3 ม.ค. 2021 เวลา 15:07
ชีวิตที่พ่อแม่สามารถSupport ได้
เป็นชีวิตที่เราแอบอิจฉาอยู่เหมือนกันนะ
อย่างน้อย พ่อแม่ก็ไม่ได้ตั้งความหวังกับกับคุณจนเกินไป ในเรื่องการหารายได้เพื่อจุนเจือครอบครัว แค่หวังให้คุณเลี้ยงปาก เลี้ยงท้อง สร้างครอบครัวได้ก็โอเค
ตั้งแต่ตกงานมา เราไม่ค่อยมีรายได้เข้ามามากเหมือนตอนทำงาน เรากลับมาอยู่ที่บ้านรับฟรีแลนด์ และทำสวนอยู่ที่บ้าน ไม่มีรายได้แน่นอน แต่ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอุปกรณ์เครื่องใช้ในบ้านเรารับผิดชอบหมด
ต้องบอกก่อนว่า เราทำงานมาตลอด แต่ไม่เคยมีเงินเก็บเลย เราโทษตัวเองด้วยที่เก็บเงินไม่อยู่ ส่วนนึงก็จุนเจือครอบครัวประจำเดือน แต่บ้านเราคือบ้านเกษตรกรช่วงไหนต้องจ่ายๆหนักๆ แม่ก็จะโทรหา เราก็หาให้ โดยที่แม่ไม่สนใจจะอยากรู้ด้วยซ้ำว่าเงินนั้นมาจากไหน เราก็ไม่ได้คิดอะไร ก็ยังทำงานได้ มีเงินใช้หนี้ มีเงินผ่อนบัตรไป
เหตุการณ์ที่พีคๆ ที่ทำให้เงิน(ที่พอจะมีเก็บ) ของเราหายไปจนหมด คือน้องเรามีแฟนติดการพนัน ไปยืมคนนั้นคนนี้มาให้แฟนทั่วไปหมด หลายคนเป็นเพื่อนเขาเองที่รู้จักกับเรา แล้วสถานการณ์บ้านเราก็ไม่ค่อยดี ต้องใช้เงินเยอะ
เจ้าหนี้ต่างๆก็ทักมาเอาเงินกับเรา ไม่งั้นจะแจ้งความบ้าง จะไปหาพ่อแม่ที่บ้านบ้าง จะประจานบ้าง เราสงสารพ่อกับแม่ เราก็จ่ายหนี้ให้น้อง จ่ายเรื่อยๆ ในขณะที่ก็ต้องส่งเงินให้น้องใช้ด้วย(น้องเป็นพนักงานราชการ)
จนเรามารู้ว่า มีเจ้าหนี้สองคนมาที่บ้าน เพราะเป็นเพื่อนพ่อ เหตุการณ์ทุกอย่างดูสับสนไปหมด เราพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้พ่อกับแม่รู้ เพราะไม่อยากให้พ่อกับแม่เสียใจและคิดมาก แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะน้องเราไม่ยอมบอกว่าเป็นหนี้ใคร เท่าไหร่ ที่ไหนบ้าง
1
จนเงินที่เรา(พยายาม)เก็บมาทั้งหมด หมดลงไป ก็ยังคงมีเจ้าหนี้ทักมาตามไม่ลดละ เหมือนเราเป็นลูกหนี้เสียเอง เราตัดสินใจคุยกับน้องเราเป็นครั้งสุดท้าย ว่าเหลือหนี้อะไร เท่าไหร่ แต่น้องเราก็อึกอัก ไม่พูดความจริง ความอดทนของเราก็หมดลง เพราะเราแบกไม่ไหวอีกแล้ว...
เราเลิกช่วยน้อง เพราะเราเองก็แย่ มันหลายทางจริงๆ แต่น้องก็เอาตัวรอดได้ โดยขอเงินเราใช้ทุกเดือนแทน
ในส่วนแม่ต้องใส่ปุ๋ย ต้องสูบน้ำ ก็มักจะขอหยิบยืมจากเรา กำแพงบ้านพังก็จะซ่อมเลย โดยที่ไม่ถามเราสักคำ ว่าเรามีไหม สุดท้ายเราก็หามาให้จนได้
มันผิดที่เราด้วยแหละ ที่รับทุกอย่างไว้ จนตัวเองบอบช้ำไปหมด
แล้วจุดพีคที่สุดก็มาถึง เมื่อได้ออกจากงานช่วงโควิด รายได้เราเป็น 0 ในช่วง 3-4 เดือนแรก เงินเก็บที่มีน้อยนิดก็หมดไป
จึงตัดสินใจกลับมาอยู่บ้าน ...
ซึ่งเราไม่น่าตัดสินใจแบบนี้เลย
พอไม่มีรายได้ แม่เราก็เปลี่ยนเป็นคนละคน ชอบพูดจาเรื่องของการไม่มีเงิน ไม่มีปัญญาหาเงิน แม้แม่จะส่งเรียนจนจบปริญญา ไม่มีปัญญาตอบแทนพ่อแม่ อายุจะ 30 ไม่มีอะไรเป็นของตัวเอง
ฉันอดทนกับช่วงเวลาแบบนี้ ความน้อยเนื้ออต่ำใจนี้มาตลอดตั้งแต่กลับมาอยู่บ้าน จนถึงวันนี้ ฉันร้องไห้จนไม่รู้จะร้องยังไง ฉันจะผ่านช่วงความรู้สึกนี้ไปได้ยังไง จะเข้มแข็งได้อีกถึงเมื่อไหร่
จังหวะและโอกาสตลอดเกือบ 1 ปี ที่ฉันเฝ้ารอ จะย่างกรายเข้ามาในชีวิตตอนไหน มันโดดเดี่ยว และอึดอัดจนหายใจไม่ออก
และฉันก็ได้แต่บีบมือตัวเองแล้วบอกว่า อดทนอีกนิด หายใจเอาไว้ ทุกอย่างจะดีขึ้นในไม่ช้า
โฆษณา