14 ม.ค. 2021 เวลา 05:27 • กีฬา
The North Face Endurance Challenge Series California
(December 5th 2015, 50miles 2,800m+, bib 248, finished 12:01:15)
ถือเป็นบทความบันทึก และแชร์ประสบการณ์ใหม่ๆนะครับ มิใช่คำแนะนำจากยอดนักวิ่งแต่อย่างใด ข้อความนี้อยู่บนพื้นฐานของมนุษย์เงินเดือนวัยสี่สิบที่พอมีเวลาก็วิ่งๆไปเท่านั้น อ่านแล้วก็ฟังหูไว้หู อยากรู้ก็ต้องไปลองกันเอง
Sign up
ขั้นตอนนี้มีแรงบันดาลใจอย่างเดียวก็แทบจะทำได้แล้ว ประสบกการณ์จากการวิ่งมาราธอนหรือระยะอื่นๆมีประโยชน์บ้าง แต่ไม่จำเป็น ๕๐ไมล์หรือ๘๐ กิโลเมตรป็นระยะเกือบสองรอบของมาราธอนแบบเมืองๆ พื้นผิวกับความชันต่างกัน เกือบพูดได้ว่าเป็นกีฬาคนละประเภท ส่วนราคาค่างวดรายการนี้ก็ราวๆ๓,๐๐๐กว่าบาท และคงจะคล้ายๆกับรายการทั่วไปคือจ่ายเนิ่นๆจะถูกกว่า และใกล้วันเท่าไหร่ราคาจะขยับและก็จะปิดรับเมื่อเต็ม รายการที่นี่จะจัดอะไรต้องมีการขอใบอนุญาติ มีการกำหนดจำนวนคนที่เข้าร่วมเคร่งครัดเพราะเป็นการใช้พื้นที่สาธารณะ ปิดแล้วก็รอปีหน้าเลย นอกจากsign upแล้ว ถ้ามั่นใจก็จองโรงแรม ตั๋วเครื่องบิน รถ ฯลฯได้เลย ของพวกนี้ที่นี่ยกเลิกง่ายกว่าจองใกล้ๆ TNFนี้ถือเป็นรายการTrailที่ใหญ่และดีมาก ไม่ต้องqualifiedอะไรมาเลย สมัครทันก็ไปวิ่งได้ สรุปพอมีตังค์บ้างกับมีใจก็ sign upกันได้เลย
Training
๑ กฎข้อแรกคือไม่มีกฎ(ตายตัว) อย่าไปลอกใครมาทั้งดุ้น เปิดใจเปิดหูให้กว้าง ต่างคนต่างความฟิต ต่างตารางเวลา และต่างอื่นๆอีกมาย
๒ การวิ่งระยะนี้อาศัยร่างกายอย่างเดียวอาจไม่ถึงที่หมาย จิตใจเป็นตัวแปรสำคัญอย่างยิ่ง อาจจะไม่ถึงต้องค้นพบ Stillness in motion แต่ก็อาจเริ่มๆได้กลิ่นแล้ว
๓ หาข้อมูลศึกษา อย่าสุ่มสี่สุ่มห้าวิ่ง มันเป็นเรื่องวิทยาศาสตร์ ทั้งอุปกรณ์ พื้นผิวที่ซ้อม ท่าวิ่ง อาหารเครื่องดื่ม อื่นๆอีกมากมาย เรียกว่าค้นหากันไปตามอาการไม่มีที่สิ้นสุด
ส่วนตัวแล้วรายการนี้ โดยเฉพาะ หลังจากพอจะวิ่งได้ซัก๒๕ไมล์ต่อสัปดาห์แบบอยู่ตัวแล้ว ก็มีตารางสำหรับ๑๖สัปดาห์ เขียนแบ่งเป็นระยะ โดยรวมๆก็เป็นการเพิ่มระยะไม่เกิน๑๐เปอร์เซนต์ต่อสัปดาห์ มากสุดอยู่ที่๖๖ไมล์ต่อสัปดาห์ มีการวิ่งback-to-backระยะหลังๆ back-to-backนี้บางตำราว่าสำคัญมาก แต่บางตำราก็ว่าอาจเสี่ยงบาดเจ็บมากกว่ามีผลดีนั้น เอาเป็นว่าใครทำได้ก็ทำ หลักทั่วไปคือวิ่งสองวันติดให้ระยะได้เท่ากับระยะจริงที่วิ่ง วันที่สองมีความหมายสำคัญคือฝึกให้อดทนได้กับการวิ่งด้วยขาที่เดี้ยงๆ อย่าวิ่งจนลืมส่วนอื่นๆของร่างกาย ความฟิตโดยรวมช่วยชีวิตได้เมื่อขายอมแพ้ แต่ถ้าไม่มีเวลาก็ต้องให้น้ำหนักความสำคัญจากเท้าก่อน แล้วค่อยไล่ขึ้นไปถึงหัว
หัวนั้นไม่ต้องบริหารทางกายภาพนัก แต่สำคัญมากที่จะต้องโน้มน้าว ขืนใจ ประคบประหงม ฝึกฝนให้เป็นเจ้านายของร่างกาย การวิ่งแม้เพียงก้าวเดียวก็ไม่สามารถเกิดได้หากสมองไม่สั่ง ทีนี้๘๐กิโล ถ้าหนึ่งก้าวประมาณ๘๐ซม. ก็๑๐๐,๐๐๐ก้าว แค่นับเลขเฉยๆให้จบอาจต้องใช้เวลาเป็นสิบๆชั่วโมงหรือทั้งวัน(ไม่เชื่อลองดู) ย่ำอยู่กับที่๑๐๐,๐๐๐ครั้งก็ยังโคตรยาก ด้วยเหตุผลหลักคือเรารู้สึกว่ามันเสียเวลาน่าเบื่อและยาวนาน ยิ่งตอนวิ่งยังมาต้องต่อรองกับร่างกายที่ส่งสัญญาณปั่นป่วนโอดครวญมาเป็นระยะๆ ความรู้สึกพวกนี่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งความสดชื่นตอนเริ่มหรือความเจ็บปวดเมื่อยล้าที่ตามมาล้วนเป็นของจริง แต่ถ้าฝึกฝน เราจะต่อรองปฏิเสธยืดยื้อกับมันได้ วลีที่เค้าว่า run with your head หรือ It is a mind game นั้นน่าจะจริง
ท้ายสุดนี้อุปสรรค์ ต้องมีมากมาย ติดขัดอะไรตรงไหนก็เหมือนปัญหาอื่นๆ คือค่อยๆศึกษา ถาม อ่าน ทดลอง รักษากันตามอาการไปใจเย็นๆ การวิ่งระยะนี้ไม่มีทางลัด ต้องการเวลามากทั้งซ้อมและพักผ่อนแบบค่อยเป็นค่อยไป นอกจากจะช่วยให้การฝึกซ้อมไปในทิศทางที่ถูกต้องแล้ว การได้อ่านได้ดูได้ฟังก็สร้างแรงบัลดาลใจได้มหาศาล การวิ่งเป็นสิ่งที่ธรรมดาสามัญที่สุด แต่ก็มีรายละเอียดปลีกย่อยซับซ้อนมากมายให้ค้นหา และนั่นคือความสวยงามในตัวมันเอง คล้ายกับวลีของปราชญ์ท่านหนึ่งที่ว่า Simplicity is the ultimate sophistication
Pre-race
คืนก่อนวิ่งนี่ใครโชคดีไม่ต้องทำงานก็ดีไปนะครับ แต่ถ้าชีวิตปกติแถมต้องเดินทางนี่ก็เตรียมๆให้พร้อมในเรื่องอาหาร การตื่น และขับถ่าย บรรยากาศตีสี่ที่จุดสตาร์ทหนาวพอทน หัวใจสูบฉีดอย่างแรงที่จะได้ทาบรอยเท้ากับสุดยอดฝีเท้าระดับโลกจากทั่วโลก ซึ่งคิดว่าเห็นลางๆที่จุดออกตัวต้อนนี้แล้ว พอวิ่งไปแม้ฝุ่นก็คงไมได้เห็นอีกเลย พวกนี้เป็นคนกลุ่มน้อยมากๆ ชุมชนultraนั้นออกไปทางชิวๆ ฮิปๆซะมากกว่า เป็นสามัญชนมากๆ ผู้คนดูเป็นมิตร สุขุมลุ่มลึกแต่มีประกาย
Drop bags คือถุงที่ทางผู้จัดกำหนดให้เราสามารถหย่อนไว้ที่aid stationsได้ รายการนี้ให้สองถุงกับถุงที่เส้นชัยอีกจุด ใครจะเตรียมหยูกยา เสื้อผ้า อะไรก็แล้วแต่ต้องการ การจะดร๊อปอะไรที่ไหนควรเตรียมมาก่อนหน้านี้แล้ว ณ จุดนี้ก็แค่ยื่นให้เจ้าหน้าที่เท่านั้น
นาทีสุดท้ายก่อนวิ่งก็ไม่มีอะไรมาก ท่องจำและทำใจให้ตรงกับแผนที่วางมา ซึ่งต้องมีกันบ้างในการวิ่งระยะนี้ อาหารเครื่องดื่ม เวลา อุปกรณ์ จะทำอะไรเปลี่ยนตอนไหน คือมีคร่าวๆแต่ไม่ได้เป๊ะอะไรมาก ที่พยายามให้ขึ้นใจกว่าคือสามข้อหลักส่วนตัวประจำใจในการวิ่งซึ่งต้องได้ใช้แน่นอน
๑. Respect the distance อย่าวิ่งเร็วนักแก่แล้ว
๒. Expect the unknown ระยะทางที่ไกลเท่าไหร่ โอกาศที่จะเกิดสิ่งไม่คาดคิดก็มากตามนั้น
๓. Adjust things on the fly สติจงอยู่ ทุกอย่างปรับเปลี่ยนได้เสมอ
๔. Quitting is not an option
On-the-race
จุดออกตัวที่เป็นล๊อตๆไม่มีความหมายสำคัญอะไร ไม่สเหร่อไปอยู่แถวหน้ากับระดับโลกเป็นใช้ได้ วิ่งๆไปก็จะจัดกลุ่มคุ้นหน้าตากันไปเอง The string of lights อันเลื่องลือที่มาจากheadlamp ที่เรียงแถวยาวไปตามทางตัดกับความมืดสวยงามแปลกตาอย่างยิ่ง ๑๐ไมล์แรกบรรยากาศพาไป วิ่งเร็วเกินกว่าที่ควรมาก ไม่เจียมแล้วยังแอบคึกคิดว่าวันนี้อาจวิ่งจบเร็วกว่าที่คาดถึงสองชั่วโมง พอพระอาทิตย์ขึ้นก็เริ่มเห็นวิวสวยงามสมคำล่ำลือที่เป็นtrailระดับห้าดาว
วันนี้เป็นวันที่อากาศเย็นกำลังดีไม่มีฝน ซึ่งโชคดีมากสำหรับมือใหม่หัดวิ่ง แต่ก็ไม่วายมีเรื่องราวใหม่ๆให้สัมผัสเป็นระยะ ไมล์ที่๒๐ครับ ตะคริวมาเยี่ยม ก็ตกใจนะเพราะยังไม่ครึ่งทางเลย แต่ก็ตั้งสติพยายามผ่อนคลาย ทานน้ำทานเกลือเม็ด สักพักก็หายไป แต่ตลอดระยะที่วิ่งก็มีมาอีกเป็นครั้งคราว มีปวดข้อเท้า เจ็บฝ่าเท้า นิ้วเท้าเสียดสี ของพวกนี้มักไม่เกิดขึ้นตอนซ้อม แต่ก็ทำใจไว้แล้วว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ แต่ก็จะต้องแก้ไขได้เช่นกัน
พวกUltra runners เค้าจะมีประโยคซ้ำๆเวลาตอนมาเทียบจะแซงคนอื่นหรือถูกคนอื่นมาเทียบแซงคือ "good job" หรือ "good work" ซึ่งเราก็ไม่คุ้นไม่รู้จะโต้ตอบอะไรก็ยิ้มแหยๆไปตอนถูกแซง แต่ถ้าแซงเค้าก็รีบๆแซงไปเงียบๆ การวิ่งไปสักพักจะจัดกลุ่มคนหน้าซ้ำกันไปเอง คือบางคนเก่งขาขึ้น บางคนเก่งขาลง บางคนคงที่ขึ้นลงไม่ต่างกันก็มี สรุปเธอดูก้นฉัน ฉันดูก้นเธอสลับกันไป แล้วก็ไปเจอกันที่aid stationอยู่ดี
Aid stationsที่นี่อาหารเครื่องดื่มพร้อมมาก ถ้าไม่ใช่พวกเรื่องมาก รายการนี้วิ่งถือกระติกน้ำใบเดียวได้สบายมาก ส่วนตัวนั้นใช้บริการชิพกับเมาเทนดิว(คาเฟอีน)เป็นหลัก แล้วก็มีขนมปัง มันต้ม M&M และelectrolyte แซมๆมาบ้าง นอกนั้นก็ที่พกมาคือเกลือเม็ดและยาแก้ปวด ซึ่งได้ใช้หมดครับ
ไมล์กลางๆถึงท้ายก็ไม่มีอะไร เดี้ยงๆไปตามสภาพก็ต้องปรับผ่อนกันไปตามอาการ คอร์สนี้หินมากๆในแง่ของความชัน ชันขึ้นนั้นแทบวิ่งไม่ไหวอันนี้รู้อยู่แล้ว แต่ที่ไม่คาดคือชันลงที่เตรียมตัวมาดีนั้นก็ไม่ใช่วิ่งได้เสมอ และบันไดอย่างเยอะ ช่วงที่ชีวิตลำบากที่สุดเห็นจะเป็นเนินโคตรชันสองช่วงหลังไมล์ที่๔๐ ที่ทุกคนก็เดี้ยงกันทั่วหน้านั้น จุดสังเกตจุดนึงที่เราทำได้ดีคือการเดินเร็ว เพราะการเดินของคนซ้อมเดินมาจะต่างกันอย่างมากกับคนที่ถูกร่างกายและใจ บังคับให้ต้องเดิน อันนี้เน้นย้ำนิดนึงว่าการซ้อมเดินให้มีประสิทธิภาพมีความสำคัญและมีราย ละเอียดไม่น้อยไปกว่าการวิ่ง ซึ่งก็ทำให้๕ไมล์สุดท้ายนี่เฆี่ยนเลยครับ จำได้ว่าไม่ถูกใครแซงเลยจนถึงเส้นชัย ปล.เพราะเค้าแซงเราไปหมดแล้วก่อนหน้านี้ไง๕๕๕
Post-race
ใจจริงวิ่งเสร็จรับเหรียญแล้วก็อยากกลับโรงแรมไปอาบน้ำหาอะไรทาน แต่ดันต้องรอdrop bagsที่ยังมาไม่ถึงก็เลยโต๋เต๋รออยู่ สถานการณ์แบบนี้ก็ไม่มีอะไร ถ้าชอบหาเพื่อนใหม่หรือชิดแชทกับคนแปลกหน้าก็ดีไป แต่ถ้าไม่แล้วมาโซโลคนเดียวก็อาจจะโหลงเหลงนิดหน่อย เพราะเค้ามักมีเพื่อนมีครอบครัวมากันที่จุดนี้ ก็ไม่เป็นอุปสรรคมากมีอาหารให้ทานก็ทานไปแก้โดดเดี่ยว แล้วก็เดินวนๆเชียร์คนเข้าเส้น มีสาวคนนึงจำได้ว่าแซงเค้ามาที่ราวๆไมล์ที่๔๐ เห็นเค้าเดินกะเผลกๆใช้ไม้ค้ำอยู่ข้างหน้าลิบๆ พอจะแซงก็เห็นผ้าพันไว้ที่ขาก็ถามว่าเกิดอะไรขึ้น เค้าก็บอกว่าลมจนมีแผลต้องเย็บ แล้วแบบว่าไม้ค้ำเค้านี่คือเหมือนเก็บๆเอามาจากข้างทาง เค้าบอกว่าเค้าหวังว่าจะไปถึงก่อนcut off (๑๔ชม.) เราก็ดูนาฬิกาคำนวณจากสภาพแล้วนึกว่าผู้จัดปล่อยให้กระเผลกมาได้ไงฟระ แล้วอีกตั้งร่วม๑๐ไมล์ ไม่น่ารอด แต่ก็ตามมารยาทรีบตอบกลับไปว่าเรามีเวลาไปถึงแน่ ก็ที่ไหนได้เจอแกจริงๆที่เส้นชัย สุดยอด!
ใครอ่านมาถึงตรงนี้ก็ ขอบคุณมาก The North Face Endurance Challenge นั้นเป็นซีรี่ที่จัดขึ้นหลายที่ทั่วโลก และมีให้วิ่งหลายระยะ บางที่มีให้วิ่งถึง๑๐๐ไมล์ คอร์สที่ ออสเตรเลีย อิตาลี่ เปรู และชิลี น่าสนใจสวยงามและท้าทายอย่างมาก ใครสนใจก็ไปหาข้อมูลเพิ่มเติมกันได้ ส่วนใครจะวิ่งไกลต้องการcrew หรือpacer ก็ลองชิทแชทมาได้ หากน่าสนใจสถานที่เวลาเป็นใจก็ยินดีอย่างยิ่ง
โฆษณา