1 ม.ค. 2021 เวลา 05:00 • ไลฟ์สไตล์
วัดป่า สงบ เรียบง่าย
"วัดนี้น่าอยู่มาก" มักจะเป็นประโยคที่ญาติโยมที่พึ่งเข้าวัดเป็นครั้งแรกๆหลุดปากชื่นชม เพราะไม่เหมือนกับวัดทั่วๆไป แค่เพียงได้มองเห็นก็สัมผัสได้ถึงความสงบ วัดสะอาดสะอ้าน ห้องน้ำก็น่าเข้าน่าใช้ มีต้นไม้ครึ้มทั้งวัด ผู้คนไม่วุ่นวาย จะทำอะไรก็อยู่ในความสงบ มีการต่อแถว เข้าคิว และเคารพผู้สูงอายุกันจนเป็นวัฒนธรรมปฏิบัติ ใครจะคิดว่ามีวัดแบบนี้ตั้งอยู่จริงๆ หลายคนเรียกว่าเป็นวัดในอุดมคติ เพียงแต่ครูบาอาจารย์ท่านก็ไม่เปิดตัว ท่านยังคงทำความดีในมุมมืด ไม่ทำสื่อใดๆทั้งสิ้น ไม่เคยออกวิทยุ ไม่เคยทำรายการทางโทรทัศน์ แม้แต่สื่อออนไลน์ท่านก็ขอความร่วมมือว่าอย่าเผยแพร่ จะอนุญาตเพียงแค่นำเสนอธรรมะที่สอน แนวทางการปฏิบัติธรรม ข้อวัตรข้อปฏิบัติต่างๆของวัด แต่ไม่ให้ระบุตัวบุคคล และสถานที่ เท่านั้น วัดนี้ดูไม่เหมือนวัด แต่ละม้ายคล้ายสวนสวยมากกว่า ถ้าไม่มีพระพุทธรูปตั้งอยู่ หลายลูกคนคงนึกว่าเป็นร้านกาแฟหรือรีสอร์ทเป็นแน่แท้ วัดออกแบบให้เน้นการใช้งานมากกว่าที่จะเน้นเอาสวยงาม ตัวอย่างเช่น ศาลาที่ไว้ทำพิธีก็เป็นศาลา โล่งๆ กว้างๆ สว่างๆ เป็นอาคารคอนกรีตที่มีหลังคาเหล็ก แบบเดียวกับโรงงานอุตสาหกรรม ลายไทย ลายกนก ช่อฟ้าใบระกา หางหงส์อย่างวัดอื่น ไม่มีให้เห็นเลย ทางวัดใช้งานศาลาอย่างเอนกประสงค์ สวดมนต์ทำวัตร นั่งสมาธิ เดินจงกรม ฉันอาหาร ฟังเทศน์ฟังธรรม สวดศพ ประชุม อบรมนักเรียน อบรมญาติโยม ก็ใช้ศาลาหลังนี้ ไม่ต้องไปสร้างหลายหลังให้สิ้นเปลือง สีของวัดเหมือนคุมโทนไว้ให้เป็นโทนน้ำตาล - ขาว ทำให้วัดดูสงบและเรียบง่าย ศาลา กุฏิ โรงครัว ห้องเก็บของ สิ่งปลูกสร้างทุกชิ้น แทบจะใช้สีเดียวกันซึ่งถ้าคิดเล่นๆก็ดีเหมือนกันเพราะไม่ลำบากตอนหาซื้อสี วัดมีต้นไม้เยอะมาก ซึ่งก็ทำให้มีร่มเงาทั้งวัด ธรรมชาติช่วยสร้างความสงบได้อย่างดี ร่มไม้ใหญ่น้อยเหล่านี้หลายครั้งก็ได้ใช้ทำกิจกรรมต่างๆ บางคราวพระอาจารย์ก็สอนธรรมะใต้ร่มไม้ หรือบางครั้งญาติโยมก็มาทานข้าวหรือพักผ่อนกันที่ใต้ร่มไม้ ต้นไม้ในวัดถูกปลูกอย่างจงใจเลียนแบบธรรมชาติ มากมายหลายชนิด ทั้งต้นไม้ใหญ่และต้นไม้เล็กๆ ต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงา ส่วนต้นไม้เล็กๆไว้กันเขตหรือพรางสายตา เช่นปลูกบังบริเวณห้องน้ำเป็นต้น บางต้นคนรู้จักดี แต่หลายต้นจนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่รู้ว่ามันคือต้นอะไร บริเวณวัดสะอาดมาก ไม่มีเศษขยะเกะกะรกสายตา ข้าวของทุกชิ้นเก็บในตู้ที่มีฝาปิด ไม่วางไว้ให้ตากแดดตากฝน ข้าวของจะมีที่เก็บและมีป้ายบอก แม้คนไม่เคยอยู่วัดมาเห็นป้ายก็ดูออกว่าของอะไรจะต้องวางไว้ตรงไหนและวางอย่างไร ซึ่งก็เแทบจะเป็นระบบเดียวกับการวางของในร้านสะดวกซื้อ เพราะความเป็นระเบียบคือความง่าย แต่ถึงวัดจะดูร่มรื่นเรียบร้อยสักแค่ไหน วัดก็ไม่ได้ทำไว้เป็นที่เที่ยวหรือทำกิจกรรมอื่นนอกจากไว้ปฏิบัติธรรมเท่านั้น ไม่มีร้านค้าใดๆในวัด ไม่อนุญาตให้มีการค้าขายใดๆในวัด ไม่มีการขายดอกไม้ธูปเทียน พระอาจารย์มักจะให้ใช้การกราบแบบเบญจางคประดิษฐ์ที่น้อบน้อมมากกว่าการบูชาด้วยธูปเทียนดอกไม้ ไม่ทำมุมถ่ายรูปใดๆ เพราะวัดไม่ใช่ที่เที่ยว และอาจจะดูแปลกอีกสักหน่อยคือ ไม่มีตู้รับบริจาค มุ่งเอาที่สำคัญ สิ่งไม่สำคัญเอาไว้เป็นรอง หรือก็ไม่เอามันเลย วัดถูกสร้างขึ้นมาแบบนี้ย่อมไม่ใช่เหตุบังเอิญแน่นอน แต่เป็นมรดกธรรมที่ตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น พ่อแม่ครูบาอาจารย์พระเถระในอดีตท่านมองกาลไกลเอาไว้ จึงอบรมสั่งสอนให้ปฏิบัติสืบๆกันมา จนทำให้คนรุ่นเราได้มีวัดที่เหลือเป็นมรดกธรรมได้เรียนรู้ปฏิบัติสืบกันต่อ สิ่งดีงามจากอดีตกาลควรได้รับการรักษาและส่งต่อไปสู่คนรุ่นถัดไป จึงเหลือเป็นแก่นเป็นสาระ เป็นแนวทางปฏิบัติที่เรียบง่าย ไม่ได้รุงรังไปด้วยความเชื่อและพิธีรีตองมากมายนัก สภาพวัดที่ดูสะอาด เรียบง่ายและเรียบร้อยเหล่านี้ คนที่ทำให้สะอาดเรียบร้อยก็คือพระ เณรและคนในวัด เพื่อเป็นการฝึกฝนปรับนิสัยซึมซับและสืบทอดความเรียบง่ายและเรียบร้อยต่อไป ไม่ว่าจะเป็น กวาดใบไม้ ทำความสะอาดศาลา ล้างห้องน้ำ เก็บขยะ ทั้งหมดนี้พระ เณร แม่ชี และ เด็กวัด เป็นคนทำ ไม่ได้มีเจ้าหน้าที่หรือมีงานจ้างคนภายนอกเลย สาระสำคัญไม่ใช่เรื่องของการสร้างวัดหรือทำความสะอาดจัดระเบียบข้าวของ แต่จุดมุ่งหมายของการมีวัดแบบนี้เพื่อให้ใช้เป็นที่สำหรับปฏิบัติธรรม ความหมายคือสำหรับฝึกตนเอง ฝึกให้มีวินัย วินัยต้องจับต้องมองเห็นได้ไม่ใช่ดีแค่คำพูด วัดที่เรียบร้อยได้ก็เพราะวินัยของผู้คนในวัดที่ต้องฝึกต้องหัด อย่างเรื่องง่ายๆเช่นขวดน้ำในมือ เมื่อดื่มน้ำหมดแล้วก็ต้องนำไปทิ้งให้ลงถังขยะ ซึ่งก็จะต้องเลือกถังขยะก็มีป้ายบอกว่าสำหรับใส่ขวดพลาสติก ไม่ใช่คิดจะวางไว้ตรงไหนก็ได้ รองเท้าจะต้องถอดวางไว้อย่างเป็นระเบียบ หันหัวรองเท้าไปทางเดียวกัน ถอดตำแหน่งเรียงกันไปไม่ใช่ใคร่จะถอดวางไว้ตรงไหนก็ได้ รองเท้าก็ต้องเข้าแถวได้ มันบ่งบอกไปถึงเจ้าของ ฝึกให้ตนเองดี ฝึกให้งาม ฝึกให้เรียบง่าย ฝึกให้เรียบร้อย วัดสำหรับปฏิบัติธรรมก็จะเป็นแบบนี้ เอาทุกสิ่งมาฝึกหัดปฏิบัติธรรม ไม่ใช่แค่นั่งสมาธิเดินจงกรม แต่ต้องปฏิบัติทั้งชีวิต ใช่ว่าวัดแบบอื่นจะไม่ดี แต่ละวัดท่านก็อาจจะมีแนวทางของแต่ละวัดที่ไม่เหมือนกัน หลายวัดก็มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ เป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องราวต่างๆ เป็นแหล่งสงเคราะห์ผู้ตกยาก ต่างก็มีคุณค่าน่าบูชาคนละมุม ไม่ใช่ว่าวัดแบบอื่นๆจะไร้ค่า หรือ มีความผิดประการใด เพียงแต่วัดที่มีแนวทางปฏิบัติฝึกตนมักจะเน้นแบบที่เรียบง่าย เรียบร้อย ไม่วุ่นวาย ครูบาอาจารย์ท่านเน้นการปฏิบัติที่เอาชีวิตลงมาปฏิบัติ ไม่ใช่แค่ปฏิบัติแค่ทางจงกรมหรือที่นั่งสมาธิ ออกจากทางจงกรม อาสนะนั่งสมาธิแล้วก็ต้องปฏิบัติทั้งวัน วัดจึงถูกออกแบบมาเพื่อสอดคล้องกับการปฏิบัติธรรม ชีวิตของคนเรานั้นจะดีขึ้นก็ต่อเมื่อตัวเราดีขึ้นแล้วเท่านั้น เพราะที่พึ่งของคนที่ดีที่สุดคือพึ่งตัวเองให้ได้ การจะพึ่งตนเองได้ ต้องฝึกตน และต้องฝึกเองไม่มีใครฝึกแทนให้ได้ วัดเป็นเพียงสถานที่ไว้ฝึกเท่านั้น โดยมีครูบาอาจารย์เป็นผู้ฝึกให้
โฆษณา