17 ม.ค. 2021 เวลา 17:35 • ประวัติศาสตร์
เมื่อพระพุทธเจ้าหลวงปลอมพระองค์เป็นผู้โดยสารเสด็จไปในรถไฟ
เรื่องประพาสต้น ของสมเด็จกรมพระยาดำรงฯ
"...เวลาค่ำจึงไปพลับพลา ได้ยินโจษกันเป็นปัญหาขึ้นอย่างหนึ่งว่า ในเมืองไทยทุกวันนี้ก็มีรถไฟไปมาได้รวดเร็ว ถ้าจะไปเที่ยวกันในทางรถไฟสักวันหนึ่งสองวันไม่มีอะไรไปเลย มีแต่เงินติดกระเป๋าไปอย่างผู้ดีๆเช่นนี้ จะไปเที่ยวได้หรือไม่
บางคนว่าไปได้ บางคนมีนายวงศ์ตะวันเป็นต้น ซึ่งเคยไปอยู่เมืองนอกเมืองนาเห็นว่าจะไปไม่ได้ ขัดข้องด้วยไม่มีโฮเต็ลที่พักเป็นต้น
ความทั้งนั้นทราบถึงพระกรรณ จึงตกลงว่าควรจะทดลองดูให้เห็นจริงในเที่ยวนี้ พรุ่งนี้จะเสด็จที่แห่งใดแห่งหนึ่งด้วยรถไฟแล้ว และกลับทางเรือจนถึงพลับพลาแรม ไม่มีอันใดนอกจากเงิน ลองดูสักทีจะมีติดขัดอย่างใดบ้าง
ฉันได้รับคำสั่งให้ไปตามเสด็จด้วยมานึกดูก็ชอบกล ถ้าเป็นคนเลวจะขัดข้องอันใดมี เที่ยวซื้อข้าวแกงตามตลาดหรือเที่ยวขอเขากินก็จะได้
ส่วนที่พักจะเที่ยวหาอาศัยบ้านเรือนเขา หรือแม้ที่สุดจะไปอาศัยนอนตามวัดก็ไม่เห็นจะขัดข้อง เขาเที่ยวกันเช่นนี้ถมไป ซึ่งรังเกียจกับข้าวของกินที่เขาวางแลขายไว้ตามตลาด และรังเกียจความโสโครก จะไปหาที่พักอาศัยให้สมควร ดูก็เป็นการยากที่จะหาได้ แต่อย่างไรคงจะได้เห็นกันในวันพรุ่งนี้ ....."
แสดงถึงความอยู่ง่าย กินง่ายของเจ้านายและข้าราชการที่ตามเสด็จ รวมถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เนื้อความต่อมา
"....วันที่ ๒๐ กรกฎาคม เสด็จอาศัยรถไฟบ่ายที่จะไปกรุงเทพฯ ที่ใช้คำว่า "เสด็จอาศัย" ในที่นี้
เพราะเสด็จรถไฟชั้น ๓ ประทับปะปนไปกับราษฎร ไม่ให้ใครรู้ว่าใครเป็นใคร เพื่อจะใคร่ทรงทราบว่าราษฎรอาศัยไปมากันอย่างไร
เจ้าพนักงานรถไฟก็เหลือดี มีอัธยาศัยรู้พระราชประสงค์ ที่จริงแกรู้แต่แกล้งทำเฉย มาเรียกติเก็ตตรวจพวกเราเหมือนกับราษฎรทั้งปวง ทำให้ไม่ผิดกันอย่างไร
ต่อผู้ใดสังเกตจริงๆจึงจะพอเห็นได้ว่าหน้าแกออกจะซีดๆ และเมื่อไปเรียกติเก็ตพระเจ้าอยู่หัวมือไม้แกสั่นผิดปกติ..."
การเสด็จประพาสต้นปลอมแปลงพระองค์ ก็มักจะเป็นการทำให้เหมือนปกติ ไม่มีการเสด็จ จะได้รู้ว่าที่แท้จริงแล้วบ้านเมืองเวลาปกตินั้นเป็นอย่างไร รวมถึงแสดงความไม่ถือพระองค์ของพระพุทธเจ้าหลวงด้วย
ขอบคุณเครดิต: โรงเรียนวิศวกรรมรถไฟ
โฆษณา