10 ม.ค. 2021 เวลา 02:08 • ปรัชญา
“หลวงปู่ดู่ท่านเคยพยากรณ์เกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ ๓ ไว้หรือไม่”
คำถามข้างต้น ตอบได้ทันทีว่า “ไม่เคย” ใครที่ได้รู้จักปฏิปทาของหลวงปู่ดู่ จะรู้ว่าท่านไม่ใช่นักพยากรณ์ ไม่ว่าภัยพิบัติ สงคราม หรือแม้แต่การพยากรณ์มรรคผลให้กับใคร อย่างในกรณีมรรคผล หลวงปู่ท่านพูดชัดว่า “ข้าพยากรณ์ให้ไม่ได้” เพราะขึ้นกับความเพียรของเจ้าของเอง
การพยากรณ์ที่เห็นตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดยมากมาจากความอยากดังเสียเป็นส่วนใหญ่ รองลงมาก็ประเภทแสวงหาผลประโยชน์ผ่านการจัดสรรที่ดินขาย แม้ยังขาดระบบสาธารณูปโภค คนก็ยอม เพื่อแลกกับการได้พ้นภัยพิบัติ
สำนักที่พยากรณ์บางแห่งถึงขนาดแนะนำให้สานุศิษย์ขายบ้าน ขายโรงงาน/กิจการ เพื่อย้ายออกจากพื้นที่ที่พยากรณ์ว่าจะเกิดภัยพิบัติ บางคนหลงเชื่อ เลยพาทั้งครอบครัวเดือดร้อนกันไปหมด บางคนจะไปกราบสังเวชนียสถานที่อินเดีย ก็ยังต้องงดเพราะกลัวกลับมาไม่มีบ้าน ตื่นตระหนกกันถึงขนาดนั้น
บางคนอาจเห็นว่ารู้การพยากรณ์ย่อมดีกว่าไม่รู้ เพื่อว่าจะได้วางแผนตระเตรียมรับมือได้ทัน แต่ในสายตาของพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบหลายๆ ท่านที่ลุงสิทธิ์ได้ยินมา ล้วนมองว่านั่นเป็นอาการตื่นตระหนกบนความไม่รู้จริง เลยพากันเป็นทุกข์ล่วงหน้า แถมยังทำตัวเอง (รวมทั้งครอบครัว) ให้ลำบาก
 
กรณีภัยพิบัติหรือสงครามไม่เกิด คำชี้แจงที่แสนคลาสสิคของผู้พยากรณ์ก็คือ “เพราะท่านได้สวดมนต์แผ่เมตตาให้แล้ว ภัยพิบัติหรือสงครามจึงไม่เกิด !”
หากพิจารณาให้ดี แทนที่จะคอยเงี่ยหูฟังและตื่นตระหนกกับข่าวพยากรณ์ภัยพิบัติหรือสงครามโลก สู้ใช้ชีวิตแต่ละวันๆ ด้วยความไม่ประมาท ด้วยการหมั่นบำเพ็ญคุณงามความดี พัฒนากายใจให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป ประเสริฐกว่ามาก ถ้าทำอย่างนี้ได้ หลวงปู่ดู่ท่านว่า ตายเมื่อไรก็ถือว่าชี้วิตนี้ไม่เป็นโมฆะ
“พอ” (๗ มกราคม ๒๕๖๓)
โฆษณา