Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Play Now Thailand
•
ติดตาม
15 ม.ค. 2021 เวลา 04:02 • กีฬา
ดูอเมริกันฟุตบอลอย่างไรให้สนุก : 2
โดย เชน ชอนตะวัน
ครั้งที่แล้วผมแนะนำกฎกติกาเบื้องต้นสำหรับกีฬาอเมริกันฟุตบอลไปบ้างแล้ว วันนี้จะเขียนถึงผู้เล่นในทีมรุก ทีมรับ และทีมพิเศษ ว่าแต่ละตำแหน่งมีหน้าที่อย่างไร จะได้เข้าถึงและสนุกกับการติดตามชมการแข่งขันมากขึ้น
ขอเริ่มที่ทีมรุกก่อนเลยนะครับ
ออฟเฟนซีฟไลน์ (Offensive line) หรือแนวป้องกันของทีมรุกที่มี 5 คนทำหน้าที่หลักในการป้องกันควอเตอร์แบ็ก หรือบล็อกให้รันนิงแบ็ก แบ่งเป็นผู้เล่นตำแหน่งเซ็นเตอร์ 1 คน การ์ด 2 คน และแทคเกิล 2 คน
1
เซ็นเตอร์ (Center) คือคนที่ยืนตรงกลางแนว มีหน้าที่สแน็ปหรือตวัดลูกบอลผ่านหว่างขาส่งไปให้กับควอเตอร์แบ็กที่รออยู่ด้านหลัง และเปรียบเสมือนกัปตันทีมของแนวออฟเฟนซีฟไลน์ คือมีหน้าที่เรียกแผนการบล็อกในแต่ละดาวน์ หากเห็นแนวรับทีมคู่แข่งปรับเปลี่ยนตำแหน่งหรือปรับเปลี่ยนแผนกะทันหัน ต้องพร้อมเรียกแผนการบล็อกใหม่ในทันที ส่วนหน้าที่อื่นๆ ก็เหมือนทุกคนในแนวออฟเฟนซีฟไลน์ คือป้องกันควอเตอร์แบ็ก และบล็อกผู้เล่นแนวรับของทีมคู่แข่ง
การ์ด (Guard) มี 2 คน จรด (อยู่ในท่าเตรียมพร้อมเล่น โดยใช้มือแตะพื้น) ในตำแหน่งซ้ายและขวาของเซ็นเตอร์ในแนวออฟเฟนซีฟไลน์ หน้าที่หลักของการ์ดคือปกป้องควอเตอร์แบ็ก และบล็อกแนวรับของทีมคู่แข่ง เหมือนผู้เล่นคนอื่นๆ ในแนวออฟเฟนซีฟไลน์ โดยเฉพาะการเล่นที่ใช้แผนวิ่ง ไม่ใช่แผนขว้าง รูปร่างของการ์ดจึงค่อนข้างใหญ่ เน้นความแข็งแรงในการบล็อกหรือดึงคู่แข่ง เพื่อให้รันนิงแบ็กหรือใครก็ตามที่ถือลูกวิ่งทำระยะเข้าไปในแดนของทีมตรงข้ามได้ไกลที่สุด
แทคเกิล (Offensive Tackle) มี 2 คน จรดในตำแหน่งด้านริมซ้ายและขวาสุดถัดจากการ์ด หน้าที่หลักนอกจากปกป้องควอเตอร์แบ็ก และบล็อกแนวรับของทีมคู่แข่ง เหมือนผู้เล่นคนอื่นๆในแนวออฟเฟนซีฟไลน์ โดยปกติผู้เล่นตำแหน่ง เลฟต์ แทคเกิล (Left Tackle) ซึ่งยืนอยู่ด้านซ้ายสุด มักเป็นผู้เล่นที่มีความสำคัญที่สุดในแนวออฟเฟนซีฟไลน์ ต้องสูง และปราดเปรียวกว่าตำแหน่งอื่นๆ เพราะหน้าที่หลักคือการป้องกันควอเตอร์แบ็ก ไม่ให้แนวรับฝ่าเข้ามาอัดควอเตอร์แบ็กด้านที่เป็นมุมบอด เนื่องจากควอเตอร์แบ็กส่วนใหญ่ถนัดขว้างบอลด้วยมือขวา จึงมักมองไม่เห็นแนวรับที่ปราดเข้ามาทางด้านซ้ายมือของตนเอง
ส่วน ไรท์ แทคเกิล (Right Tackle) หรือแทคเกิล ซึ่งจรดในตำแหน่งด้านขวาสุด ส่วนใหญ่มีรูปร่างหนาหรือใหญ่กว่าเพราะหน้าที่หลักคือบล็อกแนวรับทีมคู่แข่ง เปิดทางให้รันนิงแบ็กวิ่งทำระยะ ผู้เล่นแนวออฟเฟนซีฟไลน์หรือแนวป้องกันทีมรุกทั้ง 5 คน ไม่มีสิทธิ์รับลูกจากการขว้างของควอเตอร์แบ็ก และไม่สามารถพาลูกวิ่งเองได้ ยกเว้นจะเป็นลูกที่เสียการครองบอลหรือฟัมเบิลแล้วเท่านั้น
ผู้เล่นที่มีสิทธิ์รับลูกหรือถือลูกวิ่งเองได้มีทั้งหมด 6 คน เริ่มจาก ปีกใน หรือไทต์เอนด์ (Tight End) รูปร่างไม่ใหญ่เท่าออฟเฟนซีฟไลน์ จึงมีความปราดเปรียวว่องไวกว่า รับลูกดี แต่ยังสูงใหญ่และค่อนข้างช้ากว่าปีกนอก เนื่องจากหน้าที่หลักคือกึ่งๆ เป็นทั้งปีกและแนวออฟเฟนซีฟไลน์ จังหวะรุกด้วยการขว้าง จะมีบทบาทมาก ในการรับลูกในระยะไม่ไกลนัก หรือบริเวณตรงกลางสนาม หรือเวลาใกล้เอนด์โซน เพราะได้เปรียบที่มีรูปร่างสูงใหญ่กว่าตัวคุมปีกของทีมคู่แข่ง
และเวลาเรียกแผนการวิ่ง ไทต์เอนด์มีหน้าที่ช่วยบล็อกให้รันนิงแบ็ก เช่นเดียวกับแนวออฟเฟนซีฟไลน์ ผู้เล่นตำแหน่งไทต์เอนด์จะจรดที่ตำแหน่งด้านซ้ายหรือขวาของแทคเกิลก็ได้ แต่จะห่างออกมาเล็กน้อย ไม่ได้จรดชิดกันเหมือนผู้เล่นในแนวออฟเฟนซีฟไลน์
ปีกนอก หรือไวด์รีซีฟเวอร์ (Wide Receiver) มี 2 คน เป็นผู้เล่นที่มีหน้าที่หลักในการรับลูกระยะไกลโดยเฉพาะ ปกติจะจรดในตำแหน่งริมสนามด้านซ้ายและขวา แต่ในเวลาเรียกแผนการเล่นที่เน้นการขว้างแน่ๆ อาจเปลี่ยนเอาตัวปีกนอกตัวที่ 3 ลงไป เพื่อช่วยรับลูกบริเวณด้านกลางสนาม หรือระยะที่ไม่ไกลมากนักคล้ายๆ กับปีกใน แต่เวลาที่ทีมเรียกแผนวิ่ง ปีกนอกก็มีหน้าที่ช่วยบล็อกให้กับรันนิงแบ็กเหมือนผู้เล่นตำแหน่งอื่นๆ เช่นกัน
1
ควอเตอร์แบ็ก (Quarterback) ถือเป็นตำแหน่งจอมทัพ หรือผู้เล่นสำคัญที่สุดของทีมก็ว่าได้ เป็นผู้ที่ได้รับลูกบอลจากการตวัดส่งกลับมาให้ของเซ็นเตอร์ เป็นผู้เรียกแผนการเล่นในแต่ละดาวน์ ว่าจะส่งบอลต่อให้กับรันนิงแบ็กวิ่ง หรือจะตัดสินใจขว้างลูกให้เพื่อนร่วมทีมรับ หรือบางครั้งเมื่อแผนแตก เห็นเป้าหมายถูกแนวรับทีมตรงข้ามคุมไว้จนหมด ก็อาจต้องวิ่งพาลูกไปเองแทนรันนิงแบ็ก เรียกว่าเป็นเพลย์เมกเกอร์ตัวจริงของกีฬาอเมริกันฟุตบอล และแน่นอนว่ามักเป็นผู้เล่นที่มีค่าตัวแพงที่สุดของทีม
รันนิงแบ็ก (Running back) ปกติมี 2 คน คนหนึ่งเรียกว่า ฮาล์ฟแบ็ก (Halfback) หรือเทลแบ็ก (Tailback) หน้าที่หลักคือการรับบอลจากควอเตอร์แบ็กแล้ววิ่งพาลูกกินแดนทำระยะรุกไปข้างหน้า และต้องทำหน้าที่รับลูกในระยะสั้นๆ หรือระยะกลางจากควอเตอร์แบ็กด้วย ปกติจะมีรูปร่างไม่ใหญ่นัก แต่คล่องแคล่วรวดเร็ว ถือเป็นกำลังสำคัญในทีมรุก อีกคนคือฟูลแบ็ก (Fullback) มีรูปร่างใหญ่กว่า เพราะมีหน้าที่หลักคือการบล็อกเปิดทางให้กับฮาล์ฟแบ็ก ขณะเดียวกันบางครั้งก็ต้องทำหน้าที่ถือลูกวิ่งเอง หรือรับบอลจากการขว้างของควอเตอร์แบ็กด้วยเช่นกัน แต่ฟูลแบ็กมักถูกเปลี่ยนตัวออก ส่งปีกในหรือปีกนอกอีกตัวลงไปแทน ในยามที่เรียกแผนการขว้างระยะไกล
ทีมรุกครบ 11 ตำแหน่งแล้ว มาที่ทีมรับกันบ้าง
เริ่มที่แนวแรก (Defensive line) มี 4 หรือ 3 คน แล้วแต่แผนการของแต่ละทีม ไม่ว่าจะใช้แผนใด แนวรับที่อยู่ตรงกลางจะเรียกว่า ดีเฟนซีฟ แทคเกิล (Defensive Tackle) เมื่อบอลถูกสแน็ปแล้ว ดีเฟนซีฟ แทคเกิลจะปราดเข้าปะทะกับเซ็นเตอร์และการ์ดของทีมคู่แข่งทันที เพื่อฝ่าเข้าไปอัดควอเตอร์แบ็ก หรือหยุดตัววิ่งหรือรันนิงแบ็กของทีมคู่แข่ง ดีเฟนซีฟ แทคเกิลจึงจำเป็นต้องมีรูปร่างใหญ่และแข็งแรงที่สุดในบรรดาทีมรับ หากใช้แผนรับระบบ 3-4 ดีเฟนซีฟ แทคเกิลมีคนเดียว เรียกกันว่า โนส แทคเกิล (Nose Tackle)
1
ส่วนคนที่อยู่ด้านริมซ้าย-ขวาของดีเฟนซีฟ แทคเกิล เรียกว่า ดีเฟนซีฟ เอนด์ (Defensive End) หน้าที่หลักต่างจาก ดีเฟนซีฟ แทคเกิล ตรงที่ต้องบุกเข้าไปแทคเกิลหรืออัดควอเตอร์แบ็กให้ได้ก่อนจะขว้างลูก หรือที่เรียกันว่าแซ็ก (Sack) ซึ่งนอกจากจะทำให้การเล่นดาวน์นั้นไม่ได้ระยะแล้ว หากควอเตอร์แบ็กทำลูกหลุดมือแล้วทีมรับแย่งบอลมาไว้ในครอบครองได้ จะเสียการครองบอลทันที หรือถึงแม้จะแซ็กไม่ได้ แต่สามารถกดดันและเร่งให้ควอเตอร์แบ็กต้องรีบขว้างลูกผิดพลาดจนถูกอินเทอร์เซ็ปต์ เสียการครองบอลได้ ดีเฟนซีฟ เอนด์จึงเป็นผู้เล่นที่ทรงคุณค่ามากที่สุดในทีมรับก็ว่าได้
แนวต่อมาที่อยู่ด้านหลังแนวดีเฟนซีฟไลน์ คือ ไลน์แบ็กเกอร์ (Linebacker) มี 3 หรือ 4 คน อยู่ที่ระบบการตั้งรับ ถ้าเป็นแบบ 4-3 จะใช้ไลน์แบ็กเกอร์ 3 คน ตัวกลางเรียกว่า มิดเดิล ไลน์แบ็กเกอร์ (Middle Linebacker) ถือเป็นกัปตันทีมรับก็ว่าได้ เพราะเป็นคนที่ปรับแผนการตั้งรับในแต่ละดาวน์ แต่ถ้าเป็นระบบ 3-4 จะใช้ไลน์แบ็กเกอร์ 4 คน 2 ตัวกลางเรียกว่า อินไซด์ ไลน์แบ็กเกอร์ (Inside Linebacker) ส่วนสองตัวนอกเรียกเหมือนกันทั้ง 2 ระบบว่า เอาต์ไซด์ ไลน์แบ็กเกอร์ (Outside Linebacker) หน้าที่หลักคือการป้องกันการวิ่งและการขว้างในระยะกลาง โดยเฉพาะปีกใน แต่บางทีก็มีหน้าที่ใช้ความเร็ววิ่งบุกเข้าไปอัดควอเตอร์แบ็กก่อนจะขว้างลูกเช่นกัน เรียกว่า บลิตซ์ (Blitz) ถ้าเป็นดีเฟนซีฟไลน์มักเรียกว่า รัช (Rush) แต่ถ้าทำสำเร็จเรียกว่าแซ็กเหมือนกันหมด
แนวสุดท้ายเรียกกันว่า แนวคุมปีก หรือเซกคันดารี ไลน์ (Secondary line) ซึ่งประกอบด้วย ตัวคุมปีก หรือคอร์เนอร์แบ็ก (Cornerback) 2 คน และ เซฟตี้ (Safety) อีก 2 คน คอร์เนอร์แบ็กจะจรดด้านริมสนามด้านซ้ายและขวา เป็นผู้เล่นที่มีความรวดเร็วที่สุดในทีมรับ เพราะหน้าที่หลักคือตามประกบปีกนอกของทีมคู่แข่ง โดยต้องพยายามทุกทางเพื่อป้องกันไม่ให้ปีกรับลูกจากการขว้างของควอเตอร์แบ็กทีมคู่แข่งได้ และหากอินเทอร์เซ็ปต์คือการแย่งรับลูกบอลกลางอากาศมาครองได้ ทีมรุกฝ่ายตรงข้ามจะเสียการครองบอลทันที แต่เวลาที่รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะเล่นแผนขว้างแน่ๆ อาจถอดผู้เล่นตำแหน่งไลน์แบ็กเกอร์ออก 1 คน และเพิ่มตัวคุมปีกตัวที่ 3 เข้าไปแทน เรียกว่า นิกเคลแบ็ก (Nickelback)
ส่วนเซฟตี้แบ่งเป็น สตรองเซฟตี้ (Strong Safety) กับฟรีเซฟตี้ (Free Safety) หน้าที่หลักคือหยุดตัววิ่งหรือปีกนอกของทีมคู่แข่งที่หลุดเข้ามาในโซนอันตรายของฝ่ายตนเอง โดยสตรองเซฟตี้จะยืนคุมพื้นที่อยู่หน้าฟรีเซฟตี้ ซึ่งยืนอยู่ลึกที่สุดเปรียบเสมือนปราการด่านสุดท้ายของทีมรับ ปกติสตรองเซฟตี้แข็งแรงกว่า ขณะที่ฟรีเซฟตี้ปราดเปรียวกว่า สตรองเซฟตี้จึงเน้นการหยุดยั้งรันนิงแบ็กหรือไทต์เอนด์ของทีมคู่แข่ง ขณะที่ฟรีเซฟตี้คอยช่วยตัวคุมปีกประกบปีกนอกของทีมคู่แข่งเป็นหน้าที่หลัก
มาถึงทีมพิเศษ (Special Team) ลงมาทำหน้าที่เฉพาะเวลาที่มีการเตะคิกออฟ (Kick-Off) เริ่มการแข่งขัน การเตะฟิลด์โกล์ (Field Goal) 3 คะแนน และการเตะกินแดนทิ้งหรือการเตะพันต์ (Punting) มีตัวเตะ (Kicker) 2 คนซึ่งต้องใช้ทักษะในการเตะต่างกัน คนหนึ่งรับหน้าที่เตะฟิลด์โกลซึ่งเน้นความแม่นยำ และอีกคนเป็นคนเตะกินแดน ซึ่งต้องเตะให้บอลลอยค้างบนอากาศให้นานและไกลที่สุด อีกตำแหน่งที่มีความพิเศษคือตัวรับลูกวิ่งย้อน แบ่งเป็น พันต์รีเทิร์นเนอร์ (Punt Returner) และคิกรีเทิร์นเนอร์ (Kick Returner) มีหน้าที่รับลูกที่ฝ่ายตรงข้ามเตะมา แล้ววิ่งพาลูกย้อนกลับไปให้ได้ระยะมากที่สุด เพื่อที่ทีมรุกของฝ่ายของตนเองจะได้ลงมาบุกในจุดที่ใกล้หรือได้เปรียบที่สุด
ในทีมพิเศษที่เป็นฝ่ายเตะยังมีแนวป้องกันทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้ทีมรับของทีมพิเศษคู่แข่งวิ่งเข้ามาใช้มือบล็อกการเตะได้ ขณะเดียวกันเวลาที่เตะคิกออฟเริ่มเล่นใหม่หรือมีการเตะกินแดนทิ้ง ผู้เล่นของฝ่ายที่เตะยังมีหน้าที่หยุดยั้งไม่ให้ตัวรับลูกวิ่งย้อนวิ่งทำระยะกลับมา ขณะที่ผู้เล่นคนอื่นๆ ฝ่ายเดียวกับตัวรับลูกวิ่งย้อน มีหน้าที่วิ่งบล็อกเปิดทางให้กับตัวรับลูกวิ่งย้อนด้วย
เสน่ห์ของทีมพิเศษอีกอย่างหนึ่งคือ เวลาที่ทีมที่เพิ่งทำคะแนนได้ ตัดสินใจเล่นออนไซด์คิก (Onside kick) ในเวลาที่ต้องเตะคิกออฟให้ทีมบุกฝ่ายตรงข้ามกลับลงมาเล่นบ้าง ส่วนใหญ่จะทำเวลาที่มีคะแนนตามหลังอยู่และมีเวลาเหลือน้อย ตัวเตะจะเตะให้ลูกเด้งไปข้างหน้า หรือเฉียงออกด้านข้างให้เกิน 10 หลาจากจุดเตะ เพื่อให้ใกล้พอที่เพื่อนร่วมทีมของฝ่ายเตะจะวิ่งไปแย่งตะครุบลูกมาครองได้ หากทำได้ฝ่ายเตะจะได้เป็นฝ่ายบุกต่ออีกครั้งทันที ซึ่งโอกาสสำเร็จแม้จะมีน้อยกว่ามาก และเสี่ยงต่อโอกาสที่ฝ่ายตรงข้ามตะครุบลูกได้และได้เล่นใกล้เอนด์โซนฝ่ายเตะมากกว่าปกติก็ต้องยอม
คราวหน้าผมจะเขียนถึงยอดทีมจอมอาภัพ ที่ใช้เวลาสร้างทีมจนกลับมาประสบความสำเร็จผ่านเข้ารอบเพลย์ออฟ ในฐานะทีมที่น่าจับตามากที่สุดทีมหนึ่งในฤดูกาลนี้ ถือเป็นหนึ่งในทีมน่าศึกษาแนวทางการทำทีมเป็นอย่างยิ่ง อย่าพลาดติดตามกันนะครับ!
1
#อเมริกันฟุตบอล #เล่นเป็นเรื่อง #ผลฟุตบอล #ผลบอล #ฟุตบอล #Football #PlayNowThailand #KhelNowThailand
อัพเดตข่าวสารกีฬาก่อนใคร พร้อมมีของรางวัลพิเศษให้ร่วมสนุกกันเป็นประจำ
ร่วมไลค์ ร่วมแชร์ Play Now Thailand
ฝากติดตาม
https://www.youtube.com/c/KhelNowThailand
26 บันทึก
21
5
9
26
21
5
9
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย