📢 รวม 8 เหตุการณ์สำคัญ 🗓 ของตลาดหุ้นปี 2020
🔍ผ่านพ้นไปแล้วนะครับกับปีสุดหฤโหด ที่พวกเราชาวไทยต่างต้องพบเจอกับเรื่องราววุ่นวายมากมาย ทั้งการก่อการร้าย โรคระบาด เศรษฐกิจ การเมือง
โดยไม่เว้นแม้แต่ในโลกของการเงิน ที่ได้มีหลายเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น ทั้งการปรับตัวทำ New High ของตลาดหุ้นรอบบ้านและทองในปีเดียวกัน, การเห็นราคาน้ำมันติดลบ, ตลอดจนสินทรัพย์ใหม่อย่าง Bitcoin ก็พุ่งขึ้นมาทำจุดสูงสุดใหม่ในช่วงปลายปี
นอกจากนี้ยังมีเหตุการณ์อื่น ๆ ให้พูดถึงกันอีกเป็นร้อยๆเรื่อง ดังนั้น เราจึงคัดเลือกเหตุการณ์สำคัญที่เกี่ยวกับตลาดหุ้นไทยพร้อมข้อคิดมาฝาก ดังนี้
📍Circuit Breaker ครั้งแรกในรอบ 12 ปี และเกิดขึ้นถึง 3 ครั้งในเวลาไม่ถึงเดือน ! (12 มี.ค.)
พวกเราเชื่อว่านี่คงเป็นเหตุการณ์ที่จะอยู่ในความทรงจำของนักลงทุนไปอีกยาวนาน โดยจากผลกระทบของ Covid-19 ทำให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงมาติด CB เป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปีนับตั้งแต่วิกฤต Hamburger เมื่อปี 2551 ที่หลายยังเข้าตลาดมาไม่ทัน
นอกจากนี้ความเลวร้ายยังไม่จบลงเพียงครั้งเดียว เพราะตลาดหุ้นไทยยังได้เจอกับ CB เป็นครั้งที่ 2 และ 3 ติดกันในเวลาเพียงไม่ถึง 3 สัปดาห์ โดยมาทำจุดต่ำสุดที่ 969 จุด
แต่อย่างไรก็ตามพอทุกอย่างเริ่มสงบลงตลาดหุ้นไทยก็ดีดกลับขึ้นมาได้หลังจากนั้น โดยบทเรียนครั้งนี้สอนให้เรารู้กฎข้อสำคัญตลอดกาลของการลงทุน 2 ประการ คือ
1.อย่าคิดสวนเทรน
2.ทุกวิกฤตย่อมมีโอกาสเสมอ
📍ฟิลิปปินส์ชักปลั๊ก (17 มี.ค.)
แม้นี่อาจจะไม่ใช่เรื่องของตลาดหุ้นไทยโดยตรง แต่เป็นกรณีศึกษาได้เป็นอย่างดี โดยในช่วงโควิด นักลงทุกทุกคนต่างก็ไม่อยากเห็นตลาดหุ้นปรับตัวลดลง จึงพยายามนึกมาตรการต่าง ๆ ที่จะช่วยสกัดการปรับตัวลง
โดยบางคอมเม้นท์ก็แนะนำให้หยุดการซื้อขายไปเลย ซึ่งก็มีประเทศหนึ่ง ที่กล้าตัดสินใจใช้นโยบายนี้ออกมา คือ “ฟิลิปปินส์” แล้วผลจะได้เป็นอย่างไร ?
คำตอบ คือ เห็นผลทันตา ! เพราะในช่วงที่ตลาดหุ้นประเทศอื่นกำลังปรับตัวลดง ดัชนี PSEi Composite ไม่ลงตาม (ตลาดปิด) แต่ในที่สุดทุกอย่างก็สะท้อนความจริง เพราะในอีก 2 วันถัดมาตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ติดลบไปถึง 24% ! ซึ่งมากกว่าประเทศอื่น ๆ ที่ระหว่างทางเฉลี่ยลบแค่ 10% เท่านั้น
ดังนั้น นี้คงเป็นคำตอบที่ชัดเจนแล้วนะครับ สำหรับทุกคนที่อยากเห็นการแทรกแซงด้วยการปิดตลาดหุ้น ผลลัพธ์นั้นดูแย่กว่าที่ปล่อยไปตามกลไกเสียอีก
📍ไทยห้าม Short Sale ! (13 มี.ค.)
สำหรับประเทศไทยเองก็พยายามคิดมาตรการที่จะช่วยบรรเทาให้ตลาดหุ้นลงแรง โดยเลือก “ยาเบา” อย่างการเข้มงวดกฎการ Short Sale
โดยให้ตั้ง Short Sale ได้ที่เฉพาะที่ราคา “เหนือราคาปัจจุบัน” เท่านั้น และบีบกรอบ Floor&Ceiling ให้เหลือเพียง 15% จากเดิมที่ 30%
มาตรการนี้ดูเหมือนจะไม่ส่งผล แต่กลับได้ลัพธ์ผลเกินกว่าคาด มันทำให้การ Short Sale ลดลงแบบอย่างเห็นได้ชัด โดยเหลือเพียงวันละไม่ถึง 1% ของมูลค่าการซื้อขาย จากเดิมที่มีประมาณ 5% ต่อวัน และที่สำคัญตลาดหุ้นก็ไม่ได้กลับมาทำ Low และแทบจะไม่เจอการ Panic หนัก ๆ ในช่วงเวลาของมาตรการนี้
ดังนั้น นี่ก็ถือเป็นอีกเรื่องที่ช่วยบรรเทาแรงขายและรอดพ้นจากวิกฤตในครั้งนี้
📍Margin TFEX สูงสุดเป็นประวัติการณ์ (17 เม.ษ.)
ผลพวงจากการที่ตลาดมีความผันผวนมาก จึงทำให้ในตลาด TFEX ได้รับผลกระทบไปด้วย โดยเฉพาะเรื่องของเงินวางประกันที่แทบจะไม่มีใครคาดคิดว่าจะมาถึงวันที่ Margin ของ SET50 จะขึ้นมาอยู่ 34,452 บาท ซึ่งมากสุดตั้งแต่ TFEX ลดขนาดสัญญา
ทำให้หลายต่อหลายคนต้องคิดวิธี Money Management กันใหม่ โดยจำเป็นต้องลดพอร์ตและส่งผลให้รายย่อยมีการซื้อขายที่น้อยลง
แต่อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาอีกไม่กี่เดือนถัดมา ตลาดก็ค่อย ๆ ปรับ Margin ลงมาจนเหลือต่ำกว่า 10,000 บาทอีกครั้ง ก่อนจะปรับขึ้นในช่วงปลายปี
ดังนั้น หากใครมีเวลาลองศึกษาพฤติกรรมของการเปลี่ยนแปลง Margin ดูนะครับ มันสามารถบ่งบอกถึงแนวโน้มความผันผวนได้
📍ธนาคารพาณิชย์ห้ามปันผล (19 มิ.ย.)
นี้เป็นอีก 1 เรื่องที่สร้างความไม่พอใจให้กับนักลงทุนเป็นอย่างมาก โดยมีกฎเกณฑ์ออกมาให้ธนาคารพานิชย์งดเว้นการปันผลในปีนี้ และนำมาตั้งเป็นเงินสำรองเพื่อรองรับกับวิกฤต
โดยเรื่องนี้ถือเป็นการแทรกที่ส่งผลต่อหุ้นกลุ่มธนาคารโดยตรง และทำให้ในวันนั้นหุ้นธนาคารปรับตัวลดลงในช่วงเปิดตลาดกว่า 10% และปิดติดลบ 6% ก็ถือเป็นตัวเลขที่มากพอสมควร
แต่ประเด็นที่นักลงทุนไม่พอใจแท้จริงแล้ว ไม่ใช่เรื่องมาตรการเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องที่ ทำไมต้องประกาศเย็นวันศุกร์หลังติดปิดไปแล้วด้วย และนี้จึงเป็นเรื่องที่สอนพวกเราให้รู้ว่าการถือข้ามวันศุกร์เป็นเรื่องที่มีความสูง
ดังนั้น ควรมีการ Risk Management ด้วยการลดพอร์ตบางส่วนหากต้องถือข้ามวันหยุด
📍รักนะ … 30,000 (5 ส.ค.)
ในปีก่อนมีหนังเรื่อง Avenger มีวลีที่ถูกกล่าวขานอย่าง “รักนะ 3,000” ที่เป็นประโยคที่หลายคนลุ้นให้ไปให้ถึง สร้างความสุขให้กับคอแฟนหนังค่าย Marvel
แต่สำหรับปีนี้ ตัวเลขที่สร้างความสุขให้กับนักลงในประเทศไทยคงหนีไม่พ้นตัวเลข 30,000 เพราะเป็นระดับราคาทองคำ ที่ทำ ALL TIME HIGH ในช่วงกลางปี
ซึ่งนี้อาจเป็นเรื่องดีเพียงไม่กี่เรื่องสำหรับบางคนในปีนี้ แต่อย่างไรก็ตาม การที่ราคาสินทรัพย์ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเกินไปนี้ ย่อมต้องมีแรงเทขายทำกำไรเสมอ ทำให้ราคาปรับตัวลดลงมาในช่วงปลายปี
📍Bloomberg ฟันธง ! ประเทศไทยอันดับ 1 ในปีหน้า (19 ธ.ค.)
ตอนที่เราได้เห็นประกาศนี้ สิ่งที่เราทำคือการขยี้ตาตัวเองว่าไม่ได้ตาฟาด พร้อมการเอานิ้วไปเขี่ยหน้าจอ เพื่อดูว่ามีใครแกล้งเอาสติ๊กเกอร์ Bloomberg มาติดหรือไม่ …
ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าตกใจและน่าดีใจไปพร้อม ๆ กันที่สำนักชื่อดัง ได้วิเคราะห์ให้ประเทศไทยเป็นประเทศกำลังพัฒนาที่น่าสนใจอันดับ 1 ในปีหน้า
แต่กระนั้นพอข่าวนี้ออกมาได้ไม่นาน ตลาดหุ้นก็ปรับตัวลดลงจนมีบางคนแอบแซวกันว่า “เขาออกข่าวมาปล่อยของ” ดังนั้น ยังไงก็พิจารณาเรื่องข่าวสารในการลงทุนกันอย่างรอบคอบนะครับ
📍TESLA เมืองไทย
คงไม่มีหุ้นตัวไหนที่เหมาะกับนิยามนี้มากไปกว่าหุ้น “DELTA” อีกแล้ว
โดยในช่วงต้นปีราคาหุ้นพึ่งจะอยู่ที่ 40 บาท แต่ปัจจุบัน ราคาหุ้นกลับพุ่งขึ้นมากกว่า 500 บาททำให้หุ้น DELTA กลายเป็นหุ้นที่มูลค่าตลาดสูงสุดเป็นอันดับ 3 ของประเทศ ! โดยมีแค่ PTT และ AOT เท่านั่นที่มูลค่าสูงกว่า
เราขอแสดงความดีใจกับผู้ถือหุ้นด้วยนะครับ และสิ่งที่เรามั่นใจถือหุ้นตัวนี้จะเป็นหุ้นที่มีบทบาทต่อทิศทางของดัชนีตลาดอย่างแน่นอน รอดูอนาคตได้เลยครับ ว่าหุ้นตัวนี้ จะกลายเป็นหุ้นที่อิทธิพลต่อการเคลื่อนไหวของดัชนี SET50 ในปีหน้าอย่างแน่นอน
❇️ ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวที่เราเก็บมาฝากกันให้เป็นบทเรียน,ข้อคิดและเตือนสติ ให้ทุกคนรับรู้ถึงทุกโอกาส และข้อควรระวังในการลงทุน ยังไงพวกเราเองจะทำหน้าที่ออกมาคอยให้ข้อมูลทุกท่านอย่างต่อเนื่องในปีนี้ เราขออวยพรให้นักลงทุนทุกคนประสบความสำเร็จในการลงทุนนะครับ
💬 สามารถพูดคุย สอบถาม หรือร่วมแชร์ข้อมูลกับเราได้ ในห้อง Line Open Chat “TFEX For Future”
👇🏻 คลิก link เข้ากลุ่มได้
✳️ฝากติดตาม TFEX For Future ช่องทางอื่นด้วยนะครับ
- 4
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
