกิน
อย่างไรก็ตาม ขอแสดงความยินดีกับคนที่อ่านมาถึงตรงนี้ด้วยนะครับ
แล้วพบกันใหม่
เร็วๆนี้
โฆษณา