14 ม.ค. 2021 เวลา 06:25 • กีฬา
Kodiak 50, Big Bear, CA
(September 16th 2016, 50miles 2,500m+, bib 511, finished 15:40:00)
Pre Race
Kodiak 50นี้เป็นรายการultraที่จัดขึ้นที่Big Bear, California มีระยะให้เลือกวิ่งหลากหลายตั้งแต่50k, 50mi, จนถึง100mi เส้นทางเต็ม100miคือการวิ่งหนึ่งรอบตามเข็มนาฬิกาบนภูเขาที่โอบล้อมBig Bear Lake โดยที่จุดเริ่มและเส้นชัยเป็นจุดเดียวกัน เรียกรูปแบบนี้ว่าloop ส่วนระยะที่วิ่ง50miนี้ใช้เส้นทางครึ่งหลังของระยะ100mi รูปแบบนี้เรียกว่าpoint-to-point ความสูงของตลอดเส้นทางวิ่งก็อยู่ที่6,000-10,000ฟุตเหนือระดับน้ำทะเล และมีelevation gainที่8,300ฟุต(ขึ้นดอยอินทนนท์โดยประมาณ) เรียกว่าครบเครื่องทั้งความสูงและความชัน
*ปล.ที่ตั้งสูงไม่เสมอไปว่าทางวิ่งจะชัน ทางวิ่งชันไม่เสมอไปว่าจะตั้งอยู่ที่สูง นึกภาพง่ายๆคือ ถ้าชันความเดี้ยงจะอยู่ที่ขา ถ้าสูงอากาศเบาบางหัวใจกับปอดจะทำงานหนัก
รายการนี้ถือเป็นรายการใหม่มาก เพิ่งเริ่มเมื่อปี2013 จะเรียกว่าเป็นรายการundergroundอยู่ก็ว่าได้ เพราะเท่าที่รู้คือคนร่วมไม่เยอะ ข้อมูลมีให้หาไม่มาก เวปก็ดูห่วย เรียกว่าsign upไปตายเอาดาปหน้า แถมcut offสำหรับ50miนี่ 18ชม. ถือว่าเยอะมากแบบน่ากลัว ที่เคยวิ่งมาระยะนี้2ครั้งล้วนเป็นรายการsold out และมีcut offที่14ชม.ซึ่งก็โหดร้ายพอสมควรแล้ว และKodiak50นี้มีcourse recordชายที่8ชม.44นาที เอาข้อมูลที่มีมายำๆกันแปลได้เป็นสองอย่างคือ หนึ่ง.คอร์สโหดหิน สอง.เจ้าของrecordนี้ไม่โปรมาก ส่วนตัวคิดเอียงไปทางข้อแรก และจากตัวเลขของcourse recordก็คาดหมายว่าอาจเป็นครั้งแรกที่จะเข้าสู่ห้วง15ชม.บวกๆซึ่งยังไม่เคยแม้แต่จะจินตนาการไปถึง
ปล.รายการที่ดีมีมาตรฐานจะคิดคำนวณcut off timeของแต่ละระยะทางด้วยวิธีที่ถูกต้องเป็นกลางและคลอบคลุม จึงน่าจะเป็นตัวหนึ่งที่ชี้ความยากง่ายเพื่อให้เราเตรียมตัวได้เหมาะสม ทั้งนี้ตัวเลขที่ดีไม่ควรเป็นตัวเลขที่เร่งรัดเกิน(คนวิ่งไม่จบเยอะ) หรือเผื่อมากเกิน(เตรียมตัวงงๆ, การจัดการที่aid stationทำให้ดีได้ยาก, วิ่งเสร็จต้องรอdrop bagกันนานเกิน)
Race Days
ศุกร์ทำงานครึ่งวัน บ่ายสองเริ่มออกเดินทางจากLos Angeles ระยะทางราว100ไมล์ ขึ้นเขาราวๆ1/3 ปกติใช้เวลา 2ชม.ก็เหลือเฟือ เอาเข้าจริงเจอบททดสอบแรก การจราจรติดนรก ใช้เวลา4ชม.กว่าจะถึง ก็ใช้เวลาระหว่างรถติดให้เป็นประโยชน์ด้วยการกินมะละกอและมะม่วงไปอย่างละลูกเพื่อหวังให้เป็นยาระบายในตอนเช้า เข้าที่พักที่บ้านญาติที่อยู่ที่นี่ก็ถือเป็นทริปเยี่ยมเยือนกันไปด้วยเลย ก็สั้นๆครับสำหรับคืนนี้คือรีบกินรีบนอนรีบตื่น "ไม่รีบวิ่ง"
เต็มอิ่ม(มาก)นอนไป5ชม.ตื่นตี4 ระยะ50miนี้เริ่มเช้าวันเสาร์6:30 คือไปเริ่มตรงครึ่งทางของ100mi ที่ออกตัวไปก่อนหน้านี้แล้ว ทางผู้จัดมีรถออกจากเมือง(Finish line)ไปดร๊อบที่จุดstart รอบสุดท้ายจะออก5:30 พอถึงเวลามีประกาศดีเลย์ ก็ไม่เป็นไรคอยไปได้ซักพัก บททดสอบที่สองถูกส่งมาจากเบื้องบน เป็นอาการของข้าศึกตอนเช้ากระที่สองโจมตี โอวววยาระบายออกฤทธิ์ช้าสินะ วิ่งไปหาห้องน้ำคือหมายความว่าถ้ารถมาอาจตกขบวนไม่ได้ไปวิ่ง บวกลบคูณหารทนเสียงเรียกร้องจากร่างกายไม่ไหว วิ่งหาห้องน้ำรีบจัดการธุระ กลับมาโล่งใจคนยังคอยอยู่ แต่ที่ไม่โล่งคือการที่จะต้องวิ่งวันนี้ทั้งวันด้วยความรู้สึกของบั้นท้ายที่ไม่เนียนนัก(เรื่องใหญ่นะ)
ถึงจุดstartก็เฉียดฉิวเลยครับ อีก5นาทีจะ6:30 อากาศช่วงนี้ของปีตามพยากรณ์คือsunny 75-40f ซึ่งเช้าตรู่นี่หนาวเอาเรื่องอยู่ กะดูคร่าวๆจุดstart 50miนี้น่าจะมีเพื่อนร่วมชะตากรรมราวๆแค่40-50คน
การออกตัว: Respect the distance ออกแนวอนุรักษ์นิยมคือพยายามช้า แต่ต้องมองหากลุ่มเกาะไว้บ้าง การวิ่งtrailยาวๆที่เพื่อนร่วมทางไม่เยอะมีข้อเสียที่ควรระวังอย่างยิ่งคือการหลงทาง แม้ผู้จัดจะมีmarkerบอกทางแต่การเห็นผู้คนเป็นระยะๆ "เธอแซงฉัน ฉันแซงเธอ" เป็นsafetyที่ดีที่สุด ทีนี้พอคนไม่เยอะนี่ก็คือการกระจายpaceใครpaceมัน เกิดความวังเวงว่างเปล่าและอาจจบท้ายด้วยความน่ากลัว อันนี้ให้ไว้เป็นข้อคิดสำหรับใครที่เลือกรายการจะวิ่ง ถ้าคิดว่าระยะทางพื้นผิวความชันท้าทายไม่พอ จำนวนคนวิ่งก็เป็นอีกfactorนึงครับ
หลงทางนัมเบอร์วัน: แต่หัววัน น่าจะซักราวๆไมล์ที่13 การหลงครั้งนี้มีคนอยู่ในระยะสายตาลิบๆซักสิบกว่าคนได้ เป็นทางตรงยาวมาก เราก็เนิบๆตามไปเรื่อยๆ สักพักคนใกล้เริ่มหยุด คนไกลๆเริ่มวิ่งกลับ เราก็เริ่มจะถึงบางอ้อ บททดสอบที่สามถูกส่งมา มีค่าใช้จ่ายราวๆไมล์ครึ่ง
เจอคนไทย: กลับตัวกลับใจกันได้แล้วก็ดมๆก้นตามกันไปใหม่ มีคนมาสปีกอิงแลนด์ ทักทายกันสองสามคำเค้าก็ถามว่า"เป็นคนไทยรึเปล่าครับ" (สำเนียงกรูนี่คงเหมือนนักการเมืองไทยพูดฝาหรั่งสินะ?) คุยถูกคอกันไปหลายไมล์ทีเดียว Benโตที่เชียงใหม่เรียนนานาชาติ พูดไทยได้ดีทีเดียว มาวิ่ง50miครั้งแรก เป็นคนอัธยาศรัยดีงามแบบไทยๆ วิ่งด้วยกันจนถึงSugarloaf aid station เบนก็ออกตัวหายลับไป
Sugarloaf: จุดนี้เป็นaid stationใหญ่ ก่อนที่จะต้องขึ้นเขาไปและกลับมาที่เดิมอีกรอบ รูปแบบOut & Backนี้มักถูกแทรกมาด้วยเหตุผลต่างๆกันเช่นเพื่อความท้าทาย เพื่อให้ได้ระยะรวม ฯลฯ และเท่าที่เจอมาส่วนมากคือจุดที่ยากลำบาก Out & Backจุดนี้ออกไปจนสุดแล้วเป็นแค่check pointที่จุดสูงสุด คือขึ้นไปชัน6ไมล์ไปเช็คชื่อ ไม่มีน้ำเติม สรุปรวม12ไมล์ไป-กลับนี้ต้องเตรียมน้ำเตรียมอาหารให้พอ จริงๆไอ้12ไมล์เนี่ยถ้ามันไม่สาหัสมากก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตนะ แต่นี่คือประกอบกับเวลาเที่ยงร้อนโคตรๆ ทางโคตรมหาชัน พื้นผิวโคตรมหาหิน(ต้องขอบอกว่าช่วงนี้Rocky Mountainแท้ๆยังชิดซ้าย) ขึ้นนี่เดินแทบล้วนๆ ลงก็เดินล้วนๆอีกเหมือนกันแหละ แค่ออกแรงน้อยกว่าขึ้นแต่เข่าก็รับไปเต็มๆ สุดท้ายก็หลุดออกมาที่Sugarloafอีกรอบแบบทุลักทุเล ไม่นับหลงทางจุดนี่ตามcourseคือ31ไมล์แล้ว
หลงทางนัมเบอร์ทู: หลังจากSugarloafนี่ก็เหลือระยะอีก19ไมล์ก็ไกลอยู่ แต่ตามprofileคือไม่โหดมาก แค่มีstretchนึงเป็นทางลงยาว4ไมล์กว่าไม่ชันนัก ซึ่งจริงๆแล้วเป็นสวรรค์สำหรับนักวิ่งส่วนใหญ่เช่นMara Maraเป็นสาวชาวultraที่ผลัดกันนำมาตั้งแต่หัววัน เริ่มจำได้ครั้งแรกเพราะหลงทางด้วยกัน ด้วยความที่มีpaceใกล้กันก็เลยเจอกันบ่อยขึ้นเลยคุยกันไปเรื่อยทุกครั้งที่เจอ แต่พอถึงทางลงยาวนี้สภาพเข่าเดี้ยงอย่างผมก็ได้แต่แค่ไถๆไปเรื่อยๆปล่อยให้Maraเริ่มทิ้งระยะและท้ายสุดคลาดสายตาไปอย่างจำยอม ทำให้ช่วงนี้ไม่มีใครเลยอยู่ในสายตาทั้งหน้าหลังราวเกือบชั่วโมง จนไปเจอ"Pedro"ซึ่งน่าจะทำให้ดีใจ แต่ทิศทางที่Pedroเดินมานี่สิครับ แทบทำให้อยากจะร้องไห้แต่แรกพบเลยทีเดียว โอวววบททดสอบที่สี่สินะพระเจ้า ครับPedroเดินสวนทางมา แล้วกรูหลงมาไกลแค่ไหนแล้วเนี่ย? หยุดสนทนากับPedroพักใหญ่ ยืนยันกับPedroไปว่าเพิ่งผ่านmarkerมาเองไม่น่าหลง Pedroบอกว่าเค้าตรงไปแล้วจนเจอทางแยกไม่มีmarker ไม่มีคน ไม่มีรอยเท้า(เก๋าหว่ะ ท่าจะเรียนลูกเสือมา)คิดว่าหลงเลยเดินย้อนมา แต่ก็ไม่รู้ทำไมเราสองคนตัดสินใจเดินไปที่ทางแยกที่ว่านั้นอีกที คงจะเพื่อให้แน่ใจว่าหลงสินะ? โง่จัง เพราะควรที่จะย้อนไปดูmarkerที่เพิ่งผ่านมาซึ่งใกล้กว่ากันมากกว่า พอถึงจุดยืนยันว่าหลงแน่ก็เดินคอตกย้อนขึ้นมาเรื่อยๆจนเห็นทางแยกออกไปเป็นtrailเล็กๆที่มีmarkerเล็กมาก วิ่งทางกว้างๆมาเพลินๆมันง่ายมากที่จะพลาด ณ จุดนี้เดาๆว่าห่างจากเส้นชัยประมาณ 7-8ไมล์(การหลงสองทีนี่Garminกับcourseมันไม่ตรงกันแล้ว) ซึ่งปัญหาใหญ่คือมันมืดแล้วครับพี่น้อง นี่sign upมาวิ่งแค่50mi ไม่ได้อยากจะมาลิ้มลองบรรยากาศ100kหรือ100miนะเฟร้ย เสื้อjacketและheadlampก็ไม่ได้หยิบมาจากSugarloaf เพราะไม่คิดว่าจะต้องใช้ เป็นความผิดพลาดที่ใหญ่หลวงและเป็นบทเรียนสำคัญยิ่ง
Pedro: Pedro Castroชื่อเต็มและเป็นสหายร่วมชะตากรรมที่ไม่รู้ว่าจะตอบแทนบุญคุณกันได้ไง Pedroมีไฟฉายเล็กอันนึงที่เราสองคนพึ่งพาไปตลอดทางที่เหลือที่ด้านหนึ่งเป็นภูเขาอีกด้านหนึ่งคือร่องเขา ซึ่งการลื่นล้มสะดุดหินเล็กๆสักก้อนอาจชี้เป็นชี้ตายกันได้เลยทีเดียว ป่าที่หนาวมืดและวังเวงเป็นประสบการณ์ให้หวนคิดถึงข้อผิดพลาดที่ผ่านมาทั้งวัน จุดนี้คือจุดต่ำสุดที่เคยเจอมาในการวิ่ง ในเวลาเดียวกันก็เป็นความโชคดีสูงสุดที่ยังมีเพื่อนร่วมชะตากรรมอย่างPedro เดินถอดใจคุยกันไปหลายชั่วโมงจนหลุดออกมาจากtrail จนเริ่มเห็นแสงไฟริบๆเสียงเชียร์แว่วๆ Pedroบอกว่าอย่างน้อยเขาขอวิ่งสักนิดตอนเข้าเส้นชัยนะ "Go for it, I’ll be right behind you" สี่ทุ่มสิบนาที ราตรีสวัสดิ์ครับ
Post Race
นอกเหนือจากmarkerที่อยากให้ชัดเจนกว่านี้ คอร์สนี้ก็จัดได้ดีเยี่ยมทีเดียว aid stationมีอาหารครบและพร้อม อาสาสมัครดีเยี่ยม วิวสวยมากๆ คาดว่าหากมีการโปรโมทให้คนมาร่วมมากกว่านี้ ทุกอย่างจะพัฒนาขึ้นมาเอง และข้อมูลคำวิจารณ์บนเวปไซด์ต่างๆจะมีให้หาให้อ่านมากขึ้นตามไปด้วย แต่ตอนนี้ขอเรียกว่ายังเป็นรายการที่ค่อนไปในทางundergroundอยู่ และส่วนตัวนี่คือคอร์สที่ยากที่สุดที่เคยวิ่งมา
ปล.ผลทางการยังไม่ออก ยังไม่มีอารมณ์ดูGarmin ตัวเลขและชื่อคนในที่นี่อาจมีความคลาดเคลื่อนไปบ้าง จึงเรียนไว้เพื่อทราบ
ขอขอบคุณ: พี่ตู่สำหรับที่พักพิง คุณอ๊อดสำหรับกล้วยอบ เพื่อนร่วมทางBen, Mara, และPedro ผู้อ่านและผู้ให้กำลังใจทุกท่าน
โฆษณา