6 ส.ค. 2021 เวลา 15:35 • ความคิดเห็น
"ถ้าประเทศนี้มีคนแบบมึงเยอะๆ ประเทศคงดีไปแล้วเนอะ"
ประโยคนี้เป็นประโยคที่เราได้ยินอยู่บ่อย จากเพื่อนๆ รอบตัวเราเอง
สำหรับเรา ฟังกี่ครั้ง ก็ยังไม่แน่ใจว่า แม่งด่าหรือชมวะ?!
ทุกครั้ง มักจะเป็นเหตุการที่เราต้องใช้ความพยามอย่างมากที่จะทำให้ถูกกฎ
ทั้งที่ เราไม่จำเป็นต้องพยามขนาดนั้นก็ได้ (เรารู้.. แต่เราก็อยากพยามไง)
เอาง่ายๆ
- เราขับรถไปร้านกาแฟกับเพื่อน เราจะไม่จอดรถใกล้ๆ ร้าน เพียงเพราะมีที่ว่าง หรือคนอื่นเขาก็จอดกัน หรือจะจอดแค่แป๊ปเดียว ทั้งที่มันมีป้ายห้ามจอด
จนบางครั้ง ก็เปลี่ยนร้านไปเลย
"ถ้าประเทศนี้มีคนแบบมึงเยอะๆ ประเทศคงดีไปแล้วเนอะ">> กูไม่ได้เป็นคนดีนะ แต่ไม่ชอบไปกินกาแฟ แล้วต้องรีบๆ ต้องไม่สบายใจเพราะรถจอดผิดกฎ ไม่เป็นที่เป็นทาง ขวางคนอื่น อีกอย่างถ้าโดนล๊อคล้อคือ ก็เสียตังค์อีก ใจกูแม่งไม่กล้าพอ กูป๊อด
- เราห้ามไม่ให้เพื่อนแอบหรือทำลายหลักฐาน อาหารที่ตักมาเหลือในร้านบัฟเฟ่ต์ บอกว่า ถ้าร้านจะปรับก็แค่จ่าย โอ้ย มึงนิไม่ทำก็อยู่เฉยๆ
"ถ้าประเทศนี้มีคนแบบมึงเยอะๆ ประเทศคงดีไปแล้วเนอะ" >> มึงมากะกูไงมันดูตลก กับท่าทีเก้ๆ กังๆ กูอึดอัด กูอายเขา
- เราห้ามไม่ให้เพื่อนซุบซิบ (แน่นนอนในทางลบ) เรื่องการแต่งตัวของคนที่อยู่ไม่ไกลจากเรา พยามบอกเพื่อนว่า มันเป็นสไตล์
"โอ้ยยย อีคนดี!!" >> เราไม่ชอบอยู่ในบรรยากาศการบูลลี่ หรือตัดสินคนอื่น ด้วยทัศนคติของคนไม่กี่คน ซึ่งจริงๆ มันเป็นเรื่องของเขา เนื้อตัวเขา อาจจะเป็นเพราะเราเซนซิทีฟว กับเรื่องโดนบูลลี่อยู่แล้ว ยิ่งเราเป็นแบบนี้ เราก็ดูไม่ดีไปด้วย
ไม่ได้ห่วงภาพลักษณ์นะ แต่ลองคิดดูว่าถ้าคนที่เค้าโดนเรานินทา เขาได้ยิน เราไม่รู้เลยว่าเขาเข้มแข็งพอที่จะปล่อยผ่านคำพูดเหล่านั้นหรือไม่ หรืออาจจะเสียความมั่นใจไปเลยก็เป็นได้
แค่เปิดรับ ไม่ตัดสิน คุณสามารถเป็นที่ปลอดภัยให้ใครก็ได้
ที่เราจะบอกคือ ไม่ว่า เราจะไม่แน่ใจกับคำที่เพื่อนพูดกับเราแค่ไหน
เราอยากบอกว่าเราโอเคกับตัวเองที่สุด
เราสบายใจที่เราทำถูกกฎ เพราะมันทำให้เราไม่อึดอัด
สิ่งที่เราชอบที่สุด คือ นิสัยของเราจะคอยคัดเพื่อนที่อยู่กับเราไม่ได้ออกไปเอง
ส่วนเพื่อนที่ยังเหลือ เผลอๆ มันก็คอยซึมซับสันดานการทำถูกกฎของเราไปด้วย
หลังๆ เวลาที่เราทำอะไรที่มันเคยด่า มันก็ไม่ด่าละนะ ขับรถแบบไปไหนก็หาเฉพาะร้านที่มีที่จอดรถ ไปหลายคนรถหลายคัน ไม่มีที่จอด ก็เรียก Grab Van ไปกันแทน
เรารู้สึกว่าเพื่อนเปิดรับสไตล์การแต่งตัวของชาวบ้านชาวช่อง มากขึ้น ซุบซิบนินทาน้อยลง ตัดสินและยุ่งกับชีวิตคนอื่นน้อยลง
และในทางกลับกัน ก็แอบสังเกตได้ว่า เพื่อนได้เปลี่ยนการแต่งตัวด้วยเหมือนกัน เพิ่มชิ้น เพิ่มสีสัน จากที่เมื่อก่อนจะแต่งตัวแบบเซฟๆ เรียบๆ เราว่าเมื่อรู้สึกว่ารอบตัวไม่ได้มีแต่คนที่คอยจ้องแต่จะตัดสิน ก็คงรู้สึกปลอดภัยมากขึ้นที่จะแต่งตัว หรือทำอะไรตามใจ ตามสไตล์ตัวเอง
เราแค่อยากบอกทุกคนว่า ขอให้ยึดในความถูกต้องเข้าไว้ ถ้ามันถูกจริง ยังไงก็ชนะ
ถ้ามันถูกจริง มันจะอยู่บนพื้นฐานที่เราใช้ชีวิตแบบไม่เบียดเบียนใคร สุดท้ายถ้าผลดีมันเกิดกับเรา ใครๆเห็นก็อยากทำตาม เราก็จะสุขใจ
1
พอละ มาเล่าความสุขเล็กๆ ที่ทำให้จิตใจพองโตแค่นี้แหละ ถึงแม้ว่าจะต้องใช้เวลาเป็นปีๆ ถึงจะเห็นผล แต่มันก็คุ้มค่านะคะกับการสร้างสิ่งแวดล้อม และสังคมที่ดีให้ตัวเอง สภาพจิตใจเราก็จะดี พร้อมส่งต่อความรู้สึกดีๆ ให้ทุกคนต่อไป
เราอยากให้ทุกคน ไม่ว่าจะรู้จัก หรือไม่รู้จักกัน สามารถเป็น #พื้นที่ปลอดภัย ให้กันและกันได้
โฆษณา