14 ม.ค. 2021 เวลา 23:46 • ท่องเที่ยว
"ตะรุเตา" .. จากนรกแห่งอันดามัน สู่แดนดินถิ่นฝัน แห่งแดนใต้
สรรพสิ่งในโลกล้วนเป็นไปตามกฎแห่งอนิจจัง และแปรเปลี่ยนไปตามกาลเวลา ... เกาะตะรุเตา แห่ง จ.สตูล ก็เป็นเฉกเช่นเดียวกัน
กระแสธารแห่งกาลเวลาได้เปลี่ยนแปลงเกาะนี้จากดินแดนอันน่าหวาดหวั่นครั่นคร้ามให้กลายเป็นดินแดนสวรรค์ เกาะในฝันของผู้หลงใหลความงดงามแห่งท้องทะเล
ตะรุเตา นรกแห่งอันดามัน
ทะเลบริเวณเกาะตะรุเตา-ลังกาวีในช่วงศตวรรษที่ 1 ถือเป็นเส้นทางเดินเรือข้ามมหาสมุทรอันสำคัญที่ชาวฮินดูพวกแรกใช้เป็นอพยพจากอินเดียผ่านมาทางพม่าและไทย ไปอินโดนีเซีย ... ถือเป็นเกาะอาถรรพ์ที่หากใครหาญกล้าเข้าไปในป่าที่เขียวชอุ่มที่มีอยู่แน่นหนาบนเกาะ จะไม่ได้กลับออกมาอีก ส่วนผู้ที่อาศัยอยู่ตามอ่าวๆต่างของเกาะนี้ จะตกเป็นเหยื่อของความหนาวเย็น การจับไข้ อาการเพ้อ หรือแม้กระทั่งความตาย!?!
เมื่อ พ.ศ. 2479 รัฐบาลในยุคนั้นได้เลือกเกาะตะรุเราให้เป็นนิคมฝึกอาชีพและกักขังนักโทษคดีอุจฉกรรจ์ในลักษณะทัณฑสถานธรรมชาติ หรือเรียกง่ายว่า “คุกเปิด” ที่ตั้งอยู่กลางทะเลลึก โอบล้อมไปด้วยผืนน้ำคลื่นลมอันแปรปรวน ซึ่งใครที่คิดจะหนีจากเกาะแห่งนี้หากรอดพ้นจากวิถีกระสุนของผู้คุมไปได้ ก็ยังต้องไปเผชิญกับปลาฉลามและจระเข้ และความโหดร้ายของท้องทะเล
พ.ศ. 2481 นักโทษคดีร้ายแรงชุดแรก 500 คน ถูกส่งมายังตะรุเตา ก่อนจะทยอยส่งเพิ่มมาเรื่อยๆ จนมีจำนวนถึง 3,000 คน ... หลังจากนั้น พ.ศ. 2482 รัฐบาลได้ส่งนักโทษการเมืองจากเหตุการณ์กบฏบวรเดชและกบฏนายสิบมากักบริเวณไว้ที่ อ่าวตะโละอุดัง อีก 70 คน
พ.ศ. 2484 เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ขึ้น เกาะตะรุเตาถูกตัดขาดจากแผ่นดินใหญ่ ทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนอาหาร ยา และเครื่องใช้ต่างๆ ทำให้คนบนเกาะอดอยากและเจ็บป่วยล้มตายกันไปเป็นจำนวนมาก ผู้คุมและนักโทษส่วนหนึ่งจึงเปลี่ยนมาเป็นโจรสลัดเข้าปล้นสะดมเรือบรรทุกสินค้าทั้งของชาวไทยและต่างชาติในน่านน้ำช่องแคบมะละกาที่แล่นผ่านไป-มา
พ.ศ. 2491 วันที่ 15 มีนาคม เรือรบอังกฤษกับทหารจำนวน 300 คน บุกเกาะตะรุเตาและเข้าจับกุมกวาดล้างเหล่าโจรสลัดที่มีขุนอภิพัฒน์สุรทัณฑ์ตั้งตนเป็นหัวหน้า พร้อมๆกับยกเลิกนิคมฝึกอาชีพนักโทษ นับเป็นการปิดฉากตำนานนรกแห่งตะรุเตาไปโดยปริยาย
หลังจากที่ถูกทิ้งร้างอยู่กลางทะเลยาวนานถึง 26 ปี ...
วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2517 กรมป่าไม้ในยุคนั้นประกาศจัดตั้งหมู่เกาะตะรุเตาและหมู่เกาะใกล้เคียง ขึ้นเป็นอุทยานแห่งชาติตะรุเตา นับเป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเลแห่งแรกของเมืองไทย และเป็นจุดเริ่มตำนานบทใหม่ของตะรุเตาให้ถือกำเนิดขึ้นอีกครั้ง ...
เกาะตะรุเตา .. เป็นเกาะใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะตะรุเตา เป็นตำนานแห่งเกาะสวรรค์กลางอันดามันอันมีความสวยงามพิสุทธิ์จนได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโกในปี พ.ศ. 2525 ให้เป็นมรดกแห่งอาเซียน
ที่นี่เป็นที่ตั้งของที่ทำการอุทยานแห่งชาติตะรุเตาและศูนย์บริการนักท่องเที่ยว มีอ่าวพันเตมะละกาทอดยาวขาวสะอาดอยู่หน้าเกาะ ... หาดแห่งนี้ถือเป็นจุดชมอาทิตย์อัสดงที่งามมาก แต่มีบางจุดที่ทางอุทยานฯติดป้ายประกาศไว้ว่า ห้ามเล่นน้ำโดยเด็ดขาด เพราะแม้จะมองจากเบื้องบนเห็นเป็นน้ำตื้น แต่ว่าจริงๆแล้วเป็นร่องน้ำวนที่เกิดจากแม่น้ำ 2 สายมาบรรจบกัน ใครที่ไปเล่นตรงจุดต้องห้ามนั้นจะโดนน้ำวนดูดทันที พลังดูดของน้ำนั้นแรงขนาดทำเอาเรือล่มมาหลายลำแล้ว
“อ่าวสน” เป็นอ่าวที่มีรูปโค้งมีหาดทรายสลับกับหาดหินซึ่งข้อมูลของอุทยานฯระบุว่า หินที่นี่มีอายุมากถึงราว 700 ล้านปีทีเดียว
นอกจากอ่าวพันเตมะละกาบนเกาะตะรุเตายังมีอ่าวตะโละวาว ซึ่งเป็นที่ตั้งของนิคมฝึกอาชีพและคุมขังนักโทษเมื่อครั้งอดีต
สำหรับคนที่อยากรู้เรื่องราวความเป็นมาของตำนานนรกแห่งตะรุเตาอย่างละเอียดก็ไปชมได้ที่พิพิธภัณฑ์ใกล้ๆกับที่ทำการ และเพื่อความเป็นสิริมงคลควรไปสักการะอนุสาวรีย์รัชกาลที่ 5 และเจ้าพ่อตะรุเตา(ใช้ธูป 9 ดอก) ที่อยู่บริเวณสวนหน้าอ่าวพันเตมะละกา
เสน่ห์ความงามของทะเลตะรุเตา ... อยู่ที่ความเป็นเลิศของท้องทะเลไทย ที่มากไปด้วยธรรมชาติของ น้ำใส ฟ้าสวย แดดจ้า คลื่นจาง มีลมบางๆโชยพัดปะทะหน้า ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกาะเล็กเกาะน้อยหลายเกาะต่างมีลักษณะของธรรมชาติเฉพาะตัวให้สัมผัสกันอย่างอิ่มตาจุใจ
... จึงเป็นความงดงามพิสุทธิ์ ความสุนทรีย์ตลอดเวลาที่เราได้มาเยือนอีกครั้ง
เกาะไข่
เกาะไข่ ... เป็นเกาะเล็กๆ หน้าหาดมีหาดทรายยาวขาวเนียนทอดตัวไปสู่ ซุ้มประตูหินธรรมชาติ ที่ทอดตัวโค้งจรดพื้น ท่ามกลางหาดทรายขาวนวล ที่ดูแข็งแกร่งแต่แฝงความอ่อนน้อมอยู่ในที
ซุ้มประตูหินแห่งนี้ ถูกยกให้เป็นสัญลักษณ์แห่งตะรุเตาและสัญลักษณ์ของจังหวัดสตูล
ใครบางคนบอกว่า ... หากควงคู่มาเดินลอดซุ้มประตูแห่งนี้แล้ว ความรักจะสมหวังยั่งยืน ในบางช่วงเวลาของการเยือนเกาะไข่ จึงอาจจะเห็นหลายๆคู่ ไปยืนกุมมือกันถ่ายรูปคู่กับซุ้มประตูหินโค้งแห่งนี้เป็นประจำ
ในอดีตเกาะแห่งนี้เคยเป็นที่วางไข่ของเต่าทะเลจำนวนมากคนจึงเรียกขานกันว่าเกาะไข่ แต่ปัจจุบันมีแต่นักท่องเที่ยวไปเยือนเกาะแห่งนี้จำนวนมาก เราจึงไม่เห็นทั้งเต่าและไข่
*******************
เที่ยวทั่วไทย ไปกับ พี่สุ
ท่องเที่ยวทั่วโลก กับพี่สุ
ซีรีย์เที่ยวเจาะลึก ประเทศนอร์เวย์
Iceland ดินแดนแห่งน้ำแข็งและเปลวไฟ
Lifestyle & อาหารการกิน แบบพี่สุ
สถานีความสุข by Supawan
โฆษณา