15 ม.ค. 2021 เวลา 07:37 • ประวัติศาสตร์
เล่าเรื่อง Omega Speedmaster กันต่ออีกสักหน่อย
...จากความเดิมตอนที่แล้วที่ Speedmaster อยู่ๆก็ได้ชื่อเล่นเป็น Moonwatch จากภารกิจเหยียบดวงจันทร์พร้อมยาน Apollo 11 บนข้อมือของ Buzz Aldrin...
ก็นึกสงสัยว่า แล้วต่อมานาฬิการุ่นนี้มีวิวัฒนาการอย่างไรต่อไป จนถึงปัจจุบันนี้ ก็ยังเป็นนาฬิกา Omega ยอดนิยม ที่ได้รับการกล่าวถึงกันมากที่สุดรุ่นหนึ่ง และรูปร่างก็มีการพยายามคงเอกลักษณ์เดิมอย่างต่อเนื่องยาวนาน
แรกเริ่มเติมทีนาฬิกา Omega Speedmaster นี้ ไม่ได้มีจุดประสงค์อะไรที่เกี่ยวข้องกับภารกิจอวกาศเลยแม้แต่น้อย ตามชื่อคือ มันถูกคิดและวางการตลาดออกมาเป็นนาฬิกาจับเวลา สำหรับกีฬาแข่งรถ
โดยได้มีการเปิดตัววางขายครั้งแรกในปี 1957 ในชื่อ Ref. CK 2915 ใช้กลไกการจับเวลารุ่น 321 ซึ่งพัฒนาต่อมาจากกลไก Lemania 2310 ที่ถูกคิดค้นขึ้นมาโดย Alber Piguet ตั้งแต่ปี 1946
(ซึ่ง Lemania นี้ เป็นชื่อของบริษัทผลิตกลไกนาฬิกาเก่าแก่ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1884 ทำกลไกนาฬิกาใส่ในนาฬิกาแบรนด์ต่างๆในสมัยนั้น และได้ควบรวมกับ Omega (และ Tissot) เป็น SSIH group)
1
Omega the First Speedmaster of them all 'CK 2915' ที่ผลิตขึ้นมาตั้งแต่ปี 1957 ก็ 64 ปีแล้วนะนี่ รูปจาก https://www.ablogtowatch.com/historical-omega-speedmaster-apollo-alaska-special-mission-watches/
สิ่งหนึ่งที่ทำให้ Speedmaster นี้ได้ออกไปนอกอวกาศ ไปถึงดวงจันทร์นั่นก็คือ กลไกที่นาฬิการุ่นนี้เลือกใช้ 'Caliber 321' ถูกคิดค้นมาเพื่อเป็นกลไกจับเวลา มีความเที่ยงตรง ทนทาน เมื่อรวมกับรูปทรงที่ลงตัว มีความสปอร์ต เลยทำให้นาฬิกาจับเวลารุ่นนี้ มีชื่อเสียงอย่างมากในสมัยนั้น
จะสังเกตว่า นาฬิกา Speedmaster รุ่นแรกนี้ จะมีเข็มเป็นทรงลูกศร ที่เรียกว่า 'Broad Arrow' ซึ่งเป็นเอกลักษณ์หนึ่งที่เห็นได้ชัด และเป็นครั้งแรกของนาฬิกาจับเวลาที่เอาวงจับความเร็ว (Tachymeter scale bezel) ไว้นอกตัวเรือน เป็นแบบสเตนเลสขัดวาว
Omega Caliber 321 movement https://en.wikipedia.org/wiki/Omega_Speedmaster
ต่อมาอีก 2 ปี Omega ก็ออก Speedmaster รุ่นที่ 2 Ref. CK 2998 ยังคงรูปร่างเคสและใช้เครื่อง 321 เหมือนเดิม แต่เปลี่ยนเข็มเป็น 'Alpha' design แทน Broad arrow และเปลี่ยน Tachymeter bezel เป็นขอบสีดำที่ยังคงเอกลักษณ์นี้จนถึงปัจจุบัน
Omega CK 2998 รูปจาก https://www.ablogtowatch.com/historical-omega-speedmaster-apollo-alaska-special-mission-watches/
เจ้า CK 2998 นี้ ยังได้รับชื่อเล่นว่าเป็น 'The First Omega in Space' อีกด้วย เนื่องจาก มีนักบินอวกาศที่สวมใส่เจ้า CK2998 นี้อยู่ก่อนแล้วตั้งแต่ปี 1962 คือ Walter M. Schirra และ Leroy G. Cooper โดยคุณ Schirra ได้ใส่ CK2998 นี้ ในภารกิจ Mercury Atlas 8 (Sigma 7) ในวันที่ 3 ตุลาคม 1962...2 ปีเต็มก่อนที่จะมีการหานาฬิกาเข้าร่วมภารกิจ Apollo
แต่อาจจะมีหลายคนที่นึกค้านในใจ นาฬิกาที่ขึ้นไปบนอวกาศเป็นครั้งแรก ก็น่าจะอยู่บนข้อมือของนักบินอวกาศคนแรกของโลกมากกว่านะ ซึ่งเขาก็คือ Yuri Gagarin แห่งสหภาพโซเวียต ในวันที่ 12 เมษายน 1961
ในเรื่องนี้มีข้อมูลเกี่ยวกับนาฬิกาของคุณ Gagarin ไม่มากนัก แต่จากข้อมูลแวดล้อมคาดว่า เขาน่าจะใส่นาฬิกาโซเวียต แบรนด์ Sturmanskie ซึ่งไม่มีขายทั่วไป แต่ใช้เฉพาะทางการทหารเท่านั้น เลยไม่มีใครนำจุดนี้เป็นจุดขายของแบรนด์...เสร็จ Omega ไปอีกครั้ง
แล้วก็มาถึงเจเนอเรชั่นที่ 3 ของ Speedmaster ที่เป็นรุ่นที่ถูกส่งไปทดสอบในภารกิจ Apollo Ref. ST 105.003 ซึ่งทางตัวแทนจำหน่าย Omega ในอเมริกาเหนือ ได้รับการร้องขอให้ส่งนาฬิกาข้อมือจับเวลารุ่นหนึ่งให้ NASA โดยที่ไม่รู้ว่าจะเอาไปทำอะไร ซึ่งตอนนั้นก็อาจจะไม่ได้คิดอะไรด้วยซ้ำ เพราะไม่ได้แจ้งให้กับสำนักงานใหญ่ที่ Biel สวิตเซอร์แลนด์เลยด้วยซ้ำ
Omega Speedmaster Ref. ST 105.003 รูปจาก https://www.ablogtowatch.com/historical-omega-speedmaster-apollo-alaska-special-mission-watches/
สำหรับเรื่องราวการหานาฬิกาเพื่อภารกิจเหยียบดวงจันทร์ อ่านต่อได้ที่นี่นะครับ
พอ Omega Speedmaster ได้กลายเป็นนาฬิกาที่ NASA Officially Certified ก่อนที่ Buzz Aldrin จะใส่นาฬิกานี้ออกไปเหยียบดวงจันทร์แล้ว แล้วได้ขนานนาม Moonwatch นั้น
ในวันที่ 3 มิถุนายน 1965 นักบินอวกาศ Edward White ก็ใส่นาฬิการุ่นนี้ออกไปทำงานกลางห้วงอวกาศ เลยได้ขนานนามชื่อเล่นอีกชื่อว่า Spacewalk หรือ America's First EVA (Extra-vehicular activity) ระหว่างภารกิจ Gemini 4...พอเข้าไป NASA ได้แล้ว นักบินอวกาศ (รวมถึงเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดิน) ก็น่าจะต้องใส่ Speedmaster รุ่นนี้กันอย่างแพร่หลายเลยเนอะครับ Omega น่าจะส่งนาฬิกาให้ทุกๆคนได้ใส่ เลยได้มีโอกาสมีส่วนร่วมในหลายๆกิจกรรมของ NASA ไว้มาบันทึกเป็นประวัติศาสตร์แล้วก็เป็นจุดโฆษณาขายของแบรนด์ไปเลย
บนข้อมือซ้ายของ Edward White นั่นคือ Omega Speedmaster Ref. ST105.003 รูปจาก https://en.wikipedia.org/wiki/Omega_Speedmaster
เมื่อ Omega ได้รับ NASA Certified แล้ว ก็ได้ไปปรับปรุง Ref. ST 105.003 โดยมีการเพิ่มความหนาของ crown guard รอบๆปุ่มจับเวลา และเม็ดมะยม เกิดเป็นเจเนอเรชั่นที่ 4 Ref. ST 105.012 วางขายในปี 1965 พร้อมกับเพิ่มคำว่า 'PROFESSIONAL' ลงไปบนหน้าปัดใต้คำว่า Speedmaster อีกด้วย
Omega Speedmaster Ref. ST 105.012 เจเนอเรชั่นที่ 4 รูปจาก https://www.ablogtowatch.com/historical-omega-speedmaster-apollo-alaska-special-mission-watches/
ถ้าใครเคยชมภาพยนตร์เรื่อง Apollo 13 คงจะพอจำฉากที่นักบินอวกาศ Jack Swigert (นำแสดงโดย Kevin Bacon) ใช้นาฬิกา Omega Speedmaster เพื่อจับเวลาการจุดระเบิดเชื้อเพลิงเป็นเวลา 14 วินาทีเป๊ะๆ ตามที่คำนวณได้ เพื่อนำยาน Lunar module ที่มีปัญหาเรื่องระบบไฟฟ้ากลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศของโลก ซึ่งเป็นอีกหนึ่งบทบาทของนาฬิกา Omega Speedmaster ในฐานะระบบสำรองเวลาของภารกิจในอวกาศ ที่เหล่านักบินอวกาศได้ใช้งานจริง และเกี่ยวเนื่องกับชีวิตของทุกคนในยานอวกาศ
...และอีกเช่นกัน ในจุดนี้ก็เป็นอีกจุดของประวัติศาสตร์ในอวกาศที่ Omega ใช้เป็นจุดทำการตลาดเพื่อขายนาฬิกามาได้อีกกว่าครึ่งศตวรรษ
Jack Swigert พร้อมนาฬิกา Omega Speedmaster บนแขนซ้ายก่อนปล่อยยาน Apollo 13 รูปจาก https://en.wikipedia.org/wiki/Omega_Speedmaster
จนในปี 1967 Ref. ST 145.012 ถือเป็นรุ่นสุดท้ายของ Speedmaster ที่ใช้ Caliber 321 และได้ถูกนำไปในใช้ในโครงการ Apollo จนถึง Apollo 17
จนมาถึงจุดเปลี่ยน ที่ Omega Speedmaster ได้เปลี่ยนเครื่องที่ใช้มาอย่างยาวนานกว่า 10 ปี โดยมีการพัฒนาให้มีความทนทานมากขึ้น และมีจังหวะการเดินที่เรียบมากขึ้นด้วยการเพิ่มความถี่จาก 18,000 bph (5 Hz) เป็น 21,600 bph (6 Hz) และเปลี่ยน Column wheel เป็นระบบ Shuttle cam ซึ่งทำให้สามารถลดต้นทุนการผลิตลงได้ด้วย กลไกรุ่นใหม่นี้ ได้ถูกใช้เป็นกลไกพื้นฐานต่อเนื่องมายาวนานจนถึงปี 2019 (ยาวนานกว่า 50 ปี) นั่นคือ กลไก 861 และเริ่มถูกนำมาใช้ใน Omega Speedmaster ST 145.022
Caliber 861 รูปจาก https://www.ablogtowatch.com/historical-omega-speedmaster-apollo-alaska-special-mission-watches/2/
วันที่ 17 ธันวาคม 1972 Eugene Cernan ในภารกิจ Apollo 17 ได้ลงเหยียบดวงจันทร์ พร้อมนาฬิกา Omega Speedmaster บนแขนข้างซ้าย และเป็นอีกครั้งที่นาฬิกา Omega ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์สำรวจดวงจันทร์ เพราะนี่เป็นครั้งสุดท้ายที่มีมนุษย์ได้เหยียบลงบนพื้นผิวดวงจันทร์...ไม่พลาดจริงๆเลยนะ Omega
Eugene Cerman พร้อม Omega Speedmaster ที่ใกล้ๆข้อศอกซ้าย รูปจาก https://www.ablogtowatch.com/historical-omega-speedmaster-apollo-alaska-special-mission-watches/2/
Omega ก็ยังคงตั้งหน้าตาขาย...และพัฒนา Speedmaster โดยใช้จุดขายความเป็น Moonwatch พ่วงร่วมด้วย มาตลอดระยะเวลากว่า 60 ปี จากที่พัฒนากลไกจาก Caliber 321 เป็น Caliber 861 และมีการต่อยอดเพิ่มเติมโดยเปลี่ยน plate เป็น Rhodium แล้วตั้งชื่อใหม่เป็น Caliber 1861 และมีการขัดแต่งให้สวยงามมากขึ้น และเปลือยหลังนาฬิกาโชว์เครื่องในกลไก Caliber 1863 หรือใส่ฟังก์ชั่นวันที่และข้างขึ้นข้างแรมเพิ่มขึ้นแล้วทำเป็นรุ่นที่ใส่กลไก Caliber 1866
Omega Speedmaster 1866 พร้อมฟังก์ชั่นวันที่ และ moonphase ที่เป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ที่ไม่มีใน Moonwatch รุ่นอื่น รูปจาก https://www.shutterstock.com/g/jeafish
ฝาหลังทำจากกระจก Sapphire กันรอยขีดข่วน พร้อมโชว์เครื่องไขลานที่มีการขัดแต่งอย่างสวยงามใน Omega Moonwatch 1863/1866 รูปจาก https://www.shutterstock.com/g/jeafish
จนถึงปัจจุบัน ล่าสุดได้ใช้ Co-axial escapement และ Silicon balance spring แล้วตั้งชื่อกลไกว่า Caliber 3861 จนได้เกียรติบัตรประกาศความเที่ยงตรงระดับ Master Chronometer จากสถาบัน METAS และต้านทานสนามแม่เหล็กได้เท่าๆกลไกรุ่นพี่ๆ ที่ 15,000 Gauss
แต่รูปลักษณ์ภายนอกของ Omega Speedmaster 'Moonwatch' นี้ ก็ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อ 60 ปีก่อน เป็นหนึ่งในนาฬิกาที่มีความโดดเด่นทั้งในแง่ประวัติศาสตร์ ความเป็นเอกลักษณ์ กลไกที่เที่ยงตรงทนทานเชื่อถือได้ ที่ใครๆที่พูดถึงนาฬิกา Omega คงต้องเป็นรุ่นแรกๆที่คนต้องนึกถึง
โฆษณา