7 ม.ค. 2021 เวลา 11:32 • การศึกษา
กรณีศึกษา ระบบการศึกษา ที่ดีระดับโลก ของ ฟินแลนด์
ฟินแลนด์ ประเทศที่ตั้งอยู่เกือบเหนือสุดของโลก และมีประชากรเพียง 5 ล้านคน
แต่รู้หรือไม่ว่า ประเทศนี้ เป็นประเทศที่มีระบบการศึกษาดีอันดับต้นๆของโลก
โดยอ้างอิงจากการจัดอันดับผลการสอบ PISA ที่เป็นการวัดผลคะแนนทางด้านการอ่าน คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ ของเด็กอายุ 15 ปีจากกว่า 80 ประเทศทั่วโลก
ผลคือ ฟินแลนด์ มีคะแนนเฉลี่ยรวมอยู่ที่อันดับ 10 ของโลกในปี 2018
ซึ่งสูงกว่าสหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักร
 
แล้วฟินแลนด์ มีระบบการศึกษาที่น่าสนใจอย่างไร THE BRIEFCASE จะสรุปให้ฟัง
1. ให้ความสำคัญกับ “ครู” มากที่สุด
รู้หรือไม่ว่า คุณครูในประเทศฟินแลนด์นั้นจะต้องจบการศึกษาระดับปริญญาโทเสียก่อน ถึงจะสามารถมาเป็นผู้สอนได้
นอกจากนี้ วิชาชีพครู ถือเป็นอีกหนึ่งสาขาการเรียนรู้ที่มีเกียรติและเป็นที่น่ายกย่องที่สุดอาชีพหนึ่งของฟินแลนด์ ซึ่งเรื่องนี้ก็เกิดขึ้นจากการปฎิรูปรูปแบบการสอนของฟินแลนด์ที่เริ่มมาตั้งแต่ช่วงปี 1970
โดยทางรัฐจะมีการกำหนดทิศทางและเป้าหมายหลักสูตร ส่วนทางโรงเรียนจะเป็นผู้ออกแบบการเรียนการสอนเอง โดยมีการกระจายอำนาจให้ครูมีอิสระในการตัดสินใจมากขึ้น
2. ให้ความสำคัญกับช่วงวัยเด็ก
หลายคนอาจมองว่า ช่วงวัยเด็กเล็กๆ เป็นวัยที่สำคัญที่สุดสำหรับการอัดความรู้ทางวิชาการ
แต่รู้ไหมว่า ฟินแลนด์ นั้นบังคับให้นักเรียนทุกคนเริ่มเรียนตั้งแต่อายุ 7 ขวบ โดยช่วงเวลาก่อนหน้านั้น จะเน้นให้เด็กได้อยู่กับพ่อแม่ และพัฒนาทักษะทางด้านการรู้จักเห็นใจผู้อื่น และการเข้าสังคมเสียมากกว่า
ทำให้เด็กแต่ละคนจะมีการพัฒนาลักษณะนิสัยที่เป็นเอกลักษณ์ ส่วนการศึกษาภาคบังคับในช่วงอายุ 7-16 ปี ก็จะเน้นการให้ความรู้ทั่วๆไป ส่วนในระดับสูงกว่า หรือเทียบเท่ากับช่วงมัธยมปลาย (upper-seconday school) ทุกคนสามารถเลือกได้ว่าจะเรียนต่อหรือไม่
1
3. ไม่ใช้การวัดความรู้ด้วยมาตรฐานเดียวกันกับเด็กทุกคน
ฟินแลนด์ จะมีการวัดระดับความสามารถของนักเรียนที่สำคัญอยู่เพียงครั้งเดียว นั่นก็คือ National Matriculation Exam ที่จะเป็นการสอบหลังเรียนจบชั้นมัธยมปลาย
แต่ในช่วงระหว่างนั้น การสอบวัดผลทั้งหมดจะจัดขึ้นโดยคุณครู โดยมีวิธีการวัดผลที่ออกแบบมาให้เหมาะสมและแตกต่างกันไปสำหรับนักเรียนแต่ละคน
และจะมีกระทรวงการศึกษาที่คอยสุ่มและตามติดขั้นตอนต่างๆ ทั้งหมด ว่าเป็นการวัดผลที่มีประสิทธิภาพหรือไม่
1
4. เริ่มเรียนสาย เลิกเรียนเร็ว
โดยปกติโรงเรียนส่วนมากมักจะเริ่มเรียนวิชาแรกประมาณ 8 โมงเช้า ทำให้นักเรียนบางคนอาจรู้สึกง่วงและขาดแรงจูงใจในการเรียน และส่งผลให้ไม่สามารถตักตวงความรู้ได้เต็มที่
สำหรับโรงเรียนในฟินแลนด์ จะเริ่มเรียนวิชาแรกในช่วงเวลาประมาณ 9-9.45 โมงเช้า
และ เลิกเรียนในช่วงเวลาประมาณบ่าย 2 เพราะจุดประสงค์ในการมาเรียนนั้นไม่ใช่แค่การอัดความรู้ทั้งหมดเข้าไป แต่เพื่อสร้างบรรยากาศการเรียนรู้แบบองค์รวมนั่นเอง
3
5. ไม่เน้นการแข่งขัน
ในขณะที่หลายๆ โรงเรียนทั่วโลก พยายามโปรโมตว่านักเรียนของตนมีเด็กที่ชนะการแข่งขันทางวิชาการจากเวทีต่างๆ
แต่ฟินแลนด์กลับเลือกมองต่างออกไป
โดยฟินแลนด์ไม่ได้มีการจัดอันดับว่าโรงเรียนไหนเป็นโรงเรียนที่ดีที่สุด
เพื่อมุ่งเน้นเรื่องของการร่วมมือกัน มากกว่าการแข่งขันกันเอง
2
6. ความพร้อมด้านปัจจัยพื้นฐาน
นอกจากเรื่องการเรียนแล้ว ความพร้อมในด้านอื่นๆ ก็เป็นสิ่งสำคัญ
โดยเฉพาะปัจจัยพื้นฐานในการใช้ชีวิตของนักเรียน อย่างเช่น อาหาร สุขภาพร่างกาย และ สุขภาพจิต
ซึ่งทางรัฐบาลฟินแลนด์จะดูแลเรื่องนี้ทั้งหมด โดยนักเรียนสามารถทานอาหารได้ฟรี สามารถเข้าถึงระบบสาธารณสุขได้ง่ายขึ้น มีที่ปรึกษาด้านสุขภาพจิต และมีผู้ชี้แนะหรือที่ปรึกษาที่คอยให้คำแนะนำ โดยมีจุดประสงค์เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีเพื่อให้เด็กพร้อมสำหรับการเรียนรู้ได้อย่างเท่าเทียมกัน
1
สรุปแล้ว ระบบการศึกษาในแบบฟินแลนด์
ทำให้เห็นว่า ปัจจัยที่ทำให้นักเรียนมีความสามารถทั้งด้านวิชาการและด้านอื่น อาจไม่ใช่แค่การอัดแน่นความรู้ทางวิชาการเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
แต่ระบบการศึกษาของ ฟินแลนด์ ยังทำให้เห็นด้วยว่า
ปัจจัยอื่นๆ ทั้งด้าน สภาพแวดล้อมในการเรียน การพัฒนาด้านการเข้าสังคม เป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้เรื่องวิชาการเลย
และที่สำคัญที่สุดก็คือ การวัดความเก่งหรือความสามารถของเด็กแต่ละคนด้วยมาตรฐานเดียวกัน มันอาจจะไม่ใช่คำตอบที่ดีเสมอไป
1
เพราะถ้าทำแบบนั้น มันก็คงไม่ต่างอะไร
จากการ กอปปี้ แล้ว วาง สิ่งที่มีอยู่แล้ว
ที่จะไม่มีวันได้มาซึ่งสิ่งใหม่ ที่ดีขึ้นกว่าเดิมได้เลย..
โฆษณา