🖥 Unsupervised learning คืออะไร ?
Unsupervised Learning เป็นการเรียนรู้ที่ไม่ต้องอาศัยผู้สอน เราเพียงใส่ข้อมูลลงไปในคอมพิวเตอร์ โดยไม่ต้องกำหนดผลลัพธ์ว่าจะต้องเป็นแบบไหน ปล่อยให้คอมพิวเตอร์มันเรียนรู้ที่จะแยกกลุ่มได้ด้วยตัวมันเอง
ซึ่งการเรียนรู้แบบ Unsupervised Learning มีการแบ่งเป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ Clustering และ Non-clustering
Unsupervised learning
🤖 Clustering คือ การที่คอมพิวเตอร์สามารถเรียนรู้การแยกกลุ่มข้อมูลได้ด้วยตัวมันเอง ยกตัวอย่างเช่น คุณมีข้อมูลของลูกค้าประมาณ 1 ล้านรายชื่อ คุณจำเป็นที่จะต้องแบ่งกลุ่มลูกค้าออกมาเพื่อที่จะได้ทำการตลาดได้ตรงกลุ่มลูกค้า แต่คุณไม่รู้จะแบ่งกลุ่มยังไง คุณสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ใส่ลงไปในคอมพิวเตอร์ มันจะแยกกลุ่มลูกค้าออกมาให้คุณเองอัตโนมัติ
การเรียนรู้แบบ Clustering จะช่วยให้คุณมองเห็นรูปแบบการแบ่งข้อมูลจากผลลัพธ์ที่มันแบ่งกลุ่มมาให้ และคุณอาจจะเอารูปแบบที่ได้นี้ไปใช้ในครั้งต่อไปเมื่อมีรายชื่อกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ เข้ามา
Clustering
🤖 Non-Clustering เราขอยกเป็นตัวอย่างแทน หนึ่งในการเรียนรู้แบบนี้คือ Cocktail Party Algorithm เป็นการเรียนรู้ของคอมพิวเตอร์ที่จะสามารถแยกเสียงที่ต้องการได้ คิดภาพเวลาเราเข้าไปในงานเลี้ยง มีคนมากมายพูดคุยกันเสียงดังแถมยังมีเสียงเพลงอีก แต่แปลกไหมครับว่าเราได้ยินเสียงของคู่สนทนาได้อย่างไร? นั่นเพราะว่าสมองเราสามารถที่จะแยกเสียงที่เราต้องการจะฟังได้ประกอบกับเราใช้วิธีการอ่านปากไปด้วยก็สามารถทำให้เราเข้าใจได้ ซึ่งตัว Machine Learning นี้ก็สามารถที่จะเรียนรู้การแบ่งแยกเสียงที่ต้องการคล้ายสมองของเราได้เช่นกัน (ตอนนี้ทาง Google ได้นำหลักการนี้มาพัฒนา Google Recognize สำหรับ Google Assistant ตามที่เราเห็น)
ปัจจุบันได้มีการนำ Machine Learning มาปรับใช้เพื่อให้ตอบสนองความต้องการของคนมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น
❍ Spam Detection – คือการที่มันสามารถคัดแยก Email ได้ว่า Email ไหนเป็น Spam อันไหนเป็น Email ที่เราต้องการ
❍ Face Detection – เมื่อเราถ่ายรูปกับเพื่อนลง Facebook และมีกรอบสี่เหลี่ยมขึ้นล้อมรอบหน้าเพื่อนของเราเพื่อที่จะให้เรา tag
❍ Self Driving Car – รถมีเซนเซอร์ เชื่อมต่อกับ GPS และทำงานรวมกับ Software อัจฉริยะ ทำให้รถสามารถขับเคลื่อนได้ด้วยตัวมันเอง ไม่จำเป็นต้องมีคนขับ!
❍ Google Map – คุณสามารถสั่งให้มันช่วยค้นหาเส้นทางที่รวดเร็วที่สุด ไม่ต้องทนรถติดไปทำงานสาย
จะเห็นได้ว่า Machine Learning มีการเรียนรู้ และสามารถวิเคราะห์ได้เหมือนกับคนเลย แถมยังถึกกว่าคนมาก ด้วยความสามารถที่จะประมวลผลข้อมูลเป็นล้านๆ ข้อมูลได้ในเวลาที่รวดเร็วกว่าใช้กำลังคน และอย่างที่เราเห็น ตอนนี้ Machine Learning ก็เข้ามามีบทบาทในชีวิตของเรา เพื่อให้ชีวิตของเราสะดวกสบายขึ้น
ในอนาคต ML อาจจะพัฒนาไปถึงขั้นวินิจฉัยโรคแทนหมอ ตัดสินคดีแทนทนาย ไม่แน่อาจจะมีชุด Iron Man ออกมาวางขาย และคุณก็จะได้เป็น Iron Man คนที่ 2 ก็เป็นได้!
- 1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
