16 ม.ค. 2021 เวลา 05:15 • ศิลปะ & ออกแบบ
Housing as a basic human right: The Vienna Model of Social Housing
เวียนนาได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองน่าอยู่อันดับหนึ่งของโลกจากการจัดอันดับของสถาบันหลายแห่งมาต่อเนื่องกันหลายปีในช่วง 10 ปีหลัง โดยหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้เวียนนาได้รับรางวัลและคนอาจนึกไม่ถึงคือการมีที่อยู่อาศัยคุณภาพดีในราคาเหมาะสม
SOCIAL HOUSING เป็นหนึ่งใน 3 ของประเด็นปฏิรูปสำคัญของออสเตรีย (นอกเหนือจาก Public education, healthcare) ในช่วงที่แนวความคิดของ Social Democratic Party ได้เริ่มเข้ามามีอิทธิพลในช่วงกว่า 100 ปีก่อน เพื่อวางรากฐานอันสำคัญต่อการพัฒนาประเทศที่เป็นธรรมและยั่งยืนที่ทุกคนพึงปรารถนาในอนาคต
บริการสาธารณะพื้นฐานทั้ง 3 เรื่องข้างต้นถูกวางบทบาทให้เป็นเครื่องมือของการปฏิรูปสังคม ดังนั้นจึงมีการออกนโยบายสาธารณะเชิงก้าวหน้าเข้ามากำกับทิศทางอย่างมากในช่วงดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรมและต่อเนื่อง
Housing ไม่ใช่เป็นเพียงสินค้าทั่วไป (Commodity) ที่สามารถปล่อยให้กลไกตลาดเป็นตัวชี้นำแต่เพียงอย่างเดียวได้ เพราะ Housing ส่งผลอย่างมากกับการมีคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนดังนั้นจึงต้องถูกจัดหาให้อย่างมีคุณภาพ ราคาเหมาะสม และมีปริมาณที่พอเพียงกับความต้องการ
SOCIAL HOUSING จึงถูกพัฒนาขึ้นเป็นความริเริ่มสำคัญในช่วงเวลาดังกล่าวซึ่งกลายเป็นรากฐานที่ส่งผลอย่างต่อเนื่องยาวนานจนปัจจุบันและกลายเป็นต้นแบบให้กับการออกแบบนโยบายการพัฒนาที่อยู่อาศัยของเมืองใหญ่ทั่วโลก (แม้ว่าส่วนใหญ่จะไม่สำเร็จมากนัก เพราะไม่ได้มีการทำความเข้าใจเงื่อนไขรายละเอียดต่างๆอย่างจริงจังมากพอ)
SOCIAL HOUSING ในเวียนนาถูกกำหนดให้มีใน 2 รูปแบบหลักคือ Municipal Housing ที่ภาครัฐเป็นเจ้าของและดำเนินการเอง และ State-subsidised หรือ Regulated Housing ที่อนุญาติให้เอกชนหรือองค์กร Non-profit เข้ามาดำเนินการภายใต้เงื่อนไขของภาครัฐทั้งในมิติสังคมและการเงิน
กระบวนการได้มาซึ่งโครงการ SOCIAL HOUSING ที่มีคุณภาพและยั่งยืนมีความสลับซับซ้อนค่อนข้างมาก เพราะนอกจากโครงการจะต้องอยู่ในโลเคชั่นที่เหมาะสมและคุณภาพดีแล้ว ยังต้องมีราคาที่ทำให้คนทุกระดับในเมืองสามารถจ่ายได้จริง
ด้วยเงื่อนไขข้างต้นดังกล่าว ดังนั้นทั้งการได้มาซึ่งที่ดินที่เหมาะสมที่รัฐต้องเข้ามามีบทบาทแทรกแซงตลาด การประกาศหาองค์กรพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มืออาชีพที่มีคุณภาพ การตั้งเกณฑ์การคัดเลือกที่ผูกโยงเงื่อนไขทั้งทางคุณภาพสถาปัตยกรรม การเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การสร้างความยั่งยืนให้กับชุมชนโดยรอบ และ การรับเงื่อนไขทางการเงิน (เช่นการกำหนดราคาขาย สัดส่วนคนอยู่ เพดานค่าเช่า) จึงกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้โครงการที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เป็นเพียงโครงการสิ่งปลูกสร้างราคาถูกที่รอวันเสื่อมโทรมและไม่มีใครอยากจะอยู่ในระยะยาวเหมือนกับโครงการ Housing อื่นทั่วไป
นอกจากนั้นแล้วยังมีมาตรการที่ถูกออกแบบและกำหนดไว้อย่างตั้งใจ (intentional design measures) ตั้งแต่เริ่มต้น เช่น ระบบของการกำหนดให้ผู้อยู่อาศัยที่ซื้อหรือเช่าห้อง ไม่สามารขายหรือปล่อยเช่าได้เองแต่ต้องมาขายคืนหรือมอบคืนสัญญาเช่ากับ Housing Cooperative หรือ มาตรการที่มีการจัดทำโครงการ Social Housing เพิ่มขึ้นใหม่ๆอย่างต่อเนื่องเพื่อทำให้เกิดความสมดุลเรื่อง demand-supply หรือการออกแบบระบบการเก็บภาษีพิเศษ 1% กับประชากรที่อยู่ในระบบเงินเดือนประจำที่พักอาศัยในเวียนนามาช่วย Subsidy ฯลฯ
มาตรการเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ช่วยให้คุณค่าหลักเรื่อง AFFORDABILITY ของโครงการ Social Housing สามารถเกิดขึ้นได้อย่างแท้จริงและยั่งยืนด้วยตนเองเชิงระบบโดยไม่ต้องมีการแทรกแซงจากโครงการประชานิยมของพรรคการเมือง
ปัจจุบันประชากรของเวียนนามีมากถึง 62% ที่พักอาศัยอยู่ในโครงการ Social Housing โดยจ่ายค่าเช่าในอัตราเริ่มต้นเพียง 300 ยูโร หรือ 10,000 บาทต่อเดือนซึ่งเป็นราคาที่ถูกกว่าของเอกชนกว่าครึ่ง และจ่ายในสัดส่วนเพียง 21% ของรายได้ (เทียบกับลอนดอนที่ 49% และปารีส 46%)
หนึ่งในวลีสำคัญที่ Policy advocates และนักวิชาการที่สนับสนุนความคิดนี้มักจะยกมาเป็นตัวสะท้อนเป้าหมายและอุดมคติของ social housing อยู่เสมอคือ "Home address ไม่ควรจะเป็นตัวบ่งชี้สถานะทางเศรษฐกิจและสังคมของคน เพราะที่อยู่อาศัยคือสิทธิขั้นพื้นฐานของคน ไม่ใช่สินค้า"
สังคมที่ดี เท่าเทียม และเป็นธรรม
ทุกคนล้วนแล้วแต่อยากได้ แต่เกิดได้ไม่ง่าย เพียงแค่จากการบ่นหรือการเรียกร้อง
สังคมที่ดี เท่าเทียม และเป็นธรรม
ต้องใช้ทั้งความรู้ การลงมือทำ ความอดทน ความร่วมมือและถึงพร้อมจากหลายฝ่าย และ "เวลา" ที่มากเพียงพอต่อการเกิดกระบวนการเรียนรู้ร่วมกันของคนในสังคมอย่างไตร่ตรอง
โฆษณา