16 ม.ค. 2021 เวลา 10:42 • นิยาย เรื่องสั้น
👥 ประสบการณ์ด้านมืดในผ้าเหลือง
เสียงเครื่องยนต์ดังกึกก้องบนถนน ทั้งรถยนต์รุ่นใหม่ของเศรษฐีไปจนถึงมอเตอร์ไซค์ที่จวนจะหมดอายุของคนที่กำลังกลับบ้านพร้อมความเหนื่ิอยล้าจากงานที่ทำมาทั้งวัน แต่ผมผู้เป็นพระลูกวัดแห่งหนึ่งในใจกลางกรุงเทพฯ กำลังเร่งฝีเท้าที่จะเดินกลับวัด ด้วยแสงไฟของร้านรวงตามสองข้างทางของถนนอันเป็นแหล่งท่องเที่ยวของฝรั่งมังค่าเริ่มจะเปิดขึ้นทีละดวง ๆ ถ้ายังเดินสำรวมเหมืิอนเดินจงกรมอยู่คงจะเป็นภาพที่ไม่ดีให้คนติฉินนินทาได้
 
"หลวงพี่ ๆ จะไปไหนครับเนี่ย เดี๋ยวผมไปส่ง"
เสียงของชายวัยกลางคนในชุดมอเตอร์ไซค์รับจ้างดังขึ้นพร้อมขับมาจอดริมบาทวิธี
       "ไม่เป็นไรโยมพี่ อีกนิดเดียวก็จะถึงวัดแล้ว วัดยานฯ นี่เอง" ผมหันไปตอบพร้อมรอยยิ้มแห้ง ๆ
       "มาเถอะครับหลวงพี่ ผมอยากทำบุญ ยังไงก็เป็นทางผ่านผมอยู่ดี"
       "สาธุนะโยมพี่ ขอให้ได้ลูกค้าอีกเยอะ ๆ นะ"
สิ้นเสียงอวยพร เขาก็ประนมมือยกขึ้นท่วมหัว ขณะที่ข้าพเจ้าเริ่มก้าวขึ้นไปซ้อนรถมอ'ไซค์ด้วยท่านั่งเหมืิอนผู้หญิง ด้วยความที่เป็นพระบวชใหม่ก็รู้สึกอายเล็กน้อยที่ต้องนั่งท่านี้ แต่ในเมื่อเราถือเพศบรรพชิตแล้ว เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ทำให้ไม่สบายใจก็ควรจะกำจัดมันออกไป เพราะพระคือผู้เดินตามทางสู่นิพพาน เป็นลูกของพระพุทธเจ้า
       "ผมส่งตรงหน้าวัดนะครับ เดี๋ยวผมต้องรีบไปเข้าคิวที่วิน เวลานี้คนเยอะด้วยสิ"
เขาหันมาพูดกับข้าพเจ้า ขณะที่รถกำลังจอดไม่สนิทดี
       "แค่นี้ก็เป็นกุศลมากแล้วล่ะโยมพี่ สาธุ ๆ ขอให้ร่ำรวย ๆ นะ" ผมอวยพรเขาอีกครั้งแล้วก้าวขาลงจากมอ'ไซค์
       "สาธุครับ" เขาพูดพลางยกมือไหว้และลูบหมวกกันน็อกใบเก่าโดยหวังว่าพรนั้นจะส่งผลเร็ว แล้วจึงเริ่มบิดรถไปอย่างใจเย็นปนความรีบเร่ง
 
ฟ้าเริ่มมืดลง แต่ความจอแจภายนอกวัดก็ยังคงดำเนินต่อไป ผมรีบจ้ำอ้าวตรงไปที่ท่าน้ำหลังวัดเพื่อจะไปสูบบุหรี่รับลมเย็น ๆ ริมเจ้าพระยาให้หายเหนื่อยหลังจากที่เดินทางไปเที่ยวหาความรู้มาทั้งวัน พอถึงท่าน้ำก็พลันเหลือบไปเห็นกลุ่มควันพวยพุ่งออกมาจากซอกตึกตรงกำแพงวัด พลางคิดในใจว่าคงมีเณรมาแอบสูบบุหรี่เหมือนเคย คงเป็นแก๊งเณรม. ปลาย เจ้าเก่าที่สนิทสนมกับผมพอสมควร เพราะเราเคยไปนั่งสูบบุหรี่และสนทนากันที่มุมนั้นเป็นประจำ ด้วยความที่ผมเป็นพระใหม่ที่ชีวิตก่อนบวชก็เคยผ่านเส้นทางเดินที่ไม่ค่อยจะสวยงามสักเท่าไหร่ การที่มาเห็นเณรแอบสูบบุหรี่ในวัดมันก็เป็นเรื่ิงสามัญธรรมดา ถึงแม้ตามกฎของวัดคือถ้าสามเณรรูปไหนสูบบุหรี่ ต้องถูกขับออกจากวัดสถานเดียว
 
"เณร ๆ" ผมเรียกไปเบา ๆ พอได้ยิน
พอสิ้นเสียงนี้สามเณรกลุ่มนั้นจึงลนลานเหยียบเศษขวดพลาสติกบนพื้นเสียงดังแกร๊กกร๊าก และเณรโยผู้เป็นพี่ใหญ่ในกลุ่มก็หันรีหันขวางรีบขว้างของบางอย่างลงแม่น้ำ ซึ่งผิดปรกติจากทุกครั้ง ที่เณรกลุ่มนี้เจอหน้าข้าพเจ้าที่ไหนจะยกมือไหว้ตลอด วันละหลาย ๆ หน ผมจึงเริ่มเดาขึ้นในใจแล้วว่าพวกเขาคงไม่ได้แค่แอบมานั่งสูบบุหรี่กันแน่ ๆ 
       ด้วยความมืดทำให้เห็นไม่ชัดว่าคืออะไร แต่หนึ่งในนั้นมีชิ้นหนึ่งที่เป็นขวดน้ำชาพลาสติก ทำให้ข้าพเจ้ารู้ได้ทันทีเลยว่าเณรกลุ่มนั้นแอบมานั่งทำอะไรกัน บวกกับควันที่เห็นในตอนแรกมันดูหนากว่าปรกติ ผิดกับควันบุหรี่ทั่วไป เพราะมันคือ "ควันกัญชา!"
       "ฉิบหายละ! หลวงพี่เพชรมา" เณรรูปหนึ่งอุทานขึ้นขณะที่ผมเข้าไปใกล้จะถึงตัว
       "อย่าบอกใครนะครับหลวงพี่ ถ้าผมโดนจับสึกโยมพ่อเอาผมตายแน่"
เณรนิวซึ่งเด็กที่สุดในกลุ่มรีบร้อนตัวยกมือไหว้ขอร้อง ขณะที่เณรอีก 3 รูปที่เหลือนั่งทำหน้าซึม สายตาตกใจและกลัวอย่างเห็นได้ชัด
       "คิดว่าไม่รู้เหรอว่าพวกแกทำอะไรกัน กลิ่นเนื้อตลบอบอวลขนาดนี้ ลูบหัวลูบคิ้วตัวเองดูดิ๊มันมีผมไหม" ข้าพเจ้าเริ่มสั่งสอน ทุกรูปนั่งคอตกราวกับรู้ชะตากรรมตัวเองว่าจะต้องเจออะไรในวันพรุ่งนี้
       "แกไปเอามาจากไหน" ผมถาม
       "ผมให้เพื่อนแถวนี้เอามาให้เองครับ" เณรโยตอบด้วยเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน
       "บ้านแกอยู่หนองคายไม่ใช่เหรอวะไอ้โย บวชก็บวชตั้งแต่เด็ก จะไปมีเพื่อนแถวนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่"
       "จริง ๆ นะหลวงพี่ ผมไปรู้จักกับมันตอนไปบิณฑบาตอาทิตย์ที่แล้ว" เณรโยหันมาตอบด้วยสายตาล่อกแล่ก
       "กูยังไม่ได้บอกเลยว่ามึงโกหก บอกมา.. เอามาจากไหน ไม่งั้นพรุ่งนี้เตรียมตัวสึกแล้วไปอยู่กับตำรวจได้เลย" ผมเริ่มใช้ภาษาสมัยสุโขทัยตามความเคยชิน
       "หลวงพี่รู้จักพระแดนไหม อยู่กุฏิ 5 น่ะะ" เขาเริ่มสารภาพ
       "ที่ลายเต็มตัวน่ะเหรอ" ผมถามกลับ
       "ใช่หลวงพี่ แต่หลวงพี่อย่าไปบอกใครนะ เพื่อนเขาอยู่แถวนี้เยอะเลย" เณรโยพูดด้วยสายตาจริงจัง
"เห้อ! ก็เป็นพระแล้วมันหาเงินง่ายน่ะสิ รวยเร็วอีกต่างหาก คนบวชแต่ตัวก็เลยมีทั่ว แต่มาทำให้เด็กเสียอย่างนี้รับไม่ได้ว่ะ"
นี่แหละครับ สิ่งที่คนข้างนอกมองเข้ามาว่าสวยงาม สถานที่เย็นใจ แต่มันก็เป็นแค่สถานที่และรูปลักษณ์ 👥
โฆษณา