Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เรื่องเล่าของสาว(เหลือ)น้อย
•
ติดตาม
16 ม.ค. 2021 เวลา 11:18 • ประวัติศาสตร์
อาหารชาววังเลื่องชื่อ ระบือน้ำปรุง กลิ่นจรุงใจ
จากรั้วในวังวรดิศ...🥗 ⚱🌹
ภาพจาก Royal Thai Art
สาว(เหลือ)น้อย เป็นคนไทยคนหนึ่งที่หลงใหลใน
ประวัติศาสตร์ไทยเป็นอย่างยิ่ง จะเรียกว่าชาตินิยมหรือเปล่าหนอ แต่คิดว่าประวัติศาสตร์มีมนต์เสน่ห์ สุข ทุกข์ เศร้า หัวเราะ ร้องไห้ ตื้นตัน ประทับใจ ล้วนมีอยู่ในประวัติศาสตร์ชาติไทย ที่แม้ทุกๆชาติในโลกนี้ต่างก็มีประวัติศาสตร์ของตัวเอง แต่สิ่งที่แตกต่างกัน คือ
กลิ่นอายของความเป็นตัวตนของชนชาตินั้นๆ
1
วันนี้ สาว(เหลือ)น้อย อยากเล่าประวัติของวังในกรุงเทพมหานคร ในมุมมองของสาว(เหลือ)น้อยและตามสไตล์ของสาวเหลือน้อย นะคะ วังแรกที่อยากพูดถึงในบทความนี้ คือ " วังวรดิศ "
ภาพจาก มติชน
วังวรดิศ 🏛 สร้างขึ้นเมื่อ ปี พ.ศ. 2454 บนพื้นที่ของ เจ้าจอมมารดาชุ่ม พระมารดาของ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ โดยสร้างจากพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ของ สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ออกแบบโดยนายช่างชาวเยอรมัน นามว่า ดร คาร์ล ซิกฟรีด ดอห์ริง ผู้ออกแบบวังบางขุนพรพม และพระรามราชนิเวศน์ จังหวัดเพชรบุรี
ลักษณะของสถาปัตยกรรมเป็นแบบตะวันตก เป็นอาคาร สูง 2 ชั้น รูปตัวแอล หลังคาทรงจั่วหักมุมตอนปลาย ใต้หลังคาใช้เป็นห้องเก็บของได้ มุงด้วยกระเบื้องดินเผาไม่เคลือบสี หลังคาด้านหน้าและด้านข้างมีหน้าต่างเล็กบนลาดหลังคาเพื่อระบายอากาศแบบยุโรป ภายในเป็นพื้นไม้ วังแห่งนี้เริ่มสร้างขึ้นในสมัยปลายรัชกาลที่ 5 สร้างเสร็จในสมัยรัชกาลที่ 6
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ต้นราชสกุลดิศกุล ผู้ได้รับการยกย่องให้เป็นพระบิดาแห่งประวัติศาสตร์และโบราณคดีของไทย และยังได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นบุคคลสำคัญของโลกคนแรกของประเทศไทย เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2505 สิ้นพระชนม์ชีพ ณ วังวรดิศ ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ในวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2486
ภาพจาก ศิลปวัฒนธรรม : กรมพระยาดำรงราชานุภาพ
วังวรดิศ ได้รับการอนุรักษ์ โดยทายาทของราชสกุล
ดิศกุล พลตรี หม่อมราชวงศ์สังขดิศ ดิศกุล ได้รับรางวัลอาคารอนุรักษ์ดีเด่น จากสมาคมสถาปนิกสยาม ในปี พ.ศ. 2527 ปัจจุบัน วังวรดิศ ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็น "อาคารประวัติศาสตร์โลก"
อาหารชาววังเลื่องชื่อ 🥗 🍲 🥣 จากฝีมือของ
เจ้าหญิงแห่งวังวรดิศ
เจ้าหญิงพระองค์นี้ มีพระนามว่า หม่อมเจ้าจงจิตรถนอม ดิศกุล ประสูติเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2429 สิ้นชีพตักษัย วันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2521รวมสิริชันษา 92 ปี เป็นพระธิดาพระองค์ใหญ่ ในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ
พระมารดา คือ หม่อมนวม ดิศกุล ณ อยุธยา
ภาพจาก Pinterest : หม่อมเจ้าจงจิตรถนอม ดิศกุล
หม่อมเจ้าจงจิตรถนอม ดิศกุล ประสูติในแผ่นดินของพระปิยมหาราช รัชกาลที่ 5 ของปวงชนชาวไทย ทรงอยู่ในพระอุปถัมภ์ของสมเด็จพระปิตุจฉาเจ้าสุขุมาลมารศรี อัครราชเทวี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ
เจ้าฟ้าหญิงสุทธาทิพย์รัตน์ กรมหลวงศรีรัตนโกสินทร์ จึงทรงมีโอกาสรับใช้ใกล้ชิด พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ถึงขนาดทรงเรียกว่าเป็น
" นังเสมียนหลวง " และได้ปรุงอาหารตั้งเครื่องเสวยหลายครั้ง ทรงเป็นเจ้าหญิงที่รัชกาลที่ 5 และสมเด็จพระศรีสวรินทิรา บรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ตลอดจนเจ้านายฝรั่ง ทรงยกย่องในฝีมือการทำอาหาร
ครั้งหนึ่ง...พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงประชวร เสวยพระกระยาหารไม่ได้ พระนางเจ้าสุขุมาลมารศรี ถวายน้ำพริก ที่ท่านหญิงจง ทรงปรุง ทำให้เจริญพระกระยาหารอย่างมาก ถึงกับทรงมีพระดำรัสแก่ท่านหญิงว่า " ข้ารอดตายได้เพราะกินน้ำพริกของเจ้า "
1
แม้กระทั่ง พระบิดา กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เสด็จยุโรปในปี พ.ศ. 2473 ทรงส่งลายพระหัตถ์จากกรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก มาถึงท่านหญิง
มีใจความดังนี้ " ชื่อเสียงของเธอมาดังในประเทศเดนมาร์ก ด้วยคราวน์ปริ๊นซ์กับปริ๊นซ์แอกเซลมาเที่ยว
โจษเล่าว่า ฝีมือทำกับข้าวไม่มีใครสู้ทางตะวันออก และว่าอาจทำเลี้ยงดินเนอร์แล้วทำสัปเปอร์เลี้ยงอีกในวันเดียวถึง 200 คน เจ้านายพากันถามถึงอภินิหารของเธอ..."
พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ได้เคยเสวยเครื่องที่ท่านหญิงจงปรุงไปถวาย แล้วพระราชทานลายพระหัตถ์ชมเชยมาว่า " กับเข้าของเธอทุกอย่างที่ทำมา อร่อยทุกสิ่ง สำหรับกับเข้าฉันเลียมือของทีเดียวว่าอร่อยนัก แม้แต่กะปิพล่า ซึ่งเป็นของทำอย่างง่ายที่สุด เธอก็ปรุงอร่อยกลมกล่อมดี ถูกปากฉันนัก ฉันลองทำดูบ้าง กว่าจะปรุงได้ที่เหมือนมือเธอ ชิมไปชิมมากว่าจะได้ที่ก็อิ่มพอดี แต่อย่างนั้นก็ยังไม่อร่อยเหมือนเธอทำ "
1
ภาพจาก ไทยรัฐออนไลน์ : น้ำพริกชาววัง
ภาพจาก เพจคนรักไม้ดอกหอม และเครื่องหอมไทย : กะปิพล่า
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายตำรับอาหารไทย สูตรหม่อมเจ้าจงจิตร แห่งวังวรดิศ อาทิเช่น
ภาพจากไทยรัฐออนไลน์ :ขนมค้างคาวเผือกและยำทวาย
ระบือน้ำปรุง กลิ่นจรุงใจ จากรั้วในวังวรดิศ 🌹 🏺🌼
ต้นกำเนิดของน้ำปรุงไทย หรือน้ำหอมไทย กล่าวกันว่า เจ้าคุณประยูรวงศ์ (คุณแพ บุญนาค) รักแรกของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว คุณแพเป็นบุตรสาวเจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์ ในสกุลบุญนาคเป็นผู้ริเริ่มในการทำเป็นครั้งแรก เนื่องจากเกรงพระราชอาญา จากการทำน้ำหอมพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พลัดตกลงมาแตก จึงคิดค้นหาวิธีทำน้ำหอมขึ้นมาทดแทนของเดิมที่แตกลง
1
แต่กระนั้นผู้ที่มีบทบาทในการปรุงน้ำหอมไทยแบบจริงจัง คือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพวงสร้อยสอางค์ พระขนิษฐาผู้ทรงเป็นพระราชธิดาองค์ที่ 77 ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 พระองค์ทรงมีฝีพระหัตถ์ในการปรุงพระสุคนธ์ (น้ำอบ) ทรงปรุงพระสุคนธ์ถวายในหลวง รัชกาลที่ 5 และเป็นผู้ดูแล ห้องร่ำ อบ และปรุง ของหอมในพระราชวัง
ภาพจาก IG posts - Gramho.com : พระองค์เจ้าพวงสร้อยสอางค์
น้ำหอมโบราณของไทย แบ่งเป็น 2 แบบ คือ
น้ำอบ : ลักษณะคล้ายโคโลญจน์ฝรั่ง กลิ่นหอมเบาบาง ไม่ติดทนทานนัก นิยมใช้สรงน้ำพระ รดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ ใข้ชโลมหลังอาบน้ำเพื่อคลายร้อน ข้อสังเกต คือ น้ำอบจะมีส่วนผสมของแป้งอยู่เสมอ
ภาพจาก Chiang Mai News : น้ำอบไทย
น้ำปรุง หรือ น้ำหอมไทย : ลักษณะเหมือน Perfume กลิ่นติดทนนานกว่าดัดแปลงมาจากน้ำหอมฝรั่ง
หมายเหตุ : Perfume เป็นภาษาละตินมาจากคำสองคำ คือ Per แปลว่า ส่งผ่าน Fume แปลว่า ควัน
น้ำปรุง จะเป็นคำที่ใช้เรียกน้ำหอมไทย ส่วนน้ำหอม ใช้เรียกน้ำหอมฝรั่ง แต่ทั้ง 2 อย่างก็จัดว่าเป็น Perfume เช่นเดียวกัน
ภาพจาก Today Line Today : น้ำปรุง หรือ น้ำหอมไทย
ดังกล่าวไว้ในจั่วหัวเรื่องแล้วว่า " วังวรดิศ " นอกจากจะขึ้นชื่อระบือนามด้านอาหารการกินแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่สืบสานมาจากบรรพบุรุษ คือ "เครื่องหอมวังวรดิศ" ผู้ที่สืบสานก็คือ คุณอัมพร ดิศกุล ณ อยุธยา ภรรยา ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล (คุณเหลน) ผู้ที่เป็นต้นตำรับ
"เครื่องหอมวังวรดิศ" คือ ท่านย่าเฉื่อย หรือ หม่อมเฉื่อย ดิศกุล ณ อยุธยา (ยมาภัย) ใน สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าดิศวรกุมารกรมพระพระยาดำรงราชานุภาพ
ภาพจาก www.prince-damrong.moi.go.th : น้ำปรุง วังวรดิศ
น้ำปรุงไทย เสน่หาและมนต์ตราแห่งดอกไม้ไทย
ดอกไม้ที่นิยมนำมาทำน้ำปรุงไทย มีหลายชนิด เช่น กระดังงา กุหลาบ มะลิ ดอกโมก ลีลาวดี เป็นต้น
น้ำปรุงไทย มีความพิเศษ คือ การทำตัวนำกลิ่น ซึ่งน้ำหอมโดยทั่วไปจะใช้แอลกอฮอล์อย่างเดียว แต่น้ำปรุงไทย จะใช้ใบเนียมหรือใบเตยในการนำกลิ่น ผสมผิวมะกรูด นำไปแช่ในแอลกอฮอล์ ทิ้งไว้ประมาณ 1 เดือน จะได้สารนำกลิ่นที่ให้ทั้งสีและกลิ่นด้วย
น้ำหอมไทย มนต์ตราแห่งดอกไม้ไทย
น้ำปรุง น้ำอบไทย แห่งวังวรดิศ จะปรุงปีละ 1-2 ครั้ง เพื่อใช้มอบเป็นของขวัญแก่ผู้ใหญ่ในเทศกาลปีใหม่ และใช้ในเทศกาลสงกรานต์ ที่เหลือจะนำมาจำหน่ายที่ร้านค้าของที่ระลึกพิพิธภัณฑ์วังวรดิศ
เป็นอย่างไรคะ เอกลักษณ์ของวังวรดิศ ท่านผู้อ่านจินตนาการได้กลิ่นอาหารตำรับชาววังอันโอชา มายั่วยวนให้น้ำลายสอหรือเปล่าคะ
อีกทั้งยังมีกลิ่นหอมละมุนละไมของน้ำปรุงไทย ลอยตลบอบอวลในบทความนี้ด้วยมั้ยคะ ถ้าชอบใจกดไลค์กดแชร์เป็นกำลังใจ ให้สาว(เหลือ)น้อย เล่าเรื่องราวต่อไปของวังในกรุงเทพมหานคร ตามแบบฉบับของสาว(เหลือ)น้อย นะคะ 😁😀🥰
ผู้ที่สนใจจะไปเที่ยวชม วังวรดิศ หลังพ้นวิกฤตโควิด สามารถเดินทางไปได้ตามนี้นะคะ
ที่ตั้ง:เลขที่ 204 ถนนหลานหลวง แขวงคลองมหานาค เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย
วันและเวลาทำการ : วันจันทร์-ศุกร์ สองรอบต่อวัน
09.00-12.00 และ 13.30-14.30 น. โดยการ
นัดหมายและทำจดหมายขออนุญาตล่วงหน้า
เท่านั้น หมู่คณะที่เข้าชมมีจำนวนตั้งแต่ 50 คน
ขึ้นไป
หอมกลิ่นน้ำพริกกะปิพล่า 🥣 🍲
ชื่นนาสาหอมน้ำปรุงฟุ้งกลิ่นหอม
อาหารคาวหวานไทยล้วนกลมกล่อม
น้ำปรุงหอมมนต์ตราบุปผาไทย 🌹🌼
1
Reference :
th.wikipedia-org/wiki/วังวรดิศ
th.wikipedia-org/wiki/หม่อมเจ้า
จงจิตรถนอม_ดิศกุล
www.silpa-mag.com/history/article_52606
se-ed.com/product/สัมภาษณ์หม่อมเจ้าหญิงจงจิตรถนอม-ดิศกุล-ฉบับปรับปรุง.aspx?no=9789743157790
readthecloud.co/craft=thai-cologne/
https://www.sirihomemade.com/น้ำปรุงไทย-น้ำหอมไทย
1 บันทึก
8
8
1
1
8
8
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย