2 ม.ค. 2021 เวลา 04:16 • กีฬา
สัญญาฉบับสุดท้าย ?
สุดท้ายปัญหาแบบนี้มันก็เกิดขึ้นอีกครั้งจนได้ แต่จะบอกว่าทีมงานของลิเวอร์พูลไม่รีบเร่งทำการแก้ไข ก็คงจะพูดแบบนั้นไม่ได้ เพราะว่าทางสโมสรได้ยื่นสัญญาใหม่ให้ตั้งแต่ก่อนเริ่มฤดูกาล 2019/2020 ด้วยซ้ำ
จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม ย้ายมาร่วมทีมลิเวอร์พูลเมื่อปี 2016 เซ็นสัญญาเป็นเวลา 5 ปี และปีนี้เข้าสู่ปีสุดท้าย
หลายๆคนอาจจะยังสงสัยว่าทำไมเจ้าตัวยังไม่ยอมต่อสัญญาสักที คือต้องเข้าใจพี่แกนะครับ คือตอนนี้พี่แกอายุ 30 ปี การต่อสัญญาครั้งนี้อาจจะเป็นการต่อสัญญาครั้งสุดท้ายในชีวิตกับการได้อยู่ลิเวอร์พูลก่อนที่จะกลับไปรีไทร์ที่บ้านเกิดในฮอลแลนด์
ถ้ามองในมุมของสโมสร ไวจ์นัลดุมถือเป็นกำลังสำคัญให้กับทีมมาโดยตลอดตั้งแต่ที่ย้ายร่วมทีมมาเมื่อปี 2016 และด้วยวัย 30 ปี ทางสโมสรคงคิดว่าอายุอานามอาจจะมากแล้ว คงใช้งานได้ไม่ค่อยเต็มที่แน่ๆ บวกกับอาจจะมีนักเตะหน้าใหม่เข้ามาร่วมทีมและเปลี่ยนถ่ายกันไปเรื่อยๆ
ค่าเหนื่อยระดับ 100,000 -120,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ก็น่าจะโอเค และอย่าลืมว่าไวจ์นัลดุมสำคัญมากแค่ไหน แต่เขาไม่ใช่พวกที่เปลี่ยนเกมได้ด้วยตัวคนเดียว ไม่ใช่นักเตะที่จะโผล่มายิงประตูชัยในช่วงท้ายเกม ไม่ใช่นักเตะที่จะมาแอสซิสต์นาทีสุดท้ายแบบคิลเลอร์พาสให้ทีมชนะได้ อีกอย่างคือเจ้าตัวไม่ได้แอสซิสต์ให้เพื่อนทำประตูมามากกว่าหนึ่งปีแล้ว
แต่เจอร์เกน คล็อปปื ก็ยังใช้เขาเป็นกำลังหลักในแดนกลาง โดยใช้งานในประเภท "Anchor man" หรือศัพท์ฟุตบอลภาษาไทยที่เรียกว่า"ผึ้งงาน"ที่คอยเก็บกวาดในแดนหลาง ถ่ายบอลไปมา ครองบอลเหนียวแน่น เก็บจังหวะสองและสอดขึ้นไปทำประตู
จุดเด่นของเจ้าตัวคือครองบอลเหนียวแน่นและเสียบอลยากมากๆ แทบจะเป็นนักเตะที่ถูกแย่งบอลจากเท้าน้อยที่สุดในทีม
ส่วนในมุมมองของเจ้าตัว ถูกต้องครับ ในเมื่อกูเป็นกำลังหลักสำคัญ ก็อยากได้เม็ดเงินเพิ่มให้มันสมน้ำสมเนื้อหน่อย อายุก็ 30 แล้ว สัญญาครั้งต่อไปก็คงเป็นสัญญาฉบับสุดท้าย ขอสัก 150,000 ก็ยังดี ฤดูกาลนี้ก็ไม่พลาดการลงสนามสักนัดเลย แถมยังแทบจะไม่โดนเปลี่ยนออกเลยด้วยซ้ำ
ปัญหาจุดเล็กๆอีกจุดนึงที่มันเกิดเมื่อ 2 ปีก่อน เพราะปกติลิเวอร์พูลจะต่อสัญญาให้กับนักเตะเมื่อสัญญาเหลือ 2 ปีสุดท้าย แต่ปีนั้นอย่างที่ท่านทราบกัน
ลิเวอร์พูลพลิกล๊อคกลับมาถล่มบาร์เซโลน่า 4-0 และหนึ่งในคีย์แมนสำคัญของคืนนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นเขาเองที่ลงสำรองมาทำสองประตูใช่ให้ทีมผ่านเข้ารอบ
ถ้าไม่มีไวจ์นัลดุม เราจะได้แชมป์ในปีนั้นไหม ?
ตอบเลยว่า"ไม่ครับ"
1
เกมนั้นเราไม่มีซาลาห์ ไม่มีฟีร์มีโน่ และหากไม่มีไวจ์นัลดุมอีกคนลิเวอร์พูลแทบจะไม่มีตัวจบสกอร์ที่อันตรายอยู่ในสนามเลยสักคนนอกจากมาเน่ ถ้ามองตามความจริง ดิวอค โอริกี้เป็นเพียงแค่คนที่อยู่ถูกที่ถูกเวลาเท่านั้น
บทสรุปคือลิเวอร์พูลก้าวไปคว้าแชมป์ในบั้นปลายจริงๆ เป็นจุดเริ่มต้นของความยิ่งใหญ่ที่ได้ 4 แชมป์ตั้งแต่นั้นมาของเจอร์เกน คล็อปป์ ซึ่งเขาก็มีส่วนสำคัญเหมือนกัน
ในเมื่อตัวเองมีส่วนสำคัญ แล้วทำไมจะได้รับค่าเหนื่อยสูงๆแบบคนอื่นบ้างไม่ได้ ?
ในมุมมองของเจ้าตัวคงจะเป็นแบบนี้
ถ้าถามผม ผมว่าให้เลย 140,000-150,000 ยังได้
แต่ถ้าขอในระดับ 200,000 ปอนด์ เทียบเท่าในระดับสามประสาน เทียบเท่าฟาน ไดจ์คกับธิอาโก ผมตอบเลยว่าไม่ได้แน่นอน
ถ้าอยากได้ระดับนั้นต้องให้อะไรกับทีมมากกว่านี้ อีกทางเลือกหนึ่งคือย้ายฟรีแล้วไปรับค่าเหนื่อยแพงๆกับทีมอย่างยูเวนตุสหรือเปแอสเชก็น่าจะได้อยู่เหมือนกรณีของเอมเร่ ชาน
เมื่อพูดถึงเอมเร่ ชาน ตอนนั้นเจ้าตัวย้ายมาอยู่กับหงส์เมื่อปี 2015 ตอนอายุ 20 ปี เซ็นสัญญา 4 ปี พอใกล้หมดสัญญาก็คงจะเรียกค่าเหนื่อยระดับ 140,000 แบบนี้ลิเวอร์พูลก็ให้ไม่ไหวเหมือนกัน เจ้าตัวเลยตกลงไปอยู่กับยูเวนตุสแล้วได้ค่าเหนื่อยในระดับที่สูงพอสมควร (เลยอดได้แชมป์ UCL กับลิเวอร์พูลในปีถัดมา)
อย่างกรณีของจีนี่ผมไม่โกรธนะ เพราะอาชีพนักฟุตบอลมันสั้นครับ แล้วเจ้าตัวอายุแตะหลัก 30 แล้ว ส่วนเอมเร่ชานมันเพิ่งจะ 24-25 ตอนนั้นขอค่าแรงเกินตัวไปหน่อย
ทีมงานลิเวอร์พูลไม่ได้เลินเล่ออะไรเลย ตั้งใจจะต่อสัญญามาตั้งนานแล้ว แต่ในเมื่อตกลงกันไม่ได้ จะไปเร่งขายนักเตะคนนั้นมันก็ไม่ใช่ เพราะเขาก็ยังสำคัญกับทีมและเหลือสัญญาอีกตั้งสองปี
สถิติของไว์นัลดุมกับลิเวอร์พูลตอนนี้คือ 209 นัด ยิง 20 ประตู กับอีก 16 แอสซิสต์
หากสิ้นสุดฤดูกาลนี้ เจ้าตัวยังตัดสินใจอยู่กับทีมต่อ ผมก็จะดีใจมาก
.
.
.
.
แต่ถ้าหากเจ้าตัวเลือกเดินจากไป ได้โปรดแฟนหงส์อย่าไปต่อว่าเจ้าตัวเลยครับ ให้ยอมรับในวิถีฟุตบอลของกันและกันก็พอ
#อยู่ที่ไหนก็ยังเป็นลิเวอร์พูลเสมอ
#ปลายสตั๊ดสีแดง
โฆษณา