เจนิสเซรีย์ กองทหารไร้พ่ายแห่งออตโตมัน
เจนิสเซรีย์ เป็นกองกำลังอันน่าเกรงขามและแข็งแกร่งที่สุดในจักรวรรดิออตโตมัน
พวกเค้าคือองรักษ์ของสุลต่าน โดยสักเกตพวกเค้าได้การสวมหมวกผ้าสีขาวและเสื้อคลุมยาวสีสด พวกเค้าเป็นที่ยำเกรงของชาวมุสลิมและสร้างความหวาดกลัวต่อชาวยุโรปเมื่อได้เจอกองกำลังนี้
โดยคนที่ได้เข้าไปเป็นสุดยอดของกองกำลังลังนี้นั้นจะได้ถูกคัดจาก ภาษีเลือด
ปี 1363 สุลต่านมูรัดที่ 1 สร้างระบบ ‘ภาษีเลือด’ (Devshirme) ขึ้นมา ชาวคริสต์ที่อยู่ใต้อาณัติของออตโตมันจะต้องส่งบุตรชายอายุระหว่าง 8-18 ปีให้กองทัพออตโตมัน ไปอยู่กับชาวเติร์กเพื่อศึกษาเรียนรู้ วิถีชีวิต รากฐานของชาวเติร์กเพื่อเป็นนักรบเจนิสเซรีย์ในเวลาต่อมา
การที่ชาวเติร์กทำแบบนี้นอกจากจะสามารถได้กองกำลังมาเพิ่มแล้วยังสามารถควบคุมไม่ให้ชาวคริสต์ใต้อาณัติไม่ก่อกบฎขึ้นอีกด้วยเพราะต้องลูกชายของตัวเองไป
ก็เหมือนไปเป็นตัวประกันหากคิดจะก่อกบฏก่อจะสังหารพวกเค้าทิ้ง
การฝึกฝนอย่างหนักหน่วงจะเริ่มขึ้นทั้งร่ายกาย จิตใจ และสติปัญญา ต้องฝึกทั้งวิชาการศึก มวยปล้ำ ฟันดาบ ยิงปืน ยิงธนู ขี่ม้า ยิงปืนใหญ่ การช่าง และ ด้านวิชาการ เช่น วิทยาศาสตร์ ศิลปะ ดนตรี การเงิน การบริหาร และคัมภีร์อัลกุรอาน นอกจากจะเป็นสุดยอดนักรบแล้วพวกเค้ายังสามารถจัดการการปกครอง ทางการเมืองได้ดีด้วย
เรียกได้ว่า นักรบเจนิสเซรีย์ ต้องมีความสามารถรอบด้าน การฝึกของพวกเค้าก็เพื่อให้เป็นสุดยอดของสุดยอกนักรบที่เอาชนะได้ทุกกองกำลัง เหมือนกับ หน่วยรบพิเศษในปัจจุบันที่ฝึกคนให้เป็นสุดยอดคน
พออายุได้24-25คนไหนที่มีความสามารถโดดเด่นก็ได้ถูกเลือกเป็นเจนิสเซรีย์และถ้าคนไหนมีความถนัดที่โดดเด่นด้านหนึ่งมากก็จะถูกส่งไปประจำอยู่หน่วยนั้น ใครยิงปืนแม่นก็ไปอยู่หน่วยพลปืน ใครขี่ม้าได้เก่งก็ไปหน่วยทหารม้า นักรบทุกคนจะอาศัยอยู่ในค่ายเดียวกันใช้ชีวิตร่วมกันเหมือนพี่น้องร่วมสายเลือดเดียวกัน นี่คืออีกเหตุผลที่ทำให้พวกเค้าแข็งแกร่งมาก
อาวุธที่พวกเค้าใช้ นั้นเริ่มแรกจะเป็นธนู พวกเค้าจัดว่าเป็นนักธนูชั้นยอดของออตโตมัน แต่ต่อก็เริ่มหันมาใช้ปืนคาบชุดแทน พวกเค้านั้นสามารถยิงปืนได้แม่นและบรรจุกระสุนได้รวดเร็วกว่าหน่วยอื่นมาก นอกจากธนูจะเก่งแล้ว
พอใช้เป็นนี้ยิ่งโกงเข้าไปอีก
อาวุธประชิดคือดาบดาบโค้ง (Kilij) ดาบยาตากัน (Yatagan) และขวานศึก ขณะที่นักรบเจนิสเซรีย์ผู้มีหน้าที่อารักขาวังหลวงจะถือง้าวใบโต (Halberd) คอยคุ้มกันองค์สุลต่าน
แต่เดี่ยวก่อนก่อนที่พวกคุณจะได้เจอกับเค้าคุณจะได้ยินเสียงดนตรีและเสียงโห่ร้องของพวกเค้ามาก่อนที่จะเห็นตัวซะอีกพวกเขามีกองดุริยางค์เป่าแตร ลั่นกลองศึกดังกึกก้องไปทั้งสนามรบ บทเพลงนี้ปลุกขวัญเหล่านักรบออตโตมัน ถ้าคุณยังไม่สติ
แตกไปซะก่อนหลังได้ยินเสียงเหล่านี้ คุณก็จะได้ประจัญหน้ากับพวกเค้าแน่นอนแต่ตอนนั้นก็มองดูเพื่อนรอบตัวคุณด้วยละว่าจะยังยืนอยู่ตรงนั้นไหม
นอกจากการใช้อาวุธเป็นเลิศแล้วเจนิสเซรีย์ยังถนัดการก่อวินาศกรรม การระเบิด
การปลุกปั่นจากภายในได้ดีด้วย นี่เป็นอีกเหตุที่พวกเค้าได้ชื่อว่าเป็นกองกำลังที่
ไม่เคยแพ้
ถ้าใครคนไหนสร้างผลงานไหนสนามรบได้ดี นักรบคนนั้นก็มีโอกาศได้เลื่อนขั้นมา
เป็นผู้คุมกองมหาร ผู้ว่าราชการ หรือสามารถเป็นได้ถึงอัครมหาเสนาบดีเลยทีเดียว
เห็นแบบนี้แต่พวกเค้าก็มีกฎที่ต้องทำตามอยู่ ห้ามไว้เครา แต่ไว้หนวดได้ และ ต้องครองตนเป็นโสดห้ามแต่งงาน แต่ภายหลังก็มีการยกเลิกไป เพราะ เริ่มมีบทบาทในทางการเมืองมากขึ้น
ภายหลังพวกเค้าก็ได้ถูกปราบปรามลงโยอง์สุลต่านของพวกเค้าเองในปีค.ศ.1826 สุลต่านมาห์มุตที่3 ต้องการที่จะยกเลิกกองกำลังเจนิสเซรีย์ลงและตั้งกองกำลัง นิซาม อิ เซดิดขึ้นทำให้สร้างความไม่พอใจให้กับเจนิสเซรีย์จึงได้มีการเกิดสงครามกลางเมืองขึ้น ผลสุดท้ายจบลงด้วยการชัยชนะฝ่ายรัฐบาลเป็นการปิดฉากกองกำลังอันแข็งแกร่งอย่างเจนิสเซรีย์ลง เป็นจุดสิ้นสุดของกกองกำลังนี้ที่สร้างชื่อเสียงไว้ใน
สนามรบกว่า400ปี
ขอบคุณขอบมูลจากhttps://www.gypzyworld.com/article/view/1418
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
