Ford V Ferrari ภาพยนตร์ที่สะท้อนความจริงของโลกทุนนิยม และเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ผมประทับใจในบรรดาหนังขับรถแข่งรถ ถูกใจคนชอบรถอย่างเรา
Ford V Ferrari (2019)
ภายใต้ความสนุกความตื่นเต้นของเรื่องนี้ ความยอดเยี่ยมที่เหล่านักวิจารณ์หลงรัก คือการวิพากษ์วิจารณ์สังคมทุนนิยมของประเทศสหรัฐอเมริกาอย่างแนบเนียน เป็นกระจกสะท้อนชีวิตประจำวัน ที่คนจำนวนไม่น้อยในสังคมทุนนิยมต้องพบเจอในทุกวัน
เรื่องราวที่อ้างอิงมาจากเรื่องจริง ของ Ken Miles (เคน ไมลส์) รับบทโดย Christian Bale ยอดนักแข่งรถชาวอังกฤษที่มาแสวงหาโอกาสในสหรัฐอเมริกากับการแข่งรถในรายการ เลอ ม็องส์ 24 ชั่วโมง ในช่วงยุค 60's
เปิดเรื่องให้เห็นถึงภาพสะท้อนตัวตนความเป็นชนชั้นแรงงานของ เคน ไมลส์ อย่างเด่นชัด เขาคือนักแข่งที่มีฝีมือสุดร้ายกาจ ทำให้ผู้ชมเห็นว่านี่คือตัวละครที่ใช้ทักษะแรงงานแบบผู้ใช้แรงงาน (Blue Collar Worker) นอกจากนี้ยังวาง character ของเขาให้เป็นคนเอาแต่ใจ อีโก้สูง ไม่ประณีประนอมกับใครจนทำให้ผู้บริหารบริษัทรถยนต์ส่วนใหญ่ไม่ต้องการร่วมงานกับเขา คือภาพสะท้อนว่าในสายตาของชนชั้นนายทุน ไม่มีใครอยากร่วมงานกับชนชั้นแรงงาน แต่หลายครั้งที่ชนชั้นนายทุนเลือกที่จะจ้างชนชั้นเหล่านี้ก็เพราะพวกเขาสามารถสร้างผลประโยชน์มหาศาลให้กับตัวเองได้
ผมชอบทุกฉากที่มีการแข่งรถกัน ทำได้สมจริง เสียงเครื่องยนต์เร้าใจ อินมาก แต่ประเด็นที่หนังพยายามจะนำเสนออย่างน่าสนใจคือ การบอกว่าแนวคิด american dream ที่บอกว่ามนุษย์ทุกคนมีโอกาส มีสิทธิ์ประสบความสำเร็จ พบเจอกับความร่ำรวย ไม่มีอยู่จริงโดยเฉพาะกับชนชั้นแรงงาน
แม้บริษัท Ford จะถูกโปรโมทผ่านตัวอย่างภาพยนตร์เปรียบเหมือนบริษัทพระเอก ที่ต้องการจะเอาชนะ Ferrari แต่ความจริงที่ภาพยนตร์ฉาย Ford กลับกลายเป็นเหมือนบริษัทตัวร้ายของเรื่อง ที่ไม่มีความรู้ ความเข้าใจ และความรักในกีฬารถแม้แต่น้อย
สุดท้ายผู้ที่มีเงิน มีอำนาจอยู่ในมือ สามารถที่จะได้ครอบครองในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ต่อให้ไม่มีความรู้ หรือความเข้าใจในสิ่งนั้นก็ตาม
ขอบคุณข้อมูลจาก : mainstand.co.th
- 5
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
