14 ม.ค. 2021 เวลา 12:00 • บันเทิง
อีกไม่กี่นาทีนี้ Dr.Stone season 2 หรือ ภาค Stone war กำลังจะฉายแล้ว
เราซึ่งเป็น 1 ในผู้ที่ติดเรื่องนี้งอมแงม ก็อยากจะลองมาทำหน้าที่สายผลิตในด้าน Content กันดูบ้าง เพราะเชื่อว่าหลังจากได้ดูแล้ว หลาย ๆ คนคงมีความรู้สึกสนใจในเรื่องของวิทยาศาสตร์ที่อยู่มากขึ้น
ภาพจาก https://twitter.com/DrStone_EN
แน่นอนว่าแก่นของเรื่องคือการใช้วิทยาศาสตร์ แต่ว่าพ่อพระเอก "อิชิกามิ เซ็นคู" ของเราไม่ได้แค่หยิบวิทยาศาสตร์มาใช้เล่น ๆ หรือเพื่อเอาตัวรอดไปวัน ๆ แต่เขากลับมีจุดหมายจะนำ “อารยธรรม” กว่า 2 ล้านปีของมุนษย์ กลับมาด้วยวิทยาศาสตร์
ดังนั้นทุกคนคงจะเห็นกันอยู่ ว่าเจ้าหัวผักกาดของเราไม่ได้รู้แค่วิทยาศาสตร์เท่านั้น แต่ยังมีความรู้ด้านสังคม โดยเฉพาะประวัติศาสตร์ที่อัดแน่นไม่แพ้กันเลยค่ะ เราจึงอยากลองนำอารยธรรมกว่า 2 ล้านปีของมนุษย์ที่เซ็นคูจังตั้งใจจะนำกลับมา มาไล่เรียงให้ทุกคนได้เห็นความยิ่งใหญ่ตามที่เขาต้องการมาให้ทุกคนได้รับรู้กัน :)
เริ่มต้นเลย สิ่งที่อยากให้ทุกคนได้ทำความรู้จักกันก่อนคือคำว่า “อารยธรรม” นั่นเองค่ะ
อารยธรรม หรือ Civilization (n.) ใช่แล้วค่ะ คำเดียวกับ “ศิวิไล” ที่ประเทศของเราพูดถึงสิ่งที่ดูมีความเจริญนั่นเอง แต่ในความเป็นจริงแล้ว civilize (v.) ไม่ได้แปลว่าเจริญ ไปซะทีเดียวหรอกนะคะ
Nationalgeographic ได้ให้ความหมายของคำว่า Civilizations ไว้ว่า
"A civilization is a complex human society that may have certain characteristics of cultural and technological development."
หรือแปลได้ว่า “ลักษณะของสังคมมนุษย์ที่มีความซับซ้อน อาจมีลักษณะเฉพาะในด้านของวัฒนธรรมและเทคโนโลยี”
ในส่วนของ พจนานุกรม ฉบับ oxford ได้ให้ออกมาถึง 4 ความหมายด้วยกันค่ะ แต่เราจะขอยกที่มีความเกี่ยวข้องกับเนื้อหานี้หลัก ๆ มาเพียง 2 ความหมายนะคะ
1. a state of human society that is very developed and organized [สภาพสังคมมนุษย์ ที่มีการพัฒนาและจัดระเบียบอย่างมากแล้ว]
2. a society, its culture, and its way of life during a particular period of time or in a particular part of the world [สังคมที่มีวัฒนธรรมละวิถีชีวิต ในช่วงระยะเวลาหรือสถานที่หนึ่งของโลก]
ในไทยเอง พจนานุกรม ราชบัณฑิตยสถาน 2542 ก็ได้ให้ความหมาย เอาไว้ว่า
อารยธรรม (น.)
1.ความสงบสุขของสังคมที่ตั้งอยู่บนรากฐานแห่งศีลธรรม และกฎหมาย
2.ความเจริญเนื่องด้วยองค์การของสังคม เช่น การเมือง กฎหมาย เศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรม ความเจริญด้วยขนบธรรมเนียมอันดี.
ดังนั้นแล้วหากจะสรุปคำว่าอารยธรรมในฉบับของเราเองให้ทุกคนได้เข้าใจ เราจะแปลมันออกมาว่า “ความเจริญก้าวหน้าของมนุษย์ที่มีการพัฒนาระบบสังคมในการอยู่ร่วมกัน มีวัฒนธรรม ภูมิปัญญา ในการดำเนินวิถีชีวิตของสังคมนั้น ๆ ” นั่นเองค่า
จากความหมายข้างต้น เราจะเห็นได้ว่า อารยธรรมนั้นมีการอ้างอิงถึง “สังคมมนุษย์” ดังนั้นแล้วหากเราอยากรู้ว่าแต่ละสิ่งประดิษฐ์ของเซ็นคูจัง ได้อ้างอิงถึงอารยธรรมของมนุษย์ช่วงเวลาไหนบ้าง เราก็จำเป็นจะต้องเข้าใจ “ยุคสมัยทางประวัติศาสตร์” กันซะก่อนนั่นแหล่ะค่ะ
ตามที่เคยเรียนกันมาในระดับชั้นประถมปลาย หรือในบางโรงเรียนจะเป็นมัธยมต้น การแบ่งยุคสมัยทางประวัติศาสตร์นั้นออกได้เป็น 2 ยุคคือ “ยุคก่อนประวัติศาสตร์” และ “ยุคประวัติศาสตร์”นั่นเองค่ะ โดยเราจำแนกจากการ "ใช้ตัวอักษร” เป็นหลักนะคะ
แต่ถ้าหากจะให้ลงรายละเอียดทั้งหมดเนี่ย อาจจะยาวเกินไปจนอ่านไม่ไหว เอาไว้เราจะมาแบ่งเป็นอารยธรรมแต่ละพาร์ทให้ในคราวหน้านะคะ ครั้งนี้เอามาให้ตื่นเต้นแบบเจ้าโครมตอนฟังเซ็นคูเล่าให้ฟังแล้วกันนะคะ
อารยธรรมยุคก่อนประวัติศาสตร์ แบ่งออกเป็น 2 ช่วงใหญ่ ๆ คือ ยุคหินและยุคโลหะ และแบ่งตามช่วงย่อย ๆ ได้อีกดังนี้ค่ะ
ในช่วงยุคหินกลางและยุคหินใหม่มีช่วงที่เป็นคาบเกี่ยวกันสั้น ๆ บางอารยธรรมอาจะผสมกลมกลืนกันไปในยุคหินเก่าตอนปลาย ส่วนยุคโลหะเองเรายังหาช่วงเวลาที่แน่ชัดไม่ได้ เดี๋ยวไว้จะมาทำการอัพเดตให้นะคะ
ซึ่งอารยธรรมในยุคก่อนประวัติศาสตร์เนี่ย มีจุดเริ่มต้นมาจาก “ไฟ” และรู้จักการนำวัสดุธรรมชาติมาใช้ประโยชน์
หลังจากออกมาจากหินแล้ว สิ่งที่เซ็นคูจังตั้งใจทำให้ได้ในตอนแรกเลยคือการจุดไฟ โดยประยุกต์เอาสิ่งต่าง ๆ รอบตัวมา โดยการวาร์ปอารยธรรมจากหินเก่าตอนต้นมาตอนกลางอย่างรวดเร็วด้วยความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน
มนุษย์ในยุคนี้เริ่มมีการรวมกลุ่มกันสำหรับออกล่าหรือดำรงชีวิตแล้ว นั่นทำให้เกิดพิธี “ฝังศพ”ขึ้นมาตั้งแต่ยุคหินเก่าตอนต้นเลย ส่วนภูมิปัญญาอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากการดำรงชีวิตตามปัจจัย 4 จำพวกความเชื่อ การเย็บปัก การแกะสลัก ภาพวาดฝาผนัง หรือเครื่องมือที่ advance ขึ้นมาหน่อยอย่างฉมวกหรือหัวลูกศรเนี่ยจะเริ่มมามีในช่วงของยุคหินตอนปลายและพัฒนาขึ้นมาเรื่อย ๆ จนถึงยุคหินใหม่ที่มีการปฏิวัติเกษตรกรรมนั่นเองค่า
จากภูมิปัญญาต่าง ๆ ที่ปรากฎภายในเรื่อง คาดว่าหมู่บ้านอิชิกามิมีพัฒนาการมาจนถึงยุคหินใหม่หรือยุคปฏิวัติเกษตรกรรมแล้ว ดูได้จากความปราณีตของเครื่องมือต่าง ๆ การทำการประมง การถนอมอาหาร รวมไปถึงในเรื่องของความเชื่อในเรื่องของการมีมิโกะเป็นตัวแทนของเทพเจ้า (แม้หน้าที่หลักของรูริจะเป็นการส่งต่อนิทาน 100 เรื่อง แต่เราก็เห็นการพูดถึงเทพเจ้าและการคัดเลือกคู่ครองของมิโกะต่อหน้าเทพเจ้า)
พอมาถึงยุคโลหะ มนุษย์เราที่มีพื้นฐานของการอยู่ร่วมกันแล้ว ก็เริ่มเรียนรู้ที่จะมีการแบ่งหน้าที่ นำสัตว์มาใช้แรงงาน เกิดอาชีพต่าง ๆ กลุ่มชนชั้น กลายเป็นสังคมขนาดย่อม จนเกิดการประดิษฐ์ตัวอักษรขึ้นและกลายเป็นยุคประวัติศาสตร์ในที่สุด
อารยธรรมยุคประวัติศาสตร์ อย่างที่เราได้คุยกันมาก่อนหน้านี้นะคะ ว่าอารยธรรมยุคประวัติศาสตร์เนี่ยเริ่มต้นจากการ “ใช้” ตัวอักษรนะคะ เพราะหลายประเทศในปัจจุบันก็ยังคงไม่มีตัวอักษรเป็นของตนเอง แต่เราก็ไม่ได้เรียกเขาเป็นคนยุคก่อนประวัติศาสตร์แต่อย่างใดนะคะ XD
อย่างในหมู่บ้านอิชิกามินี่ เห็นได้ชัดว่ายังไม่มีการใช้ตัวอักษรแต่เป็นการวาดภาพแทน จึงนับได้ว่ายังเป็นยุคก่อนประวัติศาสตร์ได้ค่ะ
สำหรับอารยธรรมยุคประวัติศาสตร์นี่มีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด แล้วพัฒนาอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันกันเลยทีเดียว มีอะไรบ้างเราลองมาดูกันดีกว่าค่ะ
จะสังเกตได้ว่ายุคที่มนุษย์เกิดการพัฒนาอย่างรวดเร็วจะอยู่ในช่วงของยุคใหม่ที่มีการสำรวจและการปฏิวัติทางอารยธรรมเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก หรือกฌคือมนุษย์เริ่มทำความรู้จักกับวิทยาศาสตร์อย่างจริงจังนั่นเองค่
ในส่วนของรายละเอียดของยุคประวัติศาสตร์ เราจะค่อย ๆ มาเจาะลึกกัน ในส่วนของอารยธรรมแต่ละอย่างกันนะคะ จะพยายามหาสาระต่าง ๆ ที่ทำให้เห็นว่า “วิทยาศาสตร์” นั้นมหัศจรรย์ขนาดสามารถพัฒนา “อารยธรรม” ของมนุษย์การ มาอย่างยาวนานกว่า 2 ล้านปี ตั้งแต่ยังไม่ทันรู้จักชื่อกันเลยด้วยซ้ำ ขอฝากติดตามผลงานกันต่อไปด้วยนะคะ หากมีข้อสงสัย หรือแนะนำเพิ่มเติม สามารถคอมเมนท์คุยกันได้นะคะ
ปล.สำหรับคนที่เข้ามาเพราะ Content ของอารยธรรมโดยยังไม่รู้จักที่มาที่ไปของบล็อก เราขอฝากอนิเมะสนุก ได้สาระ และแรงบันดาลใจ เรื่อง Dr.Stone ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจทุกคนด้วยนะคะ SS1 ติดตามซับไทยถูกลิขสิทธิ์ได้ทาง iQIYI WeTV Netflix และพากย์ไทยที่ TrueID ส่วน SS2 ถูกลิขสิทธิ์ได้ทาง iQIYI ตั้งแต่วันที่ 14 มกราคม 64 เวลา 20.30 เป็นต้นไปทุกวันพฤหัส นะคะ
โฆษณา