14 ม.ค. 2021 เวลา 09:11 • กีฬา
เลบรอน เจมส์, โรแบร์โต บาจโจ และภาพยนตร์ไทยเรื่องฮาวทูทิ้ง...
โดย นักเดินทางจากท่าแพ และ วิธพล เจาะจิตต์
6
รอบชิงชนะเลิศ NBA ปี 2011 เป็นรอบชิงฯ ที่ เลบรอน เจมส์ หนึ่งในนักบาสเกตบอลที่ดีสุดเท่าที่โลกเคยมีมา อยากลืมเลือนไปจากความทรงจำ จริงอยู่ที่เจมส์นั้นพ่ายแพ้ในรอบชิงลีกบาสเกตบอลที่ดีที่สุดในโลกมาหลายครั้ง แต่คงไม่มีครั้งใดที่จะเจ็บปวดกว่าครั้งนี้
2
ทำไมหรือครับ...ย้อนไปในช่วงก่อนปิดฤดูกาล 2009-2010 เจมส์ผิดหวังจากการที่คลีฟแลนด์ คาวาเลียส์ ทีมที่เขาเล่นให้มาตั้งแต่เริ่มอาชีพ ไม่สามารถฝ่าฟันเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศมาหลายปี โดยในนัดสุดท้ายที่ทีมพ่ายต่อบอสตัน เซลติกส์นั้น เจมส์เดินก้มหน้าเข้าอุโมงค์ทางเดินไปห้องแต่งตัวพลางถอดเสื้อแข่งคาวาเลียส์ออก นักข่าวหลายสำนักตีความปฏิกิริยาของเจมส์ว่า นี่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะลงแข่งในยูนิฟอร์มของทีมที่ดราฟต์เขาเข้าสู่ลีกแล้ว
1
และคำทำนายเหล่านั้นก็เป็นจริงในช่วงปิดฤดูกาล เมื่อเจมส์ประกาศออกสื่อที่มีการถ่ายทำอย่างเป็นเรื่องเป็นราว และเป็นที่รู้จักกันในชื่อ เดอะ ดีซิชัน (The Decision) ว่าเขาจะย้ายไปร่วมทีมไมอามี ฮีท ลงแข่งเคียงข้างเพื่อนซี้ทีมชาติ ดเวย์น เวด และ คริส บอช เพื่อสร้างบิ๊กทรีอันไร้เทียมทานที่ทำให้ฮีทกลายเป็นเต็งแชมป์ในทันที การออกสื่อครั้งนั้นสร้างความผิดหวังให้กับแฟนคาวาเลียส์อย่างรุนแรงถึงขั้นออกมาเผาเสื้อแข่งของเจมส์และไม่ยอมเผาผีคนทรยศคนนี้
1
การประกาศในครั้งนั้นไม่ได้ยั่วโทสะแค่แฟนพันธุ์แท้ของคาวาเลียส์ แต่ยังกระทบความรู้สึกนักบาสเกตบอลหลายคนโดยเฉพาะผู้ที่มีค่านิยมว่า ความสำเร็จที่แท้จริงต้องเกิดจากการชนะเลิศร่วมกับทีมที่เริ่มเล่นมาทีมเดียวเท่านั้น ดังที่เทพเจ้าบาสเกตบอลอย่าง ไมเคิล จอร์แดน กับ แลร์รี เบิร์ด แสดงให้เห็น เฉกเช่นเดียวกับที่ สเตฟ เคอร์รี พาวอร์ริเออร์ส คว้าแชมป์ในปี 2015 อีกหนึ่งในนักบาสเกตบอลที่ไม่ชอบวิธีทางลัดสู่ความสำเร็จแบบที่เจมส์กำลังทำก็คือ เดิร์ก โนวิตซกี ฟอร์เวิร์ดชาวเยอรมันของดัลลัส มาเวอริกส์
แล้วในนัดชิงฯ ปี 20111 มาเวอริกส์ก็โคจรมาปะทะกับฮีทพอดิบพอดี สุดท้ายกลายเป็นโนวิตซกีที่สมหวังพาทีมของเขาเถลิงแชมป์ หลังหมดเวลาของเกมที่ 6 ภาพของโนวิตซกี ขุนศึกบาสเกตบอลสูงกว่า 2 เมตร ผิวขาวซีด หน้าตาออกแนวมนุษย์น้ำแข็งไร้ความรู้สึก กลับมีน้ำตาแห่งความยินดีเอ่อล้นสองตา เป็นภาพประวัติศาสตร์ที่จะอยู่ในความทรงจำของแฟนมาเวอริกส์ตลอดไป ความสมหวังสูงสุดของโนวิตซกี สวนทางกับความผิดหวังอย่างเหลือประมาณของเจมส์ และสิ่งที่เขาอาจจะไม่พูดออกมาแต่รับรู้ได้คือ ความสะใจของแฟนคาวาเลียส์และแฟนทีมอื่นตลอดจนคนในวงการที่ไม่ชื่นชอบวิถีทางลัดที่เขากำลังทำ...และไม่สำเร็จสมดังหวัง... นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมเจมส์ถึงอยากทิ้งความทรงจำในครั้งนี้ไป
1
ย้อนไปในวันที่ 17 กรกฎาคม ปี 1994 ที่สนามโรส โบวล์ ศึกฟุตบอลโลกนัดชิงชนะเลิศระหว่างอิตาลีและบราซิล กลายเป็นนัดชิงฯ ครั้งแรกที่ไม่มีประตูเกิดขึ้นทั้งช่วงเวลาปกติและช่วงต่อเวลาพิเศษ และก็เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่แชมป์ฟุตบอลโลกต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ
หลังจาก ดานิเอเล มาสซาโร กองหน้าอิตาลี ผู้ที่เพิ่งทำ 2 ประตูในนัดชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกมาไม่นาน ยิงพลาด และ คาร์ลอส ดุงกา กัปตันทีมชาติบราซิลยิงเข้าไปให้บราซิลขึ้นนำ 3-2 คนสุดท้ายของอิตาลีที่จะยิงจุดโทษ คือ โรแบร์โต บาจโจ ซึ่งหากเขาพลาดอิตาลีจะแพ้ทันที ทุกก้าวเดินไปยิงจุดโทษของเขาหนักอึ้งด้วยความกดดันของเกม ความหวังของเพื่อนร่วมทีมและคนในชาติที่โถมทับอยู่เต็มสองบ่า...
บาจโจถูกวางตัวไว้ยิงจุดโทษเป็นคนสุดท้ายของอิตาลี เนื่องจากเป็นคนที่มีชื่อเสียงเรื่องความแน่นอนในการยิง และฟอร์มการเล่นอันโดดเด่นในเวลาคับขัน เขาแสดงให้เห็นสิ่งเหล่านี้มาโดยตลอดตั้งแต่แจ้งเกิดเป็นโกลเดน บอยของทีมอัสซูรีช่วงฟุตบอลโลกปี 1990 เมื่อประกอบกับการที่เขาเป็นคนนิ่ง ลุ่มลึก ควบคุมอารมณ์ได้ดี แถมยังดำเนินชีวิตอย่างมีสติตามวิถีศาสนาพุทธ ทำให้เขาน่าเชื่อถือและเป็นที่ฝากความหวังของเพื่อนร่วมทีมและโค้ชเสมอมา
ในวันนั้น ห้วงเวลาที่นักเตะแดนแซมบ้าวิ่งฉลองชัย กระโดดโลดเต้นไปทั่วสนาม ใบหน้าฉาบรอยยิ้มกว้างของเปเล่วีรบุรุษฟุตบอลบราซิลลอยอยู่บนอัฒจันทร์ โค้ชและเจ้าหน้าที่ทีมบราซิลกอดคอร่ำไห้ ธงชาติบราซิลโบกสะบัดไปทั้งสนามโรส โบวล์ บาจโจยังคงยืนนิ่งอยู่บริเวณจุดโทษ คอตก ก้มหน้ามองพื้นสนาม ไม่กี่วินาทีก่อนหน้านั้นลูกยิงจุดโทษของเขาลอยข้ามคานออกไป ความพ่ายแพ้ของอิตาลีจึงมาพร้อมกันกับการเป็นแชมป์ฟุตบอลโลกปี 1994 ของบราซิล
ถ้าคุณเป็นบาจโจ ในห้วงเวลานั้น คุณจะเลือกเก็บความทรงจำนี้ไว้ หรือจะทิ้งมันไปดีครับ...
ช่วงปลายปี 2019 ที่ Covid-19 เริ่มระบาดและอยู่ในเรดาร์ของรัฐบาลหลายๆ ประเทศ มีภาพยนตร์ไทยอยู่เรื่องหนึ่ง ซึ่งในความเห็นส่วนตัวเป็นหนังที่ดีมากในหลายแง่มุม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความตั้งใจในการถ่ายทอด และข้อคิดเจือความปรารถนาดี ทว่าสะท้อนความจริงของชีวิตจิตใจได้ในรูปแบบตีแสกหน้าความรู้สึกของคนจำนวนไม่น้อย โดยนิยามส่วนตัว หนังดีของผมคือหนังที่ได้ทั้งมุมมอง ความคิดที่ทำให้เราได้กลับไปสำรวจ ศึกษา และทำความเข้าใจกับตัวเองและผู้อื่นได้ดีขึ้น ซึ่งหนังเรื่องนี้ก็เป็นกระจกชั้นดีถึงดีมากเลยครับ
ไม่น่าเชื่อว่า เรื่องราวของหญิงสาวที่กลับมาจากการใช้ชีวิตต่างประเทศ และต้องการจะปรับปรุงบ้านเพื่อทำเป็นสำนักงาน จะเป็นจุดเริ่มของการสำรวจชีวิตจิตใจได้ลึกซึ้งขนาดนี้ ผ่านแนวคิดของการ “ทิ้ง” ของที่ไม่ต้องการในอดีต เพื่อเปิดพื้นที่ให้ของจำเป็นสำหรับอนาคต
1
สำหรับบางคน การทิ้งสิ่งของที่เชื่อมโยงกับประสบการณ์ที่ไม่ดี เป็นสิ่งจำเป็นต้องทำ เพื่อให้ตัวเองไม่ต้องไประลึกถึงสิ่งไม่ดีที่เกิดขึ้นในชีวิต แต่สำหรับบางคน กลับยึดโยงตนเองกับสิ่งนั้น ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลว่าต้องการเตือนใจ หรือยังเห็นสิ่งดีงามในประสบการณ์อันเลวร้ายในอดีต
สำหรับบางคน ของบางสิ่งที่ได้รับมาอาจไม่มีค่าเมื่อเวลาผ่านไป เพราะไม่เห็นว่าจะได้ใช้ประโยชน์จากของสิ่งนั้นอย่างไร แต่บางครั้งของชิ้นนั้นอาจจะมีคุณค่าต่อคนให้มากกว่าเสียอีก เพราะเป็นสิ่งของที่ส่งมอบด้วยความปรารถนาดี อยากให้ผู้รับมีความสุข และคัดสรรด้วยความตั้งใจ คนมักจะมองข้ามเรื่องนี้ ตราบจนได้ประสบกับตัวเองว่าของที่เราให้ไป ไม่เป็นที่ต้องการ ถูกเอามาคืน จึงจะเข้าใจความรู้สึกของ “ผู้ให้ที่ด้อยค่า” ผ่านการคืนของนั้นเอง
1
หลายคนไม่ทะนุถนอมความสัมพันธ์ที่ดีในอดีต เพราะอาจไม่มีประโยชน์ต่อตนเองในอนาคต คนจำนวนไม่น้อยทำสิ่งผิดพลาดแล้วกล่าวคำขอโทษออกมาก็เพื่อตนเอง แต่ไม่เคยจะคิดถามผู้ถูกกระทำเลยว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง
4
สิ่งที่ดีมากๆ เกี่ยวกับหนังเรื่องนี้อีกอย่างคือ การถ่ายทอดได้อย่างธรรมชาติ สะท้อนบางอย่างที่เราพบเห็นในชีวิตประจำวัน แต่อาจมองข้ามไป โดยเฉพาะคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต แม้จะเป็นคนประเภทเดียวกันแต่ความคิดก็ต่างกันลิบลับ คนรับซื้อของเก่าที่คนทิ้ง บางคนตีมูลค่าอ้างอิงกับน้ำหนัก ก็เพราะของเหล่านั้นไม่มีค่าในมุมอื่น ในขณะที่คนรับซื้อของเก่าบางคน ตีมูลค่าตามคุณค่าในด้านอื่นอย่างลึกซึ้ง แต่ไม่มีคนรับซื้อของเก่าคนใดจะสามารถตีมูลค่าของแต่ละชิ้นในมุมของความสำคัญทางจิตใจได้เลย
หนังกล่าวถึงเรื่องเทคนิคการทิ้ง หรือกำจัดสิ่งที่ไม่ต้องการออกจากชีวิต เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ดูแล้วยิ่งใหญ่กว่า หลายคนก็ทำอย่างนั้นด้วยเหตุผลที่อาจจะแตกต่างกันออกไป หลายคนประสบความสำเร็จในการทิ้งของทั้งหมดไป...สถานที่สะอาดตาอย่างที่ใจหวัง...และพบว่าใจก็ว่างเปล่าอย่างที่ไม่เคยคิดมาก่อน...หรืออาจจะพบว่า จริงๆ แล้วก็ไม่สามารถทิ้งความทรงจำหรือประสบการณ์เกี่ยวกับสิ่งของนั้นๆ ได้เลย
ส่วนอีกหลายคนกลับคิดว่า สิ่งของ ประสบการณ์ ความสัมพันธ์ ผู้คน สถานที่ และความทรงจำในอดีต เป็นสิ่งที่สร้างตัวเราในปัจจุบัน เราเพียงแต่หยิบมาใช้ให้เกิดประโยชน์และมีคุณค่าในการพัฒนาจิตใจ ทุกอย่างก็จะมีค่าขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยคิดมาก่อนเลย...
ในปี 2012 เจมส์ได้แชมป์ NBA เป็นครั้งแรกในชีวิตกับฮีท และปีถัดมาก็รักษาแชมป์ไว้ได้อีก ระหว่างปี 2011-2020 เจมส์เข้าถึงรอบชิงฯ 9 หน กลับมาพาคลีฟแลนด์เป็นแชมป์ในปี 2016 ลบภาพคนทรยศในใจแฟนทีมคาวาเลียส์แบบหมดจด และในปี 2020 ยังพาแอลเอ เลเกอร์ส เป็นแชมป์อีกครั้ง เขากลายเป็นนักกีฬาที่พาทีมสามทีมเป็นแชมป์ และทุกๆ แชมป์เจมส์ได้รับเลือกเป็นผู้เล่นทรงคุณค่าทุกครั้ง
2
บาจโจยังคงเล่นทีมชาติต่อไปอีก 10 ปี เป็นนักฟุตบอลทีมชาติคนเดียวที่ทำประตูได้ในฟุตบอลโลก 3 ทัวร์นาเมนต์ และทำประตูรวมในฟุตบอลโลกสูงสุดร่วมกับ เปาโล รอสซี และ คริสเตียน วิเอรี หลังจากแขวนสตั๊ดไปแล้ว 6 ปี ในปี 2010 เขาได้รางวัล Man of Peace จาก Nobel Peace Prize Laureates จากความทุ่มเททำงานในด้านสิทธิมนุษยชน
#เลบรอนเจมส์ #โรแบร์โตบาจโจ #บาส #บาสเกตบอล #ฮาวทูทิ้ง #บอลไทย #เล่นเป็นเรื่อง #PlayNowThailand
อัพเดตข่าวสารกีฬาก่อนใคร
พร้อมมีของรางวัลพิเศษให้ร่วมสนุกกันเป็นประจำ
ร่วมไลค์ ร่วมแชร์ Play Now Thailand 🇹🇭
ฝากติดตาม https://www.youtube.com/c/KhelNowThailand

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา