ในเวลาเที่ยงวันของวันที่ 31 กรกฎาคม 2535 นานมาแล้ววว
เครื่องบินของการบินไทย เที่ยวบิน กรุงเทพ – กาฎมัณฑุ TG 311 เครื่องบินแอร์บัส A310
รหัส HS-TID ได้เตรียมลดระดับลงสู่
ท่าอากาศยานนานาชาติตรีภูวัน กรุงกาฎมัณฑุ ประเทศเนปาล ท่ามกลางสภาพอากาศอันเลวร้ายจากลมมรสุมที่พัดกระหน่ำ...เที่ยวบินนี้เป็นเที่ยวบินที่มีแต่ขาไป แต่ไม่มีขากลับ...เนื่องจาก
เครื่องบินประสบอุบัติเหตุ...บินชนภูเขา
ชีวิตของผู้โดยสารและลูกเรือทั้งลำทั้งหมด 113 ชีวิตต้องดับสูญ เป็นลูกเรือ 14 คน และผู้โดยสาร 99 คน
หลังจากเหตุการณ์ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ไฟล์ทต่อมาก็มาลงตามปกติ พร้อมลูกเรือ ก่อนบอร์ด
ผู้โดยสารและ ลูกเรือทุกคนก็มาสวดมนต์กัน ขออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้ผู้เสียชีวิตได้ไปสู่สุคติ
ขณะเตรียมบอร์ด ลูกเรือคนนึง เห็นแอร์ใส่ชุดไทยขาดรุ่งริ่ง ยืนอยู่ด้านนอก ตรงงวง
(ทางเชื่อมระหว่างอาคารผู้โดยสารกับเครื่องบิน ) พอหันกลับไปอีกที ก็ไม่เห็นแล้วเลยคิดว่า
ตัวเองตาฝาด แต่ก็รู้สึกกลัวๆ อยู่ เลยให้ เพอเซอร์ ( หัวหน้าลูกเรือ ) มาช่วยยืนบอร์ด พอบอร์ดเสร็จ ก็ส่งเอกสารอะไรเรียบร้อย เพอเซอร์กับแอร์กำลังช่วยกันปิดประตู ก็เห็นลูกเรือกลุ่มนั้นที่เสียชีวิตกำลังวิ่งมาที่ประตูเครื่องแบบร้องขออยากไปด้วย ด้วยความกลัว ทั้งสองคนก็รีบปิดประตูเครื่อง และมองลอดออกไป เห็นลูกเรือยืนร้องไห้กันอยู่ สภาพแต่ละคนดูไม่ได้เลย
( น่าสงสารมาก )เพอเซอร์เลยยกมือไหว้
ขอขมา สวดขอให้วิญญาณ กลับบ้านด้วยกัน แล้วไปสู่สุคติ '' เพอเซอร์เขาบอกว่า ดูเขาอยากกลับบ้านกัน เลยเชิญกลับบ้าน ''
จากนั้นพอสวดเสร็จก็ไม่เห็นอะไร และรวบรวมสติเปิดประตูเครื่องทิ้งไว้สักพัก และเครื่องก็บินกลับประเทศไทย
ทั้งสองคนที่เห็นก็คุยกันว่าอย่าบอกเรื่องนี้ให้ลูกเรือท่านอื่นหรือผู้โดยสาร เดี๋ยวจะทำให้กลัวกันไปหมด
ขณะเสิร์ฟอาหารให้ผู้โดยสาร มีผู้โดยสารทักขึ้นมาว่า '' ทำไมวันนี้ลูกเรือเยอะจังเลย บริการดีมาก แอร์ที่ใส่ชุดเขียวสวยจัง ฝากชมด้วย ''
แต่วันนั้นไม่มีใครใส่ชุดเขียวเลย เพราะทุกคนไว้อาลัยกันหมด จะไม่มีใครใส่สีสดกันเลย เลยทำให้ลูกเรือทุกคนกลัวกันใหญ่ แต่ก็ไม่ได้บอกให้ผู้โดยสารรู้
พอถึงกรุงเทพฯ หน้าเกท ก็มีพระ มีขบวนคน และญาติ มารออัญเชิญวิญญาณ กันมากมาย
หลังจากเครื่องจอดเรียบร้อย กัปตันบอกว่า ตอนเข้าเกทแล้ว ได้ยินเสียง มากระซิบข้างหูว่า
“ ขอบคุณมากครับกัปตัน ”
( ฟังแล้วขนลุกแทนกัปตันเลย )และทุกคนก็ถึงที่หมายโดนสวัสดิภาพ
เรื่องก็มีอยู่ประมาณนี้....
ถึงเรื่องจะผ่านมา 20 กว่าปีแล้ว เรื่องนี้ก็ยังสร้างความกลัวแหละความหลอน ให้กับลูกเรือที่ได้ฟังอยู่ ก็เป็นได้