เกมของมาร์คจบลงเมื่อแม่ของมาร์คมาเห็นความอุบาทว์ของลูกชายในเวลาต่อมา
เธอเดินลงไปที่ห้องใต้ดินที่ร้อยพันปีปีหนเธอไม่เคยคิดจะใส่ใจลงไปดู เพราะเห็นว่าเป็นอาณาจักรส่วนตัวของลูกชาย แต่วันนี้เธอจำเป็นต้องลงเพราะตามหามาร์ค
คงไม่ต้องบอกน่ะว่าเธอเห็นอะไรเข้า
เธอรูปยกหูโทรศัพท์แจ้งตำรวจทันที ตำรวจสายตรวจออกตามล่าตัวมาร์ค ไม่นานก็พบเขากำลังเดินเล่นบนถนน เมื่อเห็นตำรวจเขาก็พยายามหนี ระหว่างทางก็จี้สตรีเป็นตัวประกัน แต่ก็ไปไม่ไกลตำรวจก็วิทยุเรียกสายตรวจมาสกัดไว้ได้
หลังมาร์คถูกจับกุม อามันโดก็เปิดปากว่าเป็นผู้ยิงเดวิด
ครั้งแรกจากการสอบปากคำแซปปิงตัน เขาปิดปากสนิท ไม่ว่าจะขู่ ปลอบ อย่างใดก็ไม่เป็นผล
แต่วันรุ่งขึ้นมาร์คกลับเปิดปาก สารภาพแบบถี่ยิบเหมือนน้ำทะลัก บรรยายถึงฉากฆาตกรรม การดูดเลือด การกินเนื้อเหยื่อฆาตกรรม
"มันน่าอายนัก ผมละอายใจเหลือเกิน"
นอกจากนี้เขสารภาพว่า ที่เขาทำการฆาตกรรมเหยื่อทั้งหมดนั้นเป็นเพราะเขาถูกบงการจากเสียงลึกลับที่ดังก้องในสมอง มันอาจเป็นเสียงพระเจ้าหรือไม่ก็ของซาตาน
"ผมทำไปทั้งหมดเพราะเสียงนั้น หากผมขัดขืนไม่ทำตามเสียงนั้นบอก มันจะเอาชีวิตของผมไปแทน"
ตำรวจอึ้งไปพักใหญ่
"หมอมาร์คคนนี้ เป็นคนฉลาด และรวยอารมณ์ ลักษณะการแสดงออกไม่ผิดปกติธรรมดา แต่ตอนสอบปากคำครั้งหนึ่ง เขาเผลอปล่อยมุขหน้าตายว่า ถามจริงเหอะขอเอามีดสับขาหมวดสักฉับได้ไหมล่ะชักมันมือ"
มาร์คถูกจองจำอยู่ในเรือนจำ เวยน์ด็อต เคาน์ตี้ ในระหว่างส่งขึ้นตัวพิจารณาคดีเป็นเวลานานถึงหนึ่งปีหลังถูกจับกุม มาร์คจะต้องได้รับการตรวจสอบอาการประสาททางจิตมากมายจากจิตแพทย์และจิตเวช จนอัยการอาวุโสท่านหนึ่งมีความเห็นส่วนตัวว่า
"ผมเกรงว่าการตรวจเข้มของจิตแพทย์ จะทำให้จำเลยยกเอาสิ่งที่มาร์คอ้างว่าทำไปเพราะตามคำสั่งของเสียงกระซิบในสมอง และรายงานความผิดปกติทางจิตและสมองของมาร์ค มาเป็นข้อต่อสู้ว่ามาร์คเป็นคนวิกลจิต ซึ่งนั้นหมายถึงเขาสามารถรอดพ้นจากโทษประหารชีวิตในที่สุด"
และแล้วก็เป็นเช่นนั้นจริง ในการพิจารณาคดีของมาร์ค แซ็ปปิงตัน ในเดือนมกราคม 2002 ได้มีคำสั่งให้นำตัวมาร์คไปบำบัดในโรงพยาบาลโรคจิตตลอดชีวิต
แต่ไม่รู้น่ะว่าเสียงจากอเวจียังอยู่ในสมองของมาร์คหรือเปล่า