8 ม.ค. 2021 เวลา 04:30 • ยานยนต์
เทคนิคการใช้เกียร์ออโตเมติก ?🚗💨‼
หลายท่านที่อ่าน คงสงสัยว่า เกียร์ออโตเมติก หรือเกียร์ออโต้ นี่ต้องมีเทคนิคการใช้ด้วยเหรอ ? 5555+ จริงๆแล้ว ผมคิดว่าหลายท่านที่ซื้อรถมาใช้งานคงทราบวิธีการใช้เกียร์ เปลี่ยนเกียร์กันมาบ้างแล้วล่ะครับ อาจจะได้รับข้อมูลมาจากพนักงานขาย หรือจากบุคคลรอบตัวแล้ว แต่ที่ผมกำลังจะเล่าให้ท่านผู้อ่านได้รับข้อมูลการใช้เกียร์ให้เหมาะสมกับการใช้งาน เพื่อการตอบสนองของอัตราเร่งที่ดีที่สุด ประหยัดน้ำมัน และถนอมการใช้งานได้มากที่สุดครับ
1.เกียร์ P [Parking] – ใช้สำหรับในการจอดรถในที่จอดรถ จอดสนิท ไม่มีการขยับหรือขับเคลื่อน ควรจอดรถในที่ราบที่สุดเท่าที่จะทำได้ การใช้เกียร์ P จอดรถเฟืองเกียร์จะทำการล็อกเพลาขับทั้งหมด ทำให้รถล้อรถยนต์ไม่สามารถหมุนได้ จึงเหมาะที่สุดในการใช้จอดรถยนต์สนิทเท่านั้น
ข้อควรระวัง - อย่าใช้เกียร์ตอนจอดติดไฟแดง เพราะว่าถ้าเกิดอุบัติเหตุ เช่น รถขับมาชนท้ายรถเรา ขณะจอดเกียร์ P เฟืองเกียร์ เพลาขับ อาจเกิดการเสียหายได้ เพราะเฟืองเกียร์ล็อกเพลาขับอยู่ ฉะนั้นถ้ารถติดไฟแดงไม่ควรเข้าเกียร์ P นะครับ
2.เกียร์ R [Reverse] – ใช้เพื่อขับเคลื่อนให้รถถอยหลัง ไม่มีอะไรมากครับ แค่ดูบริเวณๆรอบที่เราจะถอยให้ปลอดภัย พร้อมกับมองกระจกมองหลัง ซ้าย ขวา หรือกล้องมองหลังขณะถอย ควบคู่ไปด้วยครับ
เทคนิค - ไม่ต้องกดคันเร่งมาก เพราะเกียร์ R หรือ เกียร์ถอยหลัง มีรอบเครื่องมารออยู่ทุกครั้งที่ใส่เกียร์ครับ แนะนำว่าประครองเบรกเอาดีกว่า ค่อยๆปล่อยเบรกแล้วค่อยๆถอยหลังแค่นั้นเอง
3.เกียร์ N [Neutral] - เกียร์ว่าง ..... ครับ ตามชื่อเลย ไม่เดินหน้า ไม่ถอย ไม่ทำไรทั้งนั้นว่างเปล่า 5555+
ล้อเล่นนะครับ เกียร์ว่างอาจจะว่างสมชื่อก็จริง แต่ก็มีหลักในการใช้นะครับ โดยปกติแล้วเราควรเข้าเกียร์ว่างในกรณี จอดติดไฟแดง เพราะถ้าคุณผู้อ่านเข้าเกียร์เดินหน้า หรือเกียร์ D ค้างไว้ แล้วเหยียบแป้นเบรกขณะติดไฟแดง เกียร์บางประเภทอาจจะสะสมความร้อนไว้ในห้องเกียร์ ทำให้ในอนาคตเฟืองเกียร์อาจสึกหรอได้ครับ
แนะนำ – จอดรถติดไฟแดงใส่เกียร์ว่าง หรือเกียร์ N แล้วดึงเบรกมือขึ้นเพื่อล็อกให้รถหยุดนิ่งครับ
4.เกียร์ D [Drive] – เกียร์สำหรับเดินหน้า ใช้สำหรับการขับเคลื่อนเพื่อให้รถเดินไปข้างหน้าครับ
ข้อควรระวัง – ควรเหยียบเบรกก่อนเข้าเกียร์ D เพื่อป้องกันการกระชากของรถ เนื่องจากรอบเครื่องยนต์ของรถยนต์แต่ละคันไม่เหมือนกัน ฉะนั้นเหยียบเบรกไว้ก่อน ปลอดภัยไว้ดีกว่านะครับ
5.เกียร์ S [Speed] - ใช้สำหรับการเร่งแซง โดยปกติแล้วผู้ที่ขับรถยนต์เกียร์ออโต้เวลาเร่งแซงอาจจะกดคันเร่งให้จม เพื่อทดเกียร์ให้รถยนต์เรียกรอบเครื่องยนต์มาเพื่อเร่งแซงก็ได้ครับ แต่การที่มีเกียร์ S มาให้เพื่อให้รถยนต์ไม่ต้องกระชากมากจากการกดที่คันเร่ง และยังสามารถลากรอบเพื่อให้ได้อัตราเร่งที่ดีที่สุดครับ
เทคนิค – ถ้าลูกค้าอยากได้อัตราเร่งที่ดีที่สุด เวลาออกรถยนต์ขอโบร์ชัวร์รถติดมาด้วย มองหาค่า “ แรงบิด “ จะบอกค่าว่าแรงบิดสูงสุดที่รอบเท่าไหร่ เราสามารถเรียกแรงบิดจากตรงนั้นเพื่อช่วยให้รถมีอัตราเร่งสูงสุดได้ครับ เช่น แรงบิดสูงสุดที่ 4000 รอบต่อวินาที เมื่อขับอยู่เกียร์ D เราก็ผลักเกียร์เข้า S แล้วดูรอบเครื่องยนต์ ถ้ารอบเครื่องยนต์ยังไม่ถึง 4000 รอบก็กดคันเร่งเพื่อเร่งแซงเข้าไปได้เลยครับ รับรองหลังติดเบาะแน่นอน
5.เกียร์ B [Base,Basic] , L [Low] – ใช้ในทางความเร็วต่ำ จะใช้เกียร์อยู่ประมาณเกียร์ 1 – 2 อยู่ประมาณนี้
สังเกตกันไหมครับ เวลาเราไปเที่ยวภูเขา ตจว. หรือ บนห้าง แล้วมีป้าย “ กรุณาใช้เกียร์ต่ำ “ [ส่วนใหญ่จะเจอทางลงเนิน] ให้เราใส่เกียร์ B ได้เลยครับ แล้วประคองคันเร่งกับเบรกแทนครับ จริงๆแทบไม่ต้องแตะคันเร่งเลยก็ได้ครับ แค่ประคองพวงมาลัยไปเองเรื่อยๆ เพราะรถยนต์จะทำการทดรอบเครื่องยนต์ให้ใช้ความเร็วต่ำให้แทนครับ อาจจะมีเติมคันเร่งหรือกดเบรกบ้างบางเวลาก็แล้วแต่สถาณการณ์
เทคนิค - ลองใส่เกียร์ B , L เมื่อขึ้นเนินชันๆดูครับ รถจะไต่เนินไปได้ง่ายกว่าเกียร์ D ครับ เพราะว่าเกียร์ต่ำเมื่อใช้ในความเร็วต่ำจะมีรอบแรงบิดสูงที่ใช้เวลาน้อยกว่าเกียร์สูงครับ เอาง่ายๆว่า ขึ้นเนินง่าย ลงเนินปลอดภัย
1
เป็นไงกันบ้างครับกับข้อมูลที่ผมนำมาเสนอ ผมคิดว่าบทความนี้อาจจะทำให้ผู้อ่านได้ความรู้ ความเข้าใจ กับการใช้งานของระบบเกียร์มากขึ้นนะครับ ได้รวมถึงเทคนิค และการถนอมเกียร์ ไปในตัวด้วย สุดท้ายนี้ต้องขอบคุณท่านผู้อ่านที่กดติดตาม กดไลค์ให้นะครับ เพราะทุกการคลิ้กของท่าน ทำให้ “ คนหลังพวงมาลัย “ มีกำลังใจในการหาเนื้อหามาเขียนให้ผู้อ่าน ได้อ่านกันครับ ^^
คนหลังพวงมาลัย
โฆษณา