16 ม.ค. 2021 เวลา 12:00 • ประวัติศาสตร์
ฮิกันบานะ ดอกไม้แห่งความตาย ?
ภาพดอกฮิกันบานะ
ชื่อฮิกันบานะมีที่มาจากไหน ?
ชื่อฮิกันบานะมีที่มาจากการที่ดอกฮิกันบานะมักจะบานในช่วงวันศารทวิษุรัตในฤดูใบไม้ร่วง ในช่วงวันวสันตวิษุรัต และวันศารทวิษุรัต จะมีการฉลองวันหยุดยาวทางพุทธศาสนาของญี่ปุ่นเป็นเวลา 7วันเรียกว่าฮิกัน และบานะหมายถึงดอกไม้ จึงกลายเป็นฮิกันบานะ และนอกจากชื่อฮิกันบานะแล้วยังมีอีกชื่อคือ มันจูชาเงะ โดยดอกมันจูชาเงะถือเป็นดอกไม้แห่งสวรรค์ในศาสนาพุทธเชื่อว่าจะมีเรื่องน่ายินดีหรือเรื่องมงคลเกิดขึ้น
แล้วทำไมดอกฮิกันบานะถึงถูกเชื่อมโยงกับความตาย ?
ในหัวของดอกฮิกันบานะอุดมไปด้วยแป้ง ทำให้ในยามขาดแคลนอาหารคนญี่ปุ่นจะนำดอกฮิกันบานะมาทำอาหารกินกัน แต่ถึงจะนำมาทำอาหารได้ในหัวของฮิกันบานะก็มีพิษอยู่ถ้าล้างพิษออกไม่หมดก่อนนำมาทำอาหารจะส่งผลให้ท้องเสีย อาเจียน หรือร้ายแรงกว่านั้นก็จะเป็นอัมพาตและเสียชีวิตลงได้
นอกจากนี้คนญี่ปุ่นยังนิยมปลูกดอกฮิกังบานะไว้รอบๆหลุมศพ เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวตุ่นหรือสัตว์กินเนื้อต่างๆมาคุ้ย ทำลายหลุมศพ ทำให้เรามักเห็นภาพดอกฮิกันบานะอยู่คู่กับหลุมศพนั้นเอง
ตำนานของดอกฮิกันบานะ
มีตำนานกล่าวว่า manshu ผู้อารักษ์ขาดอก กับ saka ผู้อารักษ์ขาใบ เทพารักษ์สององค์นี้ได้ไปพบกับ ดอกฮิกันบานะและด้วยความงามของดอกฮิกันบานะนี้เองทำให้เทพารักษ์สององค์นี้ฝืนชะตามาดูแลดอกฮิกันบานะร่วมกัน (ตามกฎแล้วไม้ 1 ชนิดจะมีเทพารักษ์ได้แค่หนึ่งองค์เท่านั้น) และพอทั้งคู่ได้พบกันก็เกิดตกหลุมรักกันทันที เมื่อเรื่องถึงหูเทพีอามะเทาราสึ เทพีจึงได้แยกทั้งคู่ออกจากกันและสาปไม่ให้ทั้งสองได้พบเจอกันอีกตลอดกาล
และยังมีอีกความเชื่อหนึ่งที่ว่า ดอกฮิกันบานะจะบานที่ริมแม่น้ำซันสึ เป็นแม่น้ำที่กั้นระหว่างโลกคนเป็นกับปรภพ
แม่น้ำซันสึ
นอกจากนี้ดอกฮิกันบานะยังมีสีและความหมายต่างกันไปด้วยนะ
สีแดง
สีแดง = ความคลั่งไคล้ การกลับมาพบกันใหม่
สีเหลือง
สีเหลือง = การคิดถึงความหลัง
สีขาว
สีขาว = ความคิดถึง /เฝ้ารอที่จะกลับมาพบกัน
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก
youtube : mai'r mahou
จบแล้วนะครับสำหรับตำนานดอกฮิกันบานะ หากใครชอบก็กดไลค์ กดติดตาม เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้เขียนด้วยนะครับ 💮 ขอบคุณครับบบ
โฆษณา