2 ม.ค. 2021 เวลา 09:33 • กีฬา
ปริศนาของอัลเฟรด
โดย มิสมาต้า
อัลเฟรด ฮิตช์ค็อก คือปูชนียบุคคล​ที่ถูกยกย่อง​อย่างมากในวงการภาพยนตร์​จนถูกขนานนาม​ว่าเป็น Master of suspense
อันที่จริงถ้าจะให้ตีความคำว่า Suspense ในวงการหนัง มิสเข้าใจว่ามันอยู่ตรงกลางระหว่างการจงใจเปิด กับความลึกลับ เพราะนั่นเป็นลักษณะของการหยอกเล่นกับจิตใจมนุษย์​ที่อาจจะสุดยากแท้แต่หยั่งถึง
 
คือมนุษย์​จำนวนมากนั้นดำรงชีพอยู่ภายใต้ความกลัว กับความกล้า และความอยาก ซึ่งก็ด้วยพื้นฐานภายใต้จิตใจของมนุษย์ พฤติกรรมในหลายๆ ครั้งจึงออกมาในแนวกล้าๆ กลัวๆ เพราะความอยากรู้นั่นแหละค่ะ
3
หนังขึ้นหิ้งของคุณปู่ผู้กำกับที่วายชนม์​ไปแล้วท่านนี้ก็คงจะไม่พ้นหนังในปี 1960 เรื่อง Psycho รวมทั้งเป็นต้นฉบับของหนังผัวเมียนักฆ่าในตำนานอย่าง Mr. & Mrs. Smith ของผู้กำกับ ดั๊ก ไลแมน อีกด้วยนะคะ
ก็เพราะว่าแนวทางการกำกับหนังของคุณปู่อัลเฟรดที่มักออกไปในแนวที่ว่า ท่านจึงถูกคนในวงการรวมทั้งแฟนหนังของท่านยกย่องว่านี่แหละคือตัวจริงเรื่องเขย่าประสาท
ถ้าในยุคปัจจุบัน เอ็ม. ไนท์ ชยาลามาน คือที่สุดของความหยอกเล่นกับระบบประสาทของคนดู ระดับของคุณปู่อัลเฟรดก็ต้องคูณอย่างน้อยสามค่ะ
 
⚽️⚽️⚽️
 
ส่วนเรื่องลึกลับของ Alfred of Thailand ของมิส ก็คงต้องยกให้เป็นเรื่องเล่าในตำนานของ อัลเฟรด เนติพงษ์​ ศรีทองอินทร์ อดีตหนึ่งในกองหน้าแนวสไตรเกอร์ดีที่สุดเท่าที่สยามเคยมีมา
เพราะการที่นักฟุตบอลฝีเท้าดีตัดสินใจเลิกเล่นฟุตบอลตอนอายุแค่ 25 ปี โดยไม่มีอาการเจ็บ อาการป่วย หรือมีการหอบเสื้อผ้าหนีตามใครไปแต่งงานแบบปริศนา​ฟ้าแลบเลยแม้แต่นิดนึง
1
จนปล่อยให้แฟนบอลในยุคที่อินเทอร์เน็ต​ยังเข้าไม่ถึงทุกหลังคาเรือนทำได้แค่ตั้งข้อสงสัยที่ค้างคาใจเอาไว้อย่างนั้นเอง
จนเมื่อปี 2016 อัลเฟรดได้ตอบคำถามของ Goal Thailand ถึงสาเหตุของการเลิกเล่นก่อนวัยอันควรว่า
1
“ตอนนั้น มันเกิดอารมณ์เบื่อนิดหน่อย”
“ผมผิดหวังเล็กน้อยในตอนนั้น เรื่องสำคัญเลยก็คือตอนนั้นผมกำลังจะได้ไปค้าแข้งกับมิดเดิลสโบรห์ (ทีมในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ) แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ไป ด้วยปัญหาที่มันไม่ได้เกิดจากตัวผม”
“ปัญหาตอนนั้นคือสมาคมฟุตบอลไม่มีความรู้เรื่องการทำเอกสาร การเจรจาอะไรต่างๆ ก็ไม่รู้เรื่อง ทั้งที่ผมสามารถไปได้แล้ว ผมเลยตัดสินใจเลิกเลย ผมไม่เสียใจเลยนะ เพราะผมคิดว่าถ้าเป็นแบบนี้ ผมคงไปได้ไม่ไกล ผมยังคงอยู่แค่ตรงนี้ทั้งที่ผมคิดว่าผมน่าจะไปได้ไกลกว่าที่เป็น”
1
“ตอนนั้นผมได้ไปทดสอบฝีเท้า ได้คุยกับ ไบรอัน ร็อบสัน ที่เป็นโค้ชให้มิดเดิลสโบรห์ในเวลานั้น แต่สุดท้ายต้องมาติดปัญหาเรื่องเอกสาร”
1
“ผมเสียดายมากจริงๆ เพราะหากผมได้ไปที่นั่น ผมไม่ได้ไปในฐานะของ เนติพงษ์ ศรีทองอินทร์ อย่างเดียว แต่ผมไปในฐานะตัวแทนคนไทยทั้งประเทศ คิดว่ามันจะน่าภาคภูมิใจแค่ไหนล่ะ กับการได้เห็นคนไทยในการแข่งขันระดับพรีเมียร์ลีกอังกฤษ แต่ตอนนั้นไม่มีใครสนับสนุนผมเลย แม้กระทั่งสมาคมฟุตบอลในเวลานั้น”
“หลังจากหันหลังให้วงการฟุตบอล ผมก็เดินทางไปสหรัฐอเมริกา พ่อตาผมได้ชวนผมไปตีกอล์ฟ ผมก็รู้สึกโอเค มันท้าทายดี ก็เลยตั้งใจเล่นกีฬากอล์ฟและก็เทิร์นโปรได้”
 
⚽️⚽️⚽️
 
เมื่อนำมาบวกรวมเข้ากับปริศนาธรรมที่แฟนบอลมีความค้างคาใจเข้าไปอีก จึงทำให้เรื่องเล่าในตำนานของกองหน้าเกรดแชมป์​สโมสรเอเชีย 2 สมัยซ้อน มีความน่าสนใจมากขึ้น
1
1. อัลเฟรด เก่งกล้าเบอร์ไหนกันเชียว
2. ไปมิดเดิลสโบรห์ไม่ได้ เพราะฝีเท้าไม่ถึง หรือเอกสารไม่ถึง
3. จริงหรือไม่ ที่ไม่เป็นที่รักในแคมป์ทีมชาติ
4. เลิกเล่นทีมชาติเพราะหมดไฟ หรือหมดใจ
2
ตามมิสมาวิเคราะห์เท่าที่พอมีข้อมูล และแกะรอยเรื่องเมาท์มอยข้างสนามกันนะคะ
 
⚽️⚽️⚽️
 
1. อัลเฟรด เป็นลูกครึ่งไทยฝรั่งเศส ที่โตที่ฝรั่งเศส​ และมีความมุ่งมั่นที่จะเล่นฟุตบอลอาชีพมากๆ จนอยู่ในทีมตัวจริงของ Olympique Noisy-le-Sec ในดิวิชัน 3
1
ซึ่งก็แน่นอนว่าเขามีแรงบันดาลใจ​ในการเล่นทีมชาติชุดใหญ่ด้วย ทำให้อัลเฟรดตัดสินใจเลือกเดินทางกลับมายังประเทศไทย แล้วไปคัดตัวที่แรกกับทีมสโมสรธนาคาร​กรุงเทพ​ แต่ไม่เข้าตาโค้ชป้ายแดงอย่าง วิทยา เลาหกุล
แต่กับทีมธนาคาร​กสิกรไทย​ของโค้ชหรั่ง อัลเฟรดเล่นได้อย่างโดดเด้งพร้อมพากสิกรไทยครองความเป็นเบอร์หนึ่งของทวีป 2 ปีติดต่อกัน จนติดทีมชาติไทยตั้งแต่ปีแรกบนแผ่นดิน​สยาม​ ภายใต้ยุคทองของดรีมทีม
2
สถิติการยิงประตูในทีมชาติ 25 ประตู จาก 55 เกม ในระยะเวลา 3 ปี ถือว่าดีงามตามฐานะ ประกอบกับรูปร่างดี วินัยดี ความสามารถดี และทัศนคตินักกีฬาตะวันตก
จึงทำให้อัลเฟรดโดดเด้งทั้งผลงานในสนาม และซื้อใจแฟนบอลไทยได้ทั่วประเทศตั้งแต่ซีเกมส์ครั้งแรกของตัวเอง เมื่อ​ปี 1995 จนถูกย่องให้เป็นกองหน้าตัวเป้าที่เก่งที่สุดในยุคนั้น
1
2. ก่อนเปิดฤดูกาล​ 1996/1997 ไบรอัน ร็อบสัน พามิดเดิลสโบรห์มาอุ่นเครื่องกับทีมชาติไทย ในเกมที่อัลเฟรดน่าจะเล่นได้ดีจนเข้าตาคุณร็อบโบ้ ทำให้ชวนอัลเฟรดไปทดสอบฝีเท้า
1
โดยที่อัลเฟรดก็ตาลุกวาวเมื่อได้รับโอกาสทองที่ลีกชั้นนำแห่งนี้ ซึ่งเขาก็ได้ไปร่วมซ้อมกับทีมสำรอง จนทดสอบผ่านได้รับโอกาสลงเล่นให้ทีมสำรองได้
ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า จะต้องมีเอกสารรับรองจากสมาคม​ฟุตบอล​แห่ง​ประเทศไทย​ ว่าลงเล่นให้ทีมชาติได้ครบจำนวนที่สมาคมที่นี่ยอมรับ แต่อาจจะด้วยตอนนั้นน่าจะมีปัญหาทางเทคนิค​หลายอย่าง เอกสารนั้นจึงมาไม่ทัน
ทำให้อัลเฟรดตัดสินใจกลับมาเล่นที่เดิมเพื่อรอเวลาไปก่อน รวมทั้งคิดว่าการได้ลงเล่นเกมแข่งอย่างเป็นทางการจริงๆ ยังไงก็ดีกว่าซ้อมไปเรื่อยๆ โดยไม่มีที่ให้ได้ลง
 
⚽️⚽️⚽️
 
3. อาจจะด้วยความคาใจเรื่องเอกสารไม่กี่แผ่น บวกกับฟอร์มการเล่นในฟุตบอลคิงส์คัพ ​1997 แม้จะยิงประตูทีมชาติญี่ปุ่น​ชุดผสมได้
1
แต่เกมนัดสำคัญอันเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตก็คือ การถูกเปลี่ยนตัวออกแล้วเผลอไปเกรี้ยวกราดด้วยการเตะขวดน้ำจนหมุนติ้วๆๆ ต่อหน้าผู้จัดการทีม นายกสมาคมฯ และผู้แทนพระองค์​ จนต้องรีบตั้งโต๊ะแถลงข่าวแสดงความเสียใจทันที
3
แล้วยังมีเรื่องเมาท์มอยเพิ่มอีกว่า อัลเฟรดไปปีนเกลียวหนึ่งในสตาฟโค้ชด้วยการตบหน้า วิฑูรย์ กิจมงคลศักดิ์​ รวมทั้งมีปัญหา​กับเพื่อนร่วมทีมบางคน จนกลายเป็นส่วนเกินของบิ๊กหอยที่กุมทีมชาติเอาไว้ในการปกครอง
ซึ่งนั่นคือฟางเส้นรองสุดท้ายของทั้งสองฝ่าย กระทั่งในฟุตบอลซีเกมส์ 1997 ที่จาการ์ตา ซึ่งเขาแทบไม่ได้ลงสนาม ทำให้ไฟของอัลเฟรดกับฟุตบอลจบลง ซึ่งก็ตรงกับที่เคยมีเรื่องเล่าว่าอัลเฟรดไม่ได้เล่นบอลเพราะความรัก แต่เขาเล่นเพราะมันคืออาชีพที่น่าจะดี
4. หลังจากอกหักอย่างแรงจากอาชีพในฝัน บ้างก็เล่าว่าอัลเฟรดเบื่อหน่ายความไม่เป็นมืออาชีพของวงการฟุตบอลไทย บ้างก็เล่าว่าอัลเฟรดเข้ากับวัฒนธรรมฟุตบอลของเมืองไทยไม่ได้ ก็เพราะอีโก้ของตัวเอง
1
บ้างก็เล่าว่ามีคำสั่งจากเหตุการณ์ขวดน้ำปลิวในวันนั้นว่า อัลเฟรดจะต้องไม่เหลือที่ยืนในสนามฟุตบอล​ หรือเรื่องเล่าที่ว่าอัลเฟรดคือหมาหัวเน่าของทีมชาติ ที่มีโจทก์​เก่ารอจัดหนักอยู่ที่นั่น
1
แต่เมื่อนำมาประมวลผล​กับฝีมือการตีกอล์ฟแฮนดิแคปเลขตัวเดียว กับรายได้ในวงการกอล์ฟ​ที่ดีงาม โดยไม่ต้องสนใจทีมเวิร์ก กับความอ่อนด้อยทางเทคนิค​ของสมาคม
อาชีพในฝันของอัลเฟรดจึงน่าจะอยู่ที่ต้นหญ้าบนผืนกรีนมากกว่ายอดหญ้าที่สนามฟุตบอล​
 
⚽️⚽️⚽️
 
เหตุการณ์​ขวดน้ำบินในวงการฟุตบอล​ไทยบางทีก็เป็นเรื่องตลกนะคะ เพราะครั้งหนึ่งที่ คาร์เมโล กอนซาเลซ เตะขวดน้ำเฉี่ยวผู้ตัดสินแบบไม่ต้องเล็งจนเกือบถูกแบนทั้งฤดูกาล
หรือ โบซิดาร์ บันโดวิช โค้ชบุรีรัมย์​ที่โดนแบน 2 เกม ปรับ 20,000 บาท, โชเซ มูรินโญ ที่ถูกแบน 1 เกม ปรับ 16,000 ปอนด์ ก็มีขวดน้ำเป็นเจ้ากรรมนายเวร​
ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าเวลาเราอยู่ในสนามฟุตบอลนั้น ขวดน้ำควรเป็นได้แค่อุปกรณ์​บรรจุเครื่องดื่ม ซึ่งเรียกร้องความรับผิดชอบในการนำไปทิ้งขยะหลังจบเกม
แต่ถ้าเราแปลงร่างให้ขวดน้ำเป็นที่ระบายอารมณ์​ น้ำขวดนั้นจะมีราคาแพงนับพันเท่าของราคาขาย รวมทั้งอาจเป็นราคาค่าโง่ที่แสนแพงถ้าไปเตะในวันที่ไม่สมควรกว่าวันปกติ
แต่ทั้งหมดทั้งมวลนั้น ขวดน้ำที่คนใจบาปทิ้งขว้างโดยขาดวินัย นอกจากจะกลายเป็นขยะแล้ว ก็ยังจะกลายเป็นเครื่องวัดระดับการพัฒนาทางสมองอีกด้วยนะเจ้าคะ
2
ในส่วนของอัลเฟรด​นั้น เรื่องเล่าของเขาจะกลายเป็นตำนานที่ถูกขุดคุ้ยมิรู้เบื่อ เช่นเดียวกับความลึกลับของขวัญใจของเขาที่ชื่อ ปิยะพงษ์​ ผิวอ่อน ซึ่งทั้งคู่มีความบังเอิญเหมือนกันอย่างน่าตกใจ
1
นอกจากจะเป็นคนอินดี้เลเวลสูงแล้ว ทั้งสองคนยังยิงประตูสุดท้ายให้ทีมชาติในวันเดียวกันเป๊ะเฟร่อเลย นั่นก็คือการยิงคนละ 1 ประตู ในเกมชนะกัมพูชา 4-0 เมื่อซีเกมส์ 1997
ซึ่งในวันนั้นอัลเฟรดอายุ 25 ปี และคุณน้าตุ๊กอายุ 35 ปี
แม้จะมีความต่างกันอยู่นิดนึง นั่นก็คือ คนเป็นไอดอลพร้อมมากๆ สำหรับลีกยุโรปทั้งฟอร์มการเล่น เอกสาร และการสนับสนุน เสียแต่ว่าขาดแรงจูงใจที่มากพอ
ในขณะที่อัลเฟรดพร้อมทั้งกายและใจ แต่ขาดแค่เอกสารทางเทคนิค​ไม่กี่แผ่นเท่านั้นเอง จริงจริ๊ง
แหม เสียดายจัง
 
#มิสมาต้า # ไบรอันร็อบสัน #เนติพงษ์ #Thaileague #ไทยลีก #ฟุตบอลไทย #บอลไทย #เล่นเป็นเรื่อง #PlayNowThailand
อัพเดตข่าวสารกีฬาก่อนใคร
พร้อมมีของรางวัลพิเศษให้ร่วมสนุกกันเป็นประจำ
ร่วมไลค์ ร่วมแชร์ Play Now Thailand 🇹🇭
ฝากติดตาม https://www.youtube.com/c/KhelNowThailand
โฆษณา