15 ม.ค. 2021 เวลา 01:17 • หนังสือ
📖 รีวิวหนังสือ the everything store – จากร้านขายหนังสือออนไลน์ที่เปลี่ยนโลกไปโดยสิ้นเชิง! 📖 Part 1
The everything store 📦
Jeff Bezos and the Age of Amazon
เขียนโดย Brad Stone
เมื่อพูดถึงเว็ปไซต์หรือบริษัท Amazon.com คงมีน้อยคนที่จะไม่รู้จักใช่มั้ยครับ?
Amazon.com น่าจะขึ้นชื่อได้ว่าเป็นเว็ปไซต์ที่ทำธุรกิจด้าน e-commerce ที่ใหญ่ที่สุดและก็เป็นเหมือนเจ้าแรก ๆ ที่โด่งดังขึ้นมา หลาย ๆ คนคงทราบครับว่า Amazon.com ก่อตั้งโดย Jeff Bezos ซึ่งช่วงก่อนหน้านี้ตั้งแต่ปี 2018 -2020 เค้าขึ้นแท่นเป็นบุคคลที่รวยที่สุดในโลกนะครับจากการที่มูลค่าของบริษัท Amazon พุ่งขึ้นมาอย่างสูงปรี๊ด ชนิดที่ไม่แคร์สถานการณ์ COVID-19 เลย (แถมยังช่วยหนุน) เพิ่งจะเมื่อไม่กี่สัปดาห์มานี้เองที่ Jeff Bezos เสียตำแหน่งบุคคลที่รวยที่สุดในโลกให้กับ.....ถ้าให้ลองเดาก็ไม่น่าจะยากเท่าไหร่ครับ Elon Musk เจ้าพ่อเทคโนโลยีแห่ง Tesla นั่นเองครับ...
ยังไงก็ตามครับ Amazon ก็เรียกได้ว่าเป็นบริษัทที่น่าทึ่งมาก ๆ โดยเฉพาะหลักการคิดในการสร้างบริษัท การบริหารงานแล้วก็การตัดสินใจหลาย ๆ อย่างของตัว Jeff Bezos
โดย Amazon นี่เค้าเริ่มต้นมาจากการเป็นร้านขายหนังสือออนไลน์ (Online Bookstore) โดยมีลักษณะคล้าย ๆ กับ start-up บริษัทอื่น ๆ ที่โด่งดังมากในปัจจุบัน อย่างเช่น Apple, Google, Facebook ครับ คือเค้าเริ่มตั้งบริษัทกันง่าย ๆ ในโรงรถที่บ้านเลยครับ ด้วยคน 2-3 คน ดูง่ายมากเลยเนอะ แต่การจะผ่านมาถึงจุดนั้นมาได้มันไม่มีหรอกครับคำว่าง่าย เราลองไปดูกันครับว่า Amazon นี่ก้าวมาถึงจุดนี้ได้ยังไง แล้วตัว Jeff Bezos มีหลักการคิดอย่างไรถึงนำพาบริษัทเติบโตแบบก้าวกระโดดมาได้ถึงปัจจุบันนี้จนขึ้นแท่นแห่งการเป็น “the everything store”
……………..
“The Book of Bezos”
อย่างที่เล่าไว้ข้างต้นครับ ตัว Jeff ก่อตั้งบริษัทโดยตั้งใจจะขายหนังสือออนไลน์ในโรงรถโดยให้ภรรยาพร้อมกับเพื่อนอีกคนนึงมาช่วยในช่วงแรก ถามว่าแล้วอยู่ดี ๆ Jeff คิดยังไงถึงอยากมาขายหนังสือออนไลน์?
Jeff Bezos เรียนจบมาก็ทำงานเป็นพนักงานบริษัทเหมือนคนส่วนใหญ่ เรา ๆ ท่านๆ นี่แหละครับ โดยเค้าทำเกี่ยวกับบริษัทกองทุนเฮดจ์ฟันด์ แล้วเมื่อประมาณปี 1994 ครับที่อินเตอร์เน็ตเริ่มแพร่หลายและเติบโตอย่างรวดเร็วที่อเมริกา (โตประมาณ 2,300 เท่าในเวลานั้น!) Jeff นั้นสนใจอย่างมากเกี่ยวกับอินเตอร์เน็ตและมองหาโอกาสที่เกิดขึ้นจากการเข้ามามีบทบาทของอินเตอร์เน็ต โดยเค้ามองว่า เห้ย ! ไอเจ้าอินเตอร์เน็ตเนี่ยแหละจะเข้ามาเปลี่ยนโลก เป็นไงครับวิสัยทัศน์ของเค้าตอนนั้น ต้องบอกว่าสุดมาก เรียกได้ว่าเค้าอ่านขาดดดดด!
ซึ่งตอน Jeff ยังทำงานประจำที่บริษัทเค้าก็เคยได้คุยกับหัวหน้าเค้าในเรื่องนี้ว่าจะหาโอกาสอะไรได้บ้างจากการบูมของอินเตอร์เน็ตในยุคนั้น ซึ่งเค้าเคยพูดถึงคำว่า “everything store” กับหัวหน้าเค้าตอนนั้นไว้ แต่หลังจากตัวเค้ามาศึกษามากขึ้นเค้าเลยมาคิดว่า เฮ้อ... มันคงจะยากที่จะเริ่มทำร้านออนไลน์ที่ขายทุกอย่างเลยตั้งแต่แรก เค้าเลยมานั่งคิดครับว่าแล้วเอ้...จะขายอะไรดี สุดท้ายเค้าลงเอยที่หนังสือครับ
ตรงนี้อยากเล่าต่อนิดนึงให้เห็นว่า Jeff เค้าคิดยังไงถึงเลือกหนังสือมาขายก่อนครับ เค้าบอกมีอยู่ 2-3 อย่างที่หนังสือน่าจะเวิร์ค
1. ข้อแรกคือหนังสือมันเป็นของที่เหมือนกันหมดครับ ไม่ว่าจะขายจากที่ไหนครับมันจะเหมือนกันแน่นอนเป๊ะ ๆ (ไม่นับแบบส่งมาแล้วมันเยินนะครับ 😓) คือคนซื้อจะรู้แน่ ๆ ครับว่าเค้าสั่งหนังสือเล่มเนี่ยไป เค้าก็จะได้หนังสืออันนี้แหละ มันจะแตกต่างจากสินค้าประเภทอื่น สมมติเช่น เสื้อผ้า หรือ รองเท้า เพราะสินค้าพวกนี้มันมีคุณภาพการตัดเย็บต่างกัน แถมมีสี ไซส์ รูปแบบต่าง ๆ มากมาย ซึ่งลูกค้าก็ควรจะต้องลองอีกต่างหาก
2. ในขณะนั้นมันมีผู้จัดจำหน่ายหนังสือเจ้าใหญ่แค่ 2 เจ้าเท่านั้นเอง ซึ่งเค้ามองว่าทำให้การติดต่อ ดีลทำได้ง่ายครับ
3. ข้อสุดท้ายและเค้าบอกว่าสำคัญที่สุดคือ เค้าบอกมีหนังสือเป็นล้าน ๆ เล่มครับทั่วโลก ซึ่งมันมากกว่าที่ร้านหนังสือจะเก็บหรือสต๊อกเอาไว้ได้แน่ ๆ ซึ่งตรงนี้แหละครับเป็นโอกาสที่เค้ามองเห็นที่การขายออนไลน์สามารถทำได้ดีกว่า
หลังจากเค้าได้ไอเดีย เค้าเลยลองสั่งหนังสือออนไลน์จากที่ ๆ นึงดูครับ ปรากฏว่ากว่าจะได้รับของใช้เวลาถึง 2 สัปดาห์แถมหนังสือที่ได้มาอยู่ในสภาพยับเยินจากการขนส่งครับ ซึ่งทำให้เค้ายิ่งเห็นโอกาสว่าในขณะนั้นยังไม่มีร้านขายหนังสือออนไลน์ดี ๆ เลย
หลังจากนั้น Jeff เลยไปลาออกจากการเป็นพนักงานบริษัทโดยบอกหัวหน้าว่าเค้าจะออกไปทำร้านหนังสือออนไลน์ ซึ่งหัวหน้าก็พยายามรั้งเค้าให้อยู่ไปก่อนแหละครับด้วยความที่ Jeff เป็นคนเก่ง แต่ตัว Jeff นั้นมุ่งมั่นและแน่วแน่มากในการออกไปทำ โดยเค้ามีแนวคิดอย่างนี้
“regret-minimization framework”
เค้าบอกว่าเค้าจะไม่เสียใจกับสิ่งที่ได้ตัดสินใจทำอะไรลงไปครับ แต่เค้าจะเสียใจมากกว่ากับการที่ไม่ได้ทำอะไรครับ เชรดด คือประโยคนี้หล่อมากครับ ส่อแววบุคคลที่รวยที่สุดในโลกมาเลยครับ
2
“I knew when I was eighty that I would never, for example, think about why I walked away from my 1994 Wallstreet bonus right in the middle of the year at the worst possible time”
1
……………..
“Cadabra Inc.”
ในช่วงแรกที่เค้าตั้งบริษัทนั้นเค้าตั้งชื่อว่า “Cadabra Inc.” ครับแต่พอไปจดทะเบียน คนมักฟังแล้วออกเสียงผิด เค้าเลยไล่หาชื่อใหม่โดยอยากได้ที่ขึ้นต้นด้วยตัว A เพราะจะได้อยู่อันดับต้น ๆ ของลิสต์เว็บไซต์ทั้งหมดซึ่ง ณ ขณะนั้นมันเรียงตามตัวอักษร จนกระทั่งมาได้ชื่อว่า “Amazon” นี่แหละครับ ซึ่งเป็นชื่อแม่น้ำสายที่ใหญ่ที่สุดในโลก และยังใหญ่กว่าแม่น้ำที่ใหญ่รองลงมาหลาย ๆ เท่า เค้าเลือกชื่อนี้โดยหวังให้ “Amazon” เป็นร้านขายหนังสือออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก!!!
4
……………..
“Visionary and Risk Taking”
1
การลาออกจากงานประจำมาก่อตั้ง “start-up” แบบนี้ทำให้เราเห็นว่าตัว Jeff Bezos เองเป็นคนเอาจริงเอาจังและกล้าเสี่ยง โดนตอนแรกนั้นเค้าตั้ง Amazon มาด้วยเงินที่ไม่เยอะมาก หลังจากนั้นพ่อแม่ของ Jeff เองก็ให้ความช่วยเหลือเอาเงินมาลงทุนเพิ่มถึง 100,000 เหรียญ ทั้ง ๆ ที่ Jeff เองบอกพ่อกับแม่เค้าไปว่ามีโอกาสถึง 70 % นะที่จะสูญเงินไปเลย แต่พ่อของ Jeff บอกว่า เค้าไม่ได้คิดจะลงทุนอะไรหรอก “แต่เค้าลงทุนในตัวลูกชายของเค้า”
1
ในช่วงแรกนั้นเค้าไม่มีสต๊อกหนังสือนะครับ ก็คือใช้วิธีการหากได้รับการสั่งซื้อจากลูกค้า เค้าก็จะไปสั่งหนังสือต่อมาโดยเค้าได้ราคาส่งที่มีส่วนลด 50 % แล้วจัดส่งให้กับลูกค้าครับ ซึ่งมีข้อเสียคือจะใช้เวลานานซักหน่อยกว่าลูกค้าจะได้รับของ
ต่อมาเค้าจึงคิดค้นว่าอยากให้มีระบบการให้ลูกค้ามารีวิวหนังสือเพราะเค้าเชื่อว่าการมีลูกค้าจริง ๆ มารีวิวจะช่วยให้ลูกค้าคนอื่นอยากเข้ามาซื้อกับที่นี่มากขึ้น ซึ่งโดยธรรมชาติลูกค้าก็มักจะวิจารณ์ไปในทางที่ไม่ดีไว้ก่อน แล้วมีครั้งนึงสำนักพิมพ์แห่งหนึ่งเข้ามาโวยวายกับ Amazon ว่าทำอย่างงี้ได้ไง ให้คนมาวิจารณ์หนังสือเค้าเสีย ๆ หาย ๆ Jeff บอกไปว่า เค้ามองต่างออกไป เค้ามองว่า Amazon ไม่ได้ทำเงินเมื่อลูกค้าซื้อของ แต่ทำเงินเมื่อช่วยให้ลูกค้าเลือกของได้ถูกต้อง
 
“We don’t’ make money when we sell things, we make money when we help customers make purchase directions.”
1
ซึ่งระบบการรีวิวที่เว็บไซต์อื่นไม่มีนี่แหละเป็นข้อได้เปรียบของ Amazon.com ที่ทำให้ลูกค้าเพิ่มขึ้นมากจนบริษัทเริ่มที่จะส่งสินค้าไม่ทัน นอกจากระบบรีวิว Amazon.com น่าจะเป็นผู้บุกเบิกระบบการแนะนำหนังสือจากการเก็บฐานข้อมูลของลูกค้าอีกด้วย
หลังจากที่บริษัทเริ่มมียอดขายเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงทางตันเนื่องจากเม็ดเงินลงทุนจำกัด ตัว Jeff เองก็เลยมองไกลไปถึงการที่ทำยังไงให้บริษัทเติบโตได้มากกว่านี้โดยเฉพาะเมื่อเห็นคู่แข่งที่เป็นร้านขายหนังสือยักษ์ใหญ่ของอเมริกาในขณะนั้นเริ่มรุกเข้ามาตลาดออนไลน์ ซึ่งก็คือ Barns & Noble ที่มียอดขายถึง 2 พันล้านเหรียญเทียบกับ Amazon ที่มียอดขาย 16 ล้านเหรียญ ทำให้ Jeff มองไปถึงการนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์และผลักดันอย่างหนักจนทำได้สำเร็จในปี 1997
นอกจากนี้ถ้าอ่าน ๆ ไป เค้าจะเล่าให้เห็นว่าตัว Jeff นี่แอบไปลงทุน (เค้าไม่ค่อยจะเปิดเผยเท่าไหร่ในช่วงแรก)ตั้งบริษัทชื่อว่า “Blue Origins” ซึ่งเป็นบริษัทที่สร้างจรวดคล้าย ๆ กับ Space-X ของ Elon Musk เลยครับ เพราะเค้ามีความใฝ่ฝันและหลงไหลในเรื่องอวกาศตั้งแต่เด็กใน (ตัว Jeff นั้นเป็นแฟนพันธ์แท้ของภาพยนตร์เรื่อง Star Trek ด้วยครับ)
……………..
“The everything store”
หลังจากนั้น Amazon.com ก็เริ่มขยับขยายไปขายสินค้าอย่างอื่นนอกจากหนังสือ โดยเริ่มจากแผ่น DVD และเพลงก่อน แล้วก็เริ่มขยายออกไปเรื่อย ๆ ไปยังพวกของเล่น สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และมีการเริ่มเข้าไปลงทุนใน e-commerce เจ้าอื่น ๆ รวมถึงได้รู้จักกับทาง e-Bay ซึ่งเป็นเว็ปไซต์ที่มาแรงในขณะนั้นที่ใช้วิธีการประมูลซื้อขาย โดยหลังจากนั้น Amazon ก็เลียนแบบโมเดลธุรกิจบ้าง โดยใช้ชื่อว่า “Amazon Auctions” แต่ก็ล้มไม่เป็นท่าเนื่องจากว่าการไปแข่งขันกับเจ้าตลาดเดิมนั้นทำได้ยาก นอกจากนี้ก็ยังมี project อื่น ๆ อีกที่ทำแล้วล้มเหลว ซึ่งจะเห็นได้ว่าเค้ามีความกล้าที่จะทดลองทำอะไรใหม่ ๆ เพื่อที่จะทำให้บริษัทเติบโตให้มากที่สุด จะเห็นได้ว่าการที่จะประสบความสำเร็จนั้น ไม่แปลกที่จะต้อง fail มาก่อน แต่อยู่ที่ว่าคุณได้เรียนรู้บทเรียนอะไรนั้นบ้างต่างหาก
เดี๋ยวโพสหน้าผมจะไปเล่าต่อว่า Amazon นั้นมี Core Value ที่สำคัญมากคืออะไร รวมถึงวิธีการทำงานที่ไม่เหมือนใครอย่างไร ที่ทำให้เค้าเปลี่ยนโลกของการซื้อของออนไลน์ไปโดยสิ้นเชิง
To Be Continued...
#theeverythingstore #BookReview #สิงห์นักอ่าน
ป.ล. ถ้าไม่อยากพลาดการติดตามการรีวิวหนังสือดี ๆ แบบละเอียดยิบ ฝากกด Like กดติดตามเพจ รวมถึงยังติดตามได้อีกหนึ่งช่องทางใน facebook.com/TheCrazyBookReader
โฆษณา