ข่าวดี !! วัคซีนของบริษัท Johnson & Johnson ฉีดเพียงเข็มเดียว มีระดับภูมิต้านทานขึ้นสูงกว่า 90% เมื่อจบเฟสสอง
จากรายงานผลการศึกษา ที่ลงตีพิมพ์เผยแพร่
ในวารสารการแพทย์ชื่อดัง(NEJM) เมื่อสิ้นสุดการทดลองเฟสสองของวัคซีนป้องกันโควิดของบริษัท Johnson & Johnson สหรัฐอเมริกา
ซึ่งเป็นการรายงานผล ทั้งเรื่องความปลอดภัย(Safety) และระดับภูมิต้านทาน
(Immunogenicity) ที่เกิดขึ้นหลังฉีดวัคซีน
พบข่าวดีที่น่าสนใจคือ หลังจากฉีดวัคซีนเพียงเข็มเดียว ระดับภูมิต้านทานขึ้นในอาสาสมัคร กว่า 90% ณ วันที่ 29 หลังฉีดวัคซีน และขึ้นครบ 100% ณ วันที่ 57 หลังฉีด
วัคซีนของบริษัท Johnson & Johnson อยู่ในกลุ่มใช้เทคโนโลยีไวรัสเป็นพาหะ(Viral Vector) เหมือนวัคซีนของบริษัท AstraZeneca
โดยใช้ไวรัสหวัดเป็นพาหะ ชื่อ Ad26
ผลของการทดสอบในอาสาสมัครจำนวน 805 คนพบว่า มีการแบ่ง เป็นกลุ่มแรกอายุ 18 ถึง 55 ปีและกลุ่มที่สามอายุมากกว่า 65 ปี
ส่วนอาสาสมัครในกลุ่มที่สอง จะทำการฉีดวัคซีนสองเข็ม ซึ่งยังไม่ได้รายงานผล ในการตีพิมพ์ครั้งนี้
โดยการฉีดจะมีทั้ง ขนาดวัคซีนต่ำ(Low dose) และขนาดวัคซีนสูง(High dose)
ผลของการทำวิจัยพบว่า
ทั้งในกลุ่มหนึ่งและกลุ่มสาม มีผลข้างเคียงไม่มากนัก ได้แก่ อาการอ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ เจ็บตรงตำแหน่งที่ฉีด และมีไข้บ้าง ซึ่งคล้ายๆกับวัคซีนของบริษัทอื่นๆ
และผลข้างเคียงที่พบนั้น จะพบในกลุ่มผู้สูงอายุน้อยกว่าในกลุ่มวัยหนุ่มสาว พบในกลุ่มที่ฉีดขนาดต่ำน้อยกว่าในกลุ่มที่ฉีดขนาดสูง
ส่วนระดับภูมิต้านทานที่ตรวจพบ ณ วันที่ 29 หลังฉีดเข็มแรก อาสาสมัครมากกว่า 90% มีระดับภูมิต้านทานที่เพียงพอสำหรับป้องกันโรคคือ GMT อยู่ที่ 224- 354
และในวันที่ 57 หลังฉีด พบว่าทั้ง 100 % มีระดับภูมิต้านทานที่ขึ้นสูงพอ ในระดับตัวเลข GMT 288-488 หน่วย
และเมื่อติดตามไปจนถึงวันที่ 71 ระดับภูมิต้านทานยังคงสูง ไม่ตกลงมา คือขึ้นไปถึง 827-1266
นอกจากนั้น ยังพบการกระตุ้นทีเซลล์ ซึ่งจะร่วมมือกับภูมิต้านทานในการป้องกันโรค
โดยกลุ่มที่หนึ่ง มีอาสาสมัคร 76-83% ที่พบ
การกระตุ้นของทีเซลล์ ในวันที่ 14
ในกลุ่มที่สามมีอาสาสมัคร 60-67%
นับเป็นข่าวที่น่ายินดี เพราะการฉีดวัคซีนเข็มเดียว
จะเป็นข้อได้เปรียบอย่างมาก ทำให้ประชากรโลกมีภูมิต้านทานขึ้นได้รวดเร็ว
สดวกกว่าการใช้ใช้วัคซีนของบริษัทที่ต้องฉีดสองเข็มถึงหนึ่งเท่าตัว และประหยัดค่าใช้จ่ายกว่าด้วย
นอกจากนั้นวัคซีนของบริษัท Johnson & Johnson ยังเก็บได้ที่อุณหภูมิตู้เย็น 2-8 องศาเซลเซียส
ข้อด้อยในสหรัฐฯ ก็คือ วัคซีนของบริษัท Johnson นั้น ยังจะต้องทำการทดลองเฟสสามต่อไป กว่าจะได้เริ่มฉีดก็คงเป็นเดือนเมษายน 2564
ซึ่งรัฐบาลสหรัฐอเมริกา เร่งจะฉีดให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ให้เสร็จภายในครึ่งปีแรกของปี 2564 จึงอาจจะไม่สามารถรอวัคซีนของบริษัท Johnson ได้
แต่ก็อาจจะกลายเป็นโชคดี สำหรับประเทศอื่นๆ
เพราะถ้าสหรัฐเองไม่ต้องการวัคซีนของบริษัท Johnson & Johnson เนื่องจากวัคซีนเสร็จไม่ทันประชากรสหรัฐฉีดวัคซีนไปครบหมดแล้ว
ก็จะทำให้มีวัคซีนเหลือ ที่จะทำให้ประเทศอื่นๆสามารถจองซื้อได้ต่อไปครับ
Reference
- 49
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
