18 ม.ค. 2021 เวลา 10:30 • บันเทิง
ตำนานผี 4 ภาค
ตำนานผีในภาคเหนือ
ผีโพง ภาคเหนือบ้างก็เรียก “ผีโพลง” “ผีโพรง” จะมีลักษณะเหมือนคนธรรมดา มีดวงไฟตรงจมูก ชอบกินกบกินเขียด ส่วนภาคอีสานและภาคกลางนั้นจะเรียก “ผีกระสือ” ลักษณะจะคล้ายๆกัน ผีกระสือที่คนส่วนใหญ่นั้นจะคิดว่าจะมีแต่หัว และมีไส้ แต่ไม่มีตัว ชอบกินของคาว ผีโพงมักจะออกหากินในคืนที่ฝนตกพรำๆ ถ้ามองไกลๆจะเห็นเป็นดวงไฟลอยไปลอยมาในคืนมืดสลัว อากาศเย็นๆยามฝนตก เวลาออกหาเหยื่อลูกไฟตรงจมูกนั้นก็จะหยดลงมา เหมือนน้ำมูกหยดเป็นลูกไฟ เดี๋ยวดวงไฟก็โผล่ตรงนั้น แล้วก็โผล่อีกที่หนึ่ง ถ้าเราลองเดินไปตามดวงไฟที่เคยโผล่นั้นจะพบว่ามีกบ เขียดนอนตายอยู่ตรงขันนาเต็มไปหมด แต่ที่สิ่งที่ทำให้คนๆนั้นต้องกล้ายเป็นผีโพงนั้น เพราะชาติที่แล้วเคยทำเวรทำกรรมมามาก ชาตินี้จึงต้องกล้ายเป็นผีโพง หากบหาเขียดกินประทังชีวิต ถ้ามีกลุ่มคนไปเห็น คนในกลุ่มนั้นเห็นผีโพง แล้วชี้ให้เพื่อนดูเพื่อนก็จะไม่เห็น เป็นเรื่องที่แปลกเหมือนกัน แต่ถ้าบังเอิญไปเจอกับคนรู้จักเข้าจริงๆจังๆ ผีโพงก็จะอ้อนวอน ไหว้ขอไม่ให้เปิดเผยเรื่องของตน ให้เก็บไว้เป็นความลับ เพราะมันเป็นเรื่องน่าอับอาย ผีโพงก็จะเสกใบไม้เป็นทองคำ เพื่อเป็นค่าปิดปากไม่ให้เราพูดและเปิดเผยเรื่องของผีโพง
มีตำนานเล่าว่าผีโพงนั้นมักจะเป็นผู้ชาย เวลาจะออกไปหากินก็จะวางหมอนข้างแล้วใช้ผ้าห่มคลุม เพื่อไม่ให้ลูกเมียสงสัย ผีโพงบางตัวเวลาออกไปหากินก็มักจะสะพายดาบไปด้วย ถ้าโดนจับได้หรือไปพบเห็นคนรู้จักเข้าก็มักจะไปทำร้ายคนที่พบเห็น แต่ถ้าคนๆนั้นยอมที่จะปิดปากไม่เปิดเผยให้ใคร ผีโพงก็จะเสกใบไม้เป็นทองเพื่อผิดปาก แต่ถ้าวันใดวันหนึ่งคนๆนั้นเปิดเผยเรื่องของผีโพง ผีโพงก็จะแค้น แล้วกลับมาทำร้ายจนถึงตายได้ อาจจะเอาก้านกล้วยพุ่งข้ามบ้าน ทำให้คนในบ้านนั้นตาย หรือเอาก้านกล้วยพุ่งใส่อกจนคนๆนั้นเสียชีวิตได้
ตำนานผีในภาคกลาง
ผีห่า เป็นชื่อเรียกของคนที่ตายด้วยโรคห่า แต่ปัจจุบันคนมักนำมาพูดรวมกัน เป็นคำว่า ตายห่าตายโหง บางคนไม่เข้าใจเลยคิดว่าเป็นการตายแบบเดียวกันไป นอกจากนี้คำว่า ตายห่า ยังเป็นคำอุทานด้วย
ในช่วงต้นรัตนโกสินทร์ มีโรคห่า ระบาดในเขตพระนคร ทำให้ผู้คนล้มตายกันเป็นจำนวนมาก ศพของคนที่ตายมีมากกว่าที่วัดจะรองรับได้ คนจึงนำเอามาทิ้งไว้ตามลานวัดบ้าง แม่น้ำลำคลองบ้าง วิญญาณของคนที่ตายก็ไม่สงบ เพราะไม่ได้รับการทำพิธีศพที่ถูกต้องตามศาสนา เลยยังคงปรากฏกายให้ผู้คนได้พบเห็นกันอยู่ทั่วไป
ผีตายห่า เป็นคำเรียกคนที่ตายด้วย โรคห่า หรือ อหิวาตกโรค ในสมัยโบราณ ซึ่งหากหมู่บ้านหรือเมืองไหนเกิดโรคร้ายชนิดระบาดแล้วล่ะก็เป็นเบือเลยทีเดียว เพราะในยุคก่อนนั้นการแพทย์ยังไม่ค่อยเจริญเหมือนปัจจุบันนี้บางตำราว่าหากมีการตายด้วยกาฬโรค ก็เรียกว่าตายห่าเหมือนกันอีกตำราหนึ่งกล่าวถึงประวัติความเป็นมาของคำนี้ไว้ว่า
เมื่อวิญญาณของคนที่ตายด้วยโรคห่า มาหลอกหลอนผู้คน จึงมีคำเรียกผีชนิดนี้ว่า ผีตายห่า คำว่า ผีห่า นั้นหมายถึงผีที่ดุร้ายหรือมีความเลวร้ายไม่ผิดอะไรกับโรคห่า ต่อมาอาจจะมีผู้เห็นว่าผีตายด้วยโรคห่าแทนที่จะไปสู่สุคติกลับมาหลอกหลอน ผู้คนไม่ผิดอะไรกับผีร้าย อย่างผีห่า ความหมายของผีตายห่ากับผีห่า ความหมายของ ผีตายห่า กับ ผีห่าก็เลยผสมกลมกลืนกลายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ก็เป็นเพียงข้อสันนิษฐานซึ่งยังสรุปอะไรไม่ได้นัก
ตำนานผีในภาคอีสาน
ผีตาโขน เป็นผีในความเชื่อของชาวไทยภาคอีสาน ส่วนสาเหตุที่มันได้ชื่อว่า “ผีตาโขน” นั้นก็สืบเนื่องมาจากในสมัยก่อนมีความเชื่อว่าเคยมีผีกลุ่มหนึ่งพยายามเดินตามพระเพื่อขอส่วนบุญ ประมาณว่าจะได้ใช้เอาไปเกิดในภพหน้าได้ ชาวบ้านมาเห็นก็เลยเรียกผีกลุ่มนั้นว่า “ผีตามคน” ภายหลังเรียกเพี้ยนไปเพี้ยนมาจนกลายมาเป็น “ผีตาโขน” ในที่สุด
ตำนานผีในภาคใต้
นางตานี เป็นผีผู้หญิง เช่นเดียวกับนางตะเคียน นางตานีจะสิงสถิตย์อยู่ในต้นกล้วยตานี อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ต้นกล้วยตานีทุกต้นจะมีพรายตานีสิงสถิตย์อยู่ ลักษณะของพรายตานีโดยทั่วไปจะเป็นหญิงงาม นุ่งห่มตามแบบสตรีไทยโบราณ สไบสีตองอ่อน ผ้านุ่งโจงสีตองแก่ กลิ่นกายหอมดอกกล้วย เรื่องการเรียกพรายตานีนี้มีหลายตำนาน บ้างก็ว่าให้ชายที่ต้องการเรียกพรายนาตีมาปัสสาวะรดโคนต้นกล้วยที่กำลังออกปลีใหม่ ๆ บ้างก็ว่าให้เอาของลับถูกับโคนต้นกล้วย
ต้นกล้วยตานี เป็นที่สิงสถิตของ พรายนางตานี เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่คนรุ่นเก่า พรายนางตานีนี้ว่ากันว่า มีหน้าตาสวย มีกลิ่นตัวหอม ไว้ผมยาว ฝ่ามือฝ่าเท้าแดงอ่อนดุจตีนนกพิราบ ริมฝีปากมีสีเหมือนตำลึงสุก ถ้ากล้วยตานีมีลำต้นอวบ พรายนางตานีก็มีรูปทรงท้วม ถ้ามีลำต้นโปร่งเปลา พรายนางตานีก็มีรูปทรงฉลวย
โดยเหตุที่พรายนางตานีเป็นผี ชาวบ้านจึงไม่กล้าปลูกกล้วยตานีไว้ใกล้เรือน แม้จะปลูกไว้ใกล้เรือน ถ้าจะตัดเอาใบตองไปใช้ ก็ห้ามไม่ให้ตัดเอาไปทั้งใบ ต้องเจียนเอามาแต่ใบตองเท่านั้น หรือไม่ก็ต้องหักก้านเสียก่อน เพราะถ้าตัดเอาเข้ามาในเรือนทั้งใบ ถือเป็นลางร้ายว่าจะมีใครในบ้านนั้นตายลงในไม่ช้า ทั้งนี้เห็นจะเนื่องจากคติเดิมที่ใช้ใบตองกล้วยตานีสามใบรองก้นโลงศพ
กล้วยตานีนี้ถ้าคราวออกปลี จะมีพิธีพลีพรายนางตานี เครื่องพลีมีหัวหมูบายศรี สำรับคาวหวาน ของหวานก็มีขนมต้มแดงต้มขาว นอกจากนี้ยังมีข้าวตอกดอกไม้ธูปเทียน น้ำหอมและเครื่องหอม มีแป้งกระแจะจันทน์ เป็นต้น เอาแหวนและสร้อยทองคำไปคล้องที่งวงปลีกล้วยเป็นเครื่องประดับ และนำผ้าผืนหนึ่งจะเป็นสีแดงหรือสีอะไรก็ได้ ไปพันรอบต้นกล้วยตานี เป็นต่างว่าได้นุ่งห่มให้แก่พรายนางตานี ขอให้คุ้มครองรักษาคนในบ้าน และให้มีลาภ บางทีมักนิยมนิมนต์พระสงฆ์ไปสวดมนต์ทำบุญด้วย บางทีหมอที่ทำพิธี เมื่อเซ่นวักแล้ว นำดอกในปลีกล้วยตานีไปตากแดดให้แห้งแล้วบดให้เป็นผงผสมกับผงอิธเจ คือผงของดินสอขาวที่ลงยันต์ซึ่งเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ สำหรับใช้ในทางให้เกิดเสน่ห์ เป็นเมตตามหานิยม บางทีก็เอาดอกในปลีกล้วยตานีไปใส่ไว้ในตลับสีผึ้งสีปากซึ่งปลุกเสกแล้ว ใช้สำหรับสีปากเพื่อให้เกิดเสน่ห์เป็นเมตตามหานิยมเช่นเดียวกัน เมื่อใช้สีผึ้งนี้สีปากแล้ว แย้มปากพูดออกมาก็มีเสน่ห์ กระทำให้ผู้ใหญ่มีเมตตา ถ้าเป็นผู้หญิงสาวก็ทำให้เกิดความรักขึ้นมาได้ทันที ในทางตรงกันข้าม ถ้าผู้หญิงทาสีผึ้งนี้แล้ว เมื่อแย้มปากพูดออกมา ผู้ชายก็จะเกิดความรักขึ้นในทันทีเช่นเดียวกัน
ถ้ากล้วยตานีที่ทำพิธีเซ่นวักแล้วออกปลีกลางต้น ก็ถือกันว่ากล้วยตานีนั้นเกิดมีพรายนางตานีขึ้นแล้ว กล้วยตานีที่ออกปลีกลางต้นนี้ พวกชายหนุ่มที่ยังเป็นโสดอยู่ ถ้าเป็นผู้รู้เรื่องเกี่ยวกับพรายนางตานี ก็จะไปทำพิธีเซ่นวัก เป็นทำนองเดียวกับที่กล่าวมาแล้วข้างต้น แล้วไปที่ต้นกล้วยตานีนั้นในเวลากลางคืนทุกคืน สุดแต่โอกาสจะอำนวยให้ พอไปถึงก็กล่าวคำเกี้ยวประเล้าประโลมพรายนางตานี ต้องตั้งความเพียรไปเกี้ยว จนกว่าพรายนางตานีจะใจอ่อนเห็นอกเห็นใจ แล้วเอามีดเฉือนตอนโคนกล้วยที่มีลักษณะเป็นเหมือนเหง้า เอามาก้อนหนึ่งแกะสลักเป็นรูปผู้หญิงใส่ตลับหรือภาชนะอื่นไว้ และต้องเซ่นวักทุกเช้าเย็น ทำอย่างนี้อยู่หลาย ๆ วัน พรายนางตานีก็จะมาปรากฏร่างให้เห็นในความฝัน เป็นผู้หญิงสาวรูปร่างหน้าตาสวยสดงดงาม สมดั่งใจที่เคยนึกเคยพะวงเป็นจินตนาการมาก่อน แล้วนางจะยอมตนเป็นเมียผู้นั้น อันเป็นความฝันอีกเหมือนกัน เมื่อได้นางพรายตานีเป็นเมียแล้ว ชายคนนั้นจะไปมีเมียอื่นอีกไม่ได้ ถ้ามีก็มักเป็นอันตราย ถ้าต้องการจะมีเมียจริง ๆ ก็อาจทำได้ โดยบอกกล่าวขออนุญาตพรายนางตานีเสียก่อน พรายนางตานีเป็นเมียที่ดี เมื่อเห็นสามีซื่อสัตย์ไม่ปิดบังความจริง ก็จะอนุญาตให้มีได้ ซ้ำยังจะช่วยเหลือเพื่อให้การนั้นสำเร็จไปด้วยดีอีกด้วย ไม่มีหึงหวงแยกเขี้ยว หรือร้องไห้ตีโพยตีพายเหมือนเมียมนุษย์
โฆษณา