10 ม.ค. 2021 เวลา 03:10 • นิยาย เรื่องสั้น
ฆาตกรต่อเนื่อง โรเบิร์ต เฮนสัน นักล่ามนุษย์
"……เมื่อผมตะครุบเหยื่อที่ผมหมายตาไว้แล้ว ผมนำเหยื่อของผมขึ้นเครื่องบินพาเหยื่อมายังกระท่อมที่ห่างไกลจากตัวเมือง ผมจัดการลงมือข่มขืนอย่างทารุณและทรมานเหยื่อ หลังจากนั้นก็เปลือยผ้าของเหยื่อออก เอาผ้าผูกแขนและผูกตาเอาไว้ แล้วปล่อยเข้าป่า กำหนดให้เหยื่อมีเวลาหนีเท่านี้ เมื่อครบกำหนดผมก็ออกล่าเหยื่อด้วยมีดเดินป่าหรือปืนไรเฟิลแรงสูง ผมแกะรอยและฆ่าอย่างเมามันสะใจ มันเหมือนกับการไล่ล่าแกะหรือหมีกริซลี่เลยทีเดียว…."
Map of Alaska, showing Anchorage and the Knik River valley area
รัฐอลาสกา เป็นรัฐในอเมริกา มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า "เหนือสู่อนาคต" เป็นสถานที่ที่คนชอบไปท่องเที่ยวเพราะมีทั้งมหาสมุทรที่สวยงม ยอดเขา ป่าร้อนชื้น และความอุดมสมบูรณ์ของสัตว์ป่า
โดยเฉพาะที่หุบเขาย่านแม่น้ำมิก ถือได้ว่าเป็นอาณาเขตหนึ่งที่มักมีนักล่ามาล่าสัตว์เป็นประจำ สถานที่ช่องแคบอันวกวนที่สร้างโดยฝีมือมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์นี้อยู่ห่างจากเมืองแอนโชเรจเพียง 25 ไมล์ เป็นทำเลที่เหมาะแก่การล่าแพะภูเขา แกะป่า หมีดำ และกวางมูสอย่างยิ่ง
แต่สถานที่นี้กำลังกลายเป็นเวทีล่ามนุษย์!
Sherry Morrow, victim
เชอรี่ มอโรว์
12 กันยายน 1982
จอห์น เดลี และออดี้ ฮอลโลเวย์ ตำรวจนอกเครื่องแบบ 2 นาย แห่งเมืองแอนโชเรจ วันนี้เขาออกมาล่าสัตว์ตามเส้นทางแม่น้ำมิก โชคดีที่วันนี้พวกเขาล่าแกะป่าได้ 1 ตัว
เมื่อความมืดเริ่มโปรยตัวลงเข้าปกคลุม ทั้งสองกำลังตัดสินใจกลับบ้าน ขณะที่จะข้ามแม่น้ำมิก และก้าวขาลงบนตลิ่ง พวกเขาก็ได้เห็นรองเท้าบูตปักอยู่บนผืนทรายบริเวณริมแม่น้ำนิก ด้วยความสนใจทั้งสองจึงถอยกลับพร้อมกับดึงรองเท้าออกจากทราย ทันใดนั้นที่รองเท้าบูตออก พวกเขก็รู้ว่ามีสิ่งหนึ่งอยู่ใต้ผืนทรายนั้น
มันคือศพ!
อย่างไรก็ตาม ทั้งสองยังไมลงมือทำอะไรมากนัก เนื่องจากเวลานั้นเป็นเวลาที่มืดแล้ว อีกทั้งสภาพศพนั้นเน่ามากจนเกือบเป็นโครงกระดูก พวกเขาทำได้แค่จดจำสภาพศพและสภาพแวดล้อมให้ได้มากที่สุด หลังจากนั้นเดลีและฮอลโลเวย์ก็ออกจากหุบเขาและกลับไปที่แคมป์พักแล้วแจ้งตำรวจ
จ่ารอลลี พอร์ต ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้รับผิดชอบคดีนี้ เขาระมัดระวังอย่างยิ่งเมื่อไปสถานที่พบศพ เขาบันทึกหลักฐานและถ่ายรูป หลังจากนั้นก็ใช้ตะแกรงขนาดใหญ่ทำการร่องทรายไปรอบๆ ศพอยู่เป็นเวลาหลายชั่วโมง จนในที่สุดก็พบปลอกกระสุนปืนขนาด เอ. 223 คาลิเบอร์ โดยกระสุนชนิดนี้ใช้กับปืนไรเฟิลที่มีกำลังสูงๆ เพื่อล้มสัตว์ที่มีขนาดใหญ่จำพวก หมีพวกนั้น
แต่ฆาตกรคนนี้มีไว้ยิงคน!
ผลจากการชันสูตรเบื้องต้น ระบุว่า ผู้ตายเป็นผู้หญิง แม้จะยังไม่สามารถระบุอายุได้ แต่พอสันนิษฐนได้ว่า เธอคงถูกฆ่ามาแล้ว 6 เดือน โดยมีสาเหตุการตายคือถูกยิงด้วยกระสุน .223 คาลิเบอร์ถึง 3 นัดหลังจากนั้นอีก 2 สัปดห์ต่อมา ตำรวจสามารถระบุได้ว่า ผู้ตายคือเชอรี่ มอโรว์ นักเต้นจากบาร์ไวด์ เชอร์รี่ ในเมืองแอนโชเรจ มีผู้พบเห็นเธอครั้งสุดท้ายวันที่ 17 พฤศจิกายน 1981 เป็นครั้งท้าย กับผู้ชายคนหนึ่งที่ยื่นเสนอให้เธอกว่า 300 ดอลลาร์ เพื่อถ่ายรูป
เอ็นคลูน่า แอนนี่
ตำรวจเมืองแอนโซเรจสงสัยผู้ตายเชอรี่ มอโรว์อาจไม่ใช้เหยื่อรายแรกของฆาตกรรายนี้ เนื่องจากตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ตำรวจได้รับบันทึกว่ามีผู้หญิงสูญหายเป็นจำนวนมากผิดปกติ และผู้หญิงที่หายตัวไปเป็นสาวท็อปเลสหรือไม่ก็เป็นโสเภณีเกือบทั้งสิ้น
นอกจากนี้ก่อนหน้านั้นตำรวจยังพบศพอีกศพหนึ่งที่บริเวณแม่น้ำมิกเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร โดยตำรวจตั้งชื่อศพนี้ว่า "เอ็นคลูน่า แอนนี่"
จะเห็นได้ว่าเป็นไปได้ทั้ง 2 คดีนี้เกี่ยวเนื่องกันเนื่องจาก ตำรวจค้นพบชิ้นส่วนศพอีกศพหนึ่ง เมื่อขุดบริเวณรอบๆ หลุมศพของเอ็นคลูน่า แอนนี่ เช่นเดียวกับหลุมศพของเชอรี่ มอโรว์ ตำรวจก็พบชิ้นส่วนดังกล่าวเช่นกัน
Joanne Messina
โจแอนน่า แมสสิม่า
ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ตำรวจก็พบศพหนึ่ง ใกล้ๆ กับหลุมโรยกรวดที่บริเวณแม่น้ำมิก โดยระบุภายหลังว่าเป็นของนักเต้นเท้าไฟ โจแอนน่า แมสสิม่า แต่น่าเสียดายที่ตำรวจไม่สามารถหาหลักฐานอะไรจากซากศพได้ เนื่องจากศพอยู่ในสภาพเน่าเปือยมาก เช่นเดียวกับศพของเอ็กคลูน่า แอนนี่
Paula Golding, victim
พอลล่า โกลดิ้ง
1 ปีหลังจากพบศพเชอรรี่ มอโรว์ ก็มีการค้นพบศพที่แม่น้ำนิกอีก ระบุใสภายหลังว่าเป็น โสเภณีชื่อ พอลล่า โกลดิ้ง จากเมืองแอนโซเรจ ซึ่งหายตัวไปก่อนหน้านั้น 5 เดือน เธอถูกยิงด้วยกระสุน .223 คาลิเบอร์ มาถึงตอนนี้ตำรวจก็รู้แล้วว่าพวกเขากำลังเผชิญหน้าฆาตกรต่อเนื่องโรคจิตที่บ้าชอบฆ่าคนด้วยปืนไรเฟิลล่าสัตว์
ยิ่งเวลาผ่านไป ความหวังที่จะจับฆาตกรก็เลือนรางลงทุกที แต่แล้ววันที่ 13 มิถุนายน 1982 ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เมื่อรถบรรทุกสิบล้อคันหนึ่งกำลังวิ่งเข้าเมือง คนขับก็เห็นผ้หญิงคนหนึ่งกำลังร้องไห้ช่วยเหลือ เธอถูกสวมกุญแจมือข้างหนึ่ง เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง เธอบอกกับคนขับรถบรรทุกว่า มีผู้ชายไล่ตามเธอมา พร้อมขอโดยสารไปยังโรงแรมบิ๊กทิมเบอร์ เมื่อถึงโรงแรม เ ธอก็ขอตัวไปโทรศัพท์ไปหาญาติของเธอ ขณะเดียวกันคนขับรถบรรทุกก็ตรงไปยังสถานีตำรวจเพื่อแจ้งความและเล่าเรื่องทุกอย่างที่เขาพบเห็น
เมื่อตำรวจไปถึงโรงแรมบิ๊กทิมเบอร์ ก็พบผู้หญิงคนที่ถูกสวมกุญแจมืออยู่ เมื่อตำรวจไขกุญแจมือให้เธอแล้ว เธอก็เริ่มต้นเล่าเรื่องทั้งหมดให้ตำรวจให้ฟังว่า
ขณะที่เธอกำลังยืนอยู่ริมถนน มีผู้ชายผมแดงอายุประมาณ 40 ปี คนหนึ่งเดินเข้ามาหาเธอ พร้อมเสนอเงินให้เธอ 200 ดอลลาร์ เพื่อขอไปด้วย เธอตอบตกลง แต่เมื่อรถแล่นไปเพียงครึ่งทาง เขาหยิบกุญแจมือและปืนออกมา พร้อมกับกล่าวว่าถ้าเธอร่วมมืออย่างดี เขาจะไม่ฆ่าเธอ จากนั้นเขาก็ขับรถพาเธอไปยังบ้านของเขาที่มูนดูม ไม่ไกลจากแอนโชเรจมากนัก เขาข่มขื่นเธออย่างทารุณ กัดหัวนมเธอ พร้อมทั้งใช้ค้อนทิ่มเข้าไปในช่องคลอดของเธออย่างรุนแรง
หลังจากนั้นผู้ชายคนนั้นก็บอกว่า เขาจะพาเธอบินไปยังกระท่อมแล้วปล่อยเธอไปถ้าเธอยอมร่วมมือกับเขาอย่างดี เมื่อถึงสนามบิน ชายดังกล่าวก็ผลักเธอเข้าไปเครื่องบินขนาดเล็กๆ แต่ทันทีที่เขาเผลอ เธอก็ผลักประตูเปิดออก พร้อมกับวิ่งหนีอย่างเร็วสุดชีวิต เช่นเดียวกับเขาที่วิ่งไล่ตามเธอมาอย่างไม่ลดละ จนมาพบคนขับรถบรรทุกดังกล่าว
"ฉันรู้ตัวดีว่า ฉันจะถูกฆ่าที่กระท่อมกลางเขานี้แน่นอน"
Robert Hansen yearbook photo
หลังจากให้การกับตำรวจแล้ว ตำรวจก็พาเด็กสาวไปยังสนามบินเมอริลฟิลด์ เธอชี้ไปเครื่องบินสีฟ้า ขาว หมายเลข N3089Z จากการตรวจสอบกับหอบังคับการบิน พบว่าเครื่องบินดังกล่าวเป็นของนายโรเบิร์ต ซี. เฮนสัน
เมื่อทราบดังนี้ ตำรวจรีบรุดไปยังบ้านของเฮนสัน เขาแสดงอาการโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงเมื่อเจอข้อหานี้ เขากล่าวว่า ไม่เคยพบผู้หญิงคนนี้มาก่อน แถมด่าว่านังคนนั้นว่าเป็นโสเภณีขู่กรรโชกเอาเงินของเขา
"ข้อหาข่มขืนผู้หญิงโสเภณีหรือ ตลกดีว่ะ"
หลักฐานเด็ดเฮนสันแก้ตัว คือช่วงเวลาเกิดเหตุนั้น เขาอยู่กับเพื่อน ซึ่งเพื่อนของเขาก็มาเป็นพยานว่าพวกเขาอยู่กับเฮนสันจริง
วิธีเดียวที่สามารถดำเนินคดีของเฮนสันได้ก็คือ หาช่องว่างจากข้อกล่าวหาของเขา ตำรวจจึงนำตัวพยานที่เฮนสันกล่าวอ้างด้านเวลามาสอบอีกครั้ง โดยคราวนี้ตำรวจข่มขู่ว่าพวกเขอาจถูกดำเนินคดีว่าให้การเท็จ จนในที่สุดเพื่อน 2 คนของเฮนสันก็สารภาพว่า พวกเขาไม่ได้อยู่กับเฮนสันในที่เกิดเหตุในวันที่ 27 ตุลาคม 1983 ตำรวจติดตามเฮนสันไปยังที่ทำงานของเขา และนำตัวไปสอบสวนที่กรมตำรวจ เมื่อตำรวจบุกค้นบ้านเฮดสัน ก็พบอาวุธและของต้องสงสัยหลายรายการ ได้แก่ ปืนเรมิงตัน 552 ไรเฟิล 1 กระบอก ปืมทอมสัน คอนเทนเดอร์ 7 มิลลิเมตร ชิงเกิลช็อคพิตทอล แผนที่เครื่องบินที่ทำเครื่อหมายเอาไว้ อัญมณีหลากชนิด ใบอนุญาตขับขี่รถยนต์
นอกจากตำรวจจะได้หลักฐานดังกล่าวแล้ว ตำรวจก็พบกับเรื่องตกใจ เมื่อเขาพบบัตรประจำตัวประชาชนของผู้หญิงที่เสียชีวิตที่พบแม่น้ำมิก และปืน .223 คาลิเบอร์ มินิ-14 ไรเฟิล อาวุธสังหารเหยื่อที่ตลกที่ระบุว่าเหยื่อที่แม่น้ำมิกตายเพราะกระสุนชนิดนี้
คราวนี้ตำรวจก็มั่นใจแล้วว่า เขาได้ตัวนักล่ามนุษย์แห่งแม่น้ำมิกมาไว้ในกำมือแล้ว
โรเบิร์ต คริสเตียน เฮนสัน ค่อนข้างเป็นคนรวยคนหนึ่ง(มีเครื่องบินส่วนตัว) เกิดเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 1939 ที่เมืองแอสเตอร์วิล ไอโอวา เป็นบุตรของชาวเดนมาร์กอพยพชื่อเบเคอร์ และเอ็ดนา โรเบิร์ต แต่งงานแบบจับยัดเมื่อปี 1960
โรเบิร์ต คริสเตียน เป็นคนที่มีรูปร่างเล็ก มีรอยปรุไปทั่วใบหน้า ยิ่งกว่านั้นเขายังไม่สามารถสื่อสารกับใครๆ ได้ดี เพราะเขาเป็นคนติดอ่าง ด้วยเหตุนี้เขาจึงมีความเชื่อมั่นในตัวเองต่ำ
เหตุการณ์จุดเปลี่ยนชีวิตของเขาเกิดขึ้นในวันที่ 7 ธันวาคม 1960 เมื่อเขาถูกกลั่นแกล้ง เฮนสันก็เผาโรงรถบัสของโรงเรียนเป็นการแก้แค้น โชคร้ายเป็นของเฮนสัน เมื่อเขาถูกเพื่อนที่ร่วมรับรู้เหตุการณ์หักหลัก จนเขาถูกจับคุกเป็นเวลา 3 ปี แต่หลังจากติดคุก 20 เดือน เขาก็ถูกปล่อยตัว เนื่องจากเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เห็นว่าเขามีสติไม่สมประกอบ
หลังจากที่โรเบิร์ต เฮนสัน ออกจากคุกไม่นานเขาก็ตัดสินใจแต่งงานกับผู้หญิงคนหนึ่งในปี 1963 และตัดสินใจใช้ชีวิตใหม่ในอลาสกา ในปี 1967 ที่แอนโชเรจ
ที่แอรโชเรจได้รับการต้อนรับจากชาวเมืองอย่างอบอุ่น เพราะเขามีชื่อว่าเป็นพรานล่าสัตว์ชั้นเยี่ยม มีฝีมือในการไล่ล่าแกะ หมาป่า และหมีด้วยไรเฟิลและธนู
แต่แล้วในปี 1977 เขาก็ถุกจับใข้อหาขโมยเลื่อยสำหรับตัดซุง และถูกพิพากษจำคุก 5 ปี อย่างไรก็ตามเขาจำคุกแค่ 1 ปีเท่านั้น หลังจากจิตแพทย์ลงความเห็นว่าเขาเป็นคนมีอารมณ์แปรปรวน
ในช่วงต้นทศวรรษที่ 80 เฮนสันแจ้งกับบริษัทประกันภัยว่า เขาถูกขโมยของบางอย่างไป ทำให้บริษัทต้องจ่ายเงินให้เขาถึง 13000 ดอลลาร์ หลังจากได้เงินก้อนโตนั้นแล้ว เขานำเงินนั้นไปเปิดร้านเบเกอรี่ ที่มุมถนนหมายเลข 9 และหย่าภรรยาเก่า
เฮนสันมีลูก 2 คนกับภรรยาคนใหม่ ไม่มีใครรื้อฟื้นและหยิบยกคดีเก่าๆ มาพูดถึงอีก และนอกจากนี้ธุรกิจเบเกอรี่ก็ประสบผลสำเร็จ ทำให้เขามีรายได้เป็นล้าน
แต่นั้นยังไม่เพียงพอต่อจิตใจเขา!
Robert Hansen's trophy room
เหยื่ออีก 5 ราย ที่ตำรวจไม่สามารถเอาผิดเขาได้
ย้อนกลับไปยังฝ่ายตำรวจ หลังจากเฮสัยถูกจับกุม เขาปฏิเสธว่าเขาไม่ได้ทำผิดใดๆ ทั้งสิ้นทุกกรณี และร้องขอทนายแก้ต่าง
วันที่ 3 พฤศจิกายน 1983 ศาลแห่งเมืองแอนโชเรจได้แจ้งข้อหาแก่เฮนสัน ในข้อหาทำร้ายร่างกาย ลักพาตัว ใช้อาวุธปืนในทางไม่ถูกต้อง และหลอกลวงบริษัทประกันภัย แน่นอนเฮนสันปฏิเสธข้อกล่าวหาทุกกรณี โดยขณะเดียวกันตำรวจกำลังรอผลพิสูจน์เรื่องกระสุปืน และรวบรวมหลักฐาน
ในที่สุด ผลการพิสูจน์เรื่องลูกกระสุนก็มาถึง ในวันที่ 20 พฤศจิกายน 1983 เอฟบีไอลงความเห็นว่า กระสุนที่ตำรวจพบในบริเวณที่พบศพนั้นล้วนมาจากปากกระบอกปืนไรเฟิลของเฮนสันทั้งสิ้น
เมื่อเห็นว่าตำรวจมีหลักฐานมัดตัวแน่นหนา เฮนสันเองเห็นว่าโอกาสที่เขาจะชนะคดีมีน้อยมาก ดังนั้นวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 1984 ทนายของเขาจึงได้นัดพบอัยการของแอนโซเรจ โดยให้ข้อเสนอแก่อัยการว่า ถ้าเฮนสันขอสารภาพ 4 ข้อหา เขาจะต้องได้รับความสะดวกสบายในคุกเป็นอย่างดี แทนที่จะอยู่ในคุกชั้นต่ำ ตอนแรกเฮนสันปฎิเสธไม่เห็นด้วยกับความคิดของทนายความ แต่หลังจากนั้นก็ยอมรับ
แม้ทั้งสองฝ่ายเซ็นสัญญาร่วมกัน แต่เฮนสันก็ไม่สามารถพ้นข้อหาอาชญากรรมพ้น เมื่อมีหลักฐานจากปลอกกระสุนปืน ทำให้เขายอมจำนนต่อคดีฆาตกรรม
วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 1984 ศาลพิพากษาให้เขามีความผิดในคดีฆาตกรรม พอลล่า โกลดิ้ง, โจแอนนา แมสสิน่า, เชอรี่ มอโรว์ และแอ็กคลูน่า แอนนี่ ศพหญิงปริศนา รวมเป็น 4 ศพ
และอีก 1 สัปดาห์ต่อมา ศาลพิพากษาให้จำคุกเขาเป็นเวลา 461 ปี!
เครดิต http://writer.dek-d.com/
โฆษณา