รักษ์กายบำรุงสติ(2)
การจะลงมือทำสิ่งใดหรืออะไรสักอย่าง หากเราไม่ตั้งใจคงยากที่จะประสบผลสำเร็จ แม้จะเป็นเพียงสิ่งเล็กๆน้อยๆรอบตัวก็ตาม สำหรับตัวฉันเองคงต้องใช้คำว่า"อาศัยความมึน"หรือเดินหน้าไปแบบทื่อๆนั่นแหละ จากตอนอุปสรรคมหัศจรรย์ที่ฉันทิ้งท้ายไว้เกี่ยวกับการเดินตามแผนการรักษาอาการป่วยนั้น
การรักษาจากแพทย์แผนปัจจุบันไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เพราะทุกขั้นตอนล้วนประกอบด้วยเหตุและผลตามขั้นตอนแพทย์ แต่สิ่งที่ฉันปรารถนาเพิ่มมาอีกอย่างคือการรักษาจากแพทย์แผนไทยและการนวดจากพี่ชายผู้อารีย์ซึ่งตั้งใจไว้แต่แรก เมื่อฉันรักษาตามอาการจากแพทย์แผนปัจจุบันจนมั่นใจแล้วว่าสามารถนวดแผนไทยได้โดยการการันตีจากแพทย์และนักกายภาพประจำโรงพยาบาล ฉันจึงเดินทางไปพบพี่ชายผู้อารีย์ทันทีเพื่อปรึกษาถึงกระบวนการนวดแผนไทย
พี่ชายผู้อารีย์เอ่ยปากชมที่ฉันเข้มแข็งผ่านเรื่องร้ายอันตรายเกือบถึงชีวิตมาได้ และแนะนำให้ฉันรักษากายแล้วควรรักษาจิตไปพร้อมกันเลยด้วยการถือศีลสวดมนต์ทำสมาธิด้วยกันทุกเช้าก่อนทำการนวด ฉันไม่เกี่ยงงอนกับคำแนะนำนั้นแต่ร่างกายไม่ยอมให้ความร่วมมือเท่าใดนัก เพียงนั่งสวดมนต์เช้ายังไม่ทันได้ทำสมาธิก็ปวดทรมานไปทั้งซีกซ้าย พี่ชายผู้อารีย์ให้กำลังใจฉันด้วยการให้นึกถึงตอนที่ฉันนอนป่วยอยู่นั้น นอกจากตัวฉันเองแล้วมีใครบ้างที่สามารถแบ่งความเจ็บปวดทรมานนั้นไปได้ หากอยากดีขึ้นการจดจ่ออยู่กับบทสวดมนต์แล้วทิ้งความปวดให้มันเป็นไป แบ่งแยกเป็นคนละส่วนเช่นที่ฉันเคยทำมาแล้วเมื่อครั้งยังอยู่กับน้องสาว เพียงแต่ครั้งนี้ฉันต้องอดทนให้มากขึ้นกว่าเดิมเท่านั้นเอง
การสวดมนต์บูชาพระรัตนตรัยและบูชาครูบาอาจารย์รวมทั้งการนั่งสมาธิ เป็นสิ่งที่หมอนวดแผนโบราณกระทำมาช้านานเพื่อเป็นการขัดเกลาจิตใจให้มีสติในการนวด เพราะการนวดนั้นนอกจากต้องถ่องแท้ในตำราแล้วการมีจิตเมตตาก็สำคัญไม่แพ้กันจึงต้องอาศัยศีลภาวนาเป็นหลักใหญ่ในการเพิ่มเมตตา เมื่อพี่ชายผู้อารีย์กล่าวเช่นนั้นฉันเองก็นึกย้อนกลับไปเมื่อวันวานก่อนป่วยที่เคยนั่งขบขันตอนไปนั่งรอพี่ชายผู้นี้ให้ช่วยสอนนวดแต่เลือกเอาเฉพาะที่ตนต้องการ การสวดมนต์ถือศีลนั้นขอให้คนอื่นๆปฏิบัติไปส่วนฉันยินดีเพียงนั่งรอ
มาบัดนี้ความคิดเช่นเดิมหายไปราวกับฉันคนนี้คือคนละคนกับก่อนหน้านี้ ปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างว่าง่ายเนื่องด้วยพิจารณาแล้วเห็นจริงดังคำกล่าวนั้น การผ่านความทุกข์ทรมานทั้งจิตใจและร่างกายแต่ทำได้เพียงนอนเฝ้ามอง กลับเกิดประโยชน์ต่อฉันเป็นอันมาก จากที่สนใจใคร่รู้เรื่องธรรมะเพียงผิวเผินเปลี่ยนเป็นเฝ้ามองและเพียรปฏิบัติ โดยไม่รู้สึกฝืนตนแต่อย่างใด
"การเฝ้ามอง"คือการนั่งมองดูความเจ็บปวดทรมานโดยใจเป็นกลาง พิจารณาไปตามส่วนต่างๆที่รู้สึกว่าปวด มีอาการทนไม่ได้บ้างเป็นครั้งคราวก็ปรับอารมณ์เสียใหม่ สมมุติว่าตนเองนั่งมองสิ่งของก้อนเนื้อไปตามเรื่อง ไม่ใส่ใจต่อความรู้สึกปวด เป็นเช่นนี้อยู่ตลอดการนั่งสมาธิ และเมื่อถึงตอนต้องออกจากสมาธิก็ปวดแทบน้ำตาร่วง ใช้การสูดอากาศหายใจเข้าออกช้าๆเพื่อบรรเทาความปวดจากการนั่งนานๆ ฉันขอร้องพี่ชายผู้อารีย์ว่าอย่าได้อธิบายโดยใช้คำบาลีให้ยืดยาวหรืออธิบายใดๆเพิ่มเติมแต่ฉันจะขอทำตามความเข้าใจของตนก่อน เหตุที่ต้องขอกันเช่นนี้ก็เนื่องจากฉันไม่ต้องการให้ตนเองอยากได้อยากมีในสมาธิมากเกินไป อยากจะปฏิบัติเป็นอย่างๆไปให้ถ่องแท้เสียก่อน
ใช้หลักอึนๆมึนๆทื่อๆลงไปเพื่อทดสอบความอดทนของตนเสียก่อน ใช่ว่าอยากจะอวดรู้หรือแหวกแนวการปฏิบัติ เมื่อฉันพูดคุยทำความเข้าใจกันแล้วจึงได้ลงนอนเพื่อรับการนวดต่อไป การนวดนั้นจะให้ผลเช่นไรต่อร่างกายและจิตใจของฉัน โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
