19 ม.ค. 2021 เวลา 08:34 • ประวัติศาสตร์
เปิดตำนาน 7 จอมปีศาจ แห่งมหาบาป 7 ประการ
1
ศาสนาทุกศาสนาล้วนสอนให้คนเป็นคนดี ละเว้นความชั่ว ซึ่งแต่ละศาสนาต่างก็มีบทบัญญัติข้อห้ามที่แตกต่างกันไปตามบริบทและความเชื่อของศาสนานั้นๆ โดยในศาสนาคริสต์ บาปเป็นสิ่งที่สามารถลดหย่อนและให้อภัยได้ ผ่านการสารภาพและทำความดี แต่รู้หรือไม่ครับว่า มีบาปอยู่ด้วยกัน 7 อย่างที่ถือเป็นบาปสถานหนัก และไม่สามารถรับการอภัยได้ ซึ่งบาปแต่ละข้อนั้น จะมีจอมปีศาจคอยควบคุมบาปเหล่านั้นอยู่อย่างละตน ในบทความนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องราวของปีศาจแต่ละตนกันครับ
1
1.ลูซิเฟอร์(Lucifer) เจ้าแห่งบาปความหยิ่งผยอง(vanity)
Lucifer
หนึ่งในจอมปีศาจที่โด่งดังและทรงพลังมากที่สุด โดยเริ่มแรกนั้นลูซิเฟอร์เป็นเทวดาที่พระเจ้าให้ความรักและเอ็นดูเป็นอย่างมาก จนได้มอบพลังต่างๆมากมายให้ เป็นรองเพียงพระเจ้าเท่านั้น
3
ด้วยความหยิ่งผยองในพลังอำนาจที่ได้รับ ทำให้ลูซิเฟอร์นั้นคิดการใหญ่และชักชวนเทวทูตตนอื่นๆให้มาเป็นพวกเพื่อทำการก่อกบฏชิงอำนาจจากพระผู้เป็นเจ้า แต่ในที่สุดเขาก็พ่ายแพ้ และถูกขับไล่ออกจากสรวงสวรรค์ชั่วกาล ด้วยเหตุนี้ลูซิเฟอร์จึงกลายเป็นจอมปีศาจแห่งความเย่อหยิ่งจองหอง ซึ่งผู้ที่ทำบาปข้อนี้นั้นจะมีความต้องการที่จะได้รับความสำคัญโดยไม่สนใจผู้ใด ลุ่มหลงในอำนาจ รูปลักษณ์และชื่อเสียงมากจนเกิดเป็นความโอหัง สีประจำบาปข้อนี้คือสีม่วง สัญลักษณ์ของความเย่อหยิ่งคือ ม้า สิงโต นกยูง บทลงโทษสำหรับผู้ก่อบาปนี้คือ ถูกมัดเข้ากับวงล้อ และให้วงล้อหมุนไปเรื่อยๆจนร่างถูกบดเข้ากับพื้น ศีลธรรมที่ช่วยกำจัดบาปนี้ คือการถ่อมตน และเห็นอกเห็นใจผู้อื่น
2
Lucifer ท้าทายพระผู้เป็นเจ้า
2.แมมม่อน(Mammon) เจ้าแห่งบาปความโลภ(greed)
Mammon
หนึ่งในปีศาจที่มีอำนาจมากในนรก ชื่อแมมม่อนนั้น มีความหมายว่า ทรัพสมบัติ,เจ้าแห่งเงินตรา,ผู้ร่ำรวยที่สุด แต่ทั้งนี้ความหมายเหล่านั้นก็ยังไม่ชัดเจนและตายตัว กล่าวกันว่าแมมม่อนนั้นเป็นปีศาจที่มีอำนาจมากที่สุดในโลกสมัยนี้ เพราะยุคนี้เป็นยุคที่ผู้คนเห็นเงินทองและผลประโยชน์สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด โดยแมมม่อนยังเคยเป็นอดีตอัครทูตสวรรค์เช่นเดียวกับลูซิเฟอร์และมีตำแหน่งเป็นเจ้าชายแห่งนรกอีกด้วย
2
แมมม่อน สามารถเข้าสิงใครก็ได้ที่มีความกระหายในทรัพย์สมบัติ เงินทอง และควบคุมจิตใจคนคนนั้นจนเกิดความโลภ และพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ทรัพย์สมบัตินั้นมาโดยไม่สนใจถูกผิด และไม่ยอมแบ่งปันให้ใคร มันเป็นสัญลักษณ์ของความั่งคั่งที่ไม่ชอบธรรม เช่นการทุจริต การยักยอกเอาเงินของศาสนามาใช้ สำหรับใครก็ตามที่เห็นว่าเงินทองคือพระเจ้า คือทุกๆสิ่ง ถือได้ว่าคนเหล่านั้นเป็นสาวกของแมมม่อน สีประจำบาปนี้คือสีเหลือง สัญลักษณ์ของความโลภ คือ กบ ผู้ที่กระทำบาปในข้อนี้จะต้องถูกลงทัณฑ์ด้วยการแช่ในน้ำมันเดือด ซึ่งสิ่งที่ช่วยกำจัดความโลภได้ ก็คือความเมตตา และการแบ่งปัน
1
Mammon
3.แอสโมเดียส(Asmodeus) เจ้าแห่งบาปตัณหาราคะ(lust)
1
Asmodeus
นามของปีศาจตนนี้นั้นมีมากมาย พอๆกับความชั่วร้ายของมันแต่อีกนามที่คนจะเรียกกันก็คือแอชเมได(Ashmedai) ว่ากันว่ามันเป็นปีศาจที่มาจากแถบเปอร์เซีย ไม่ได้มาจากชาวฮีบรูเหมือนปีศาจตนอื่นๆ(ส่วนใหญ่ปีศาจในศาสนาคริสต์นั้นจะมีที่มาจากคัมภีร์เก่าแก่ของชาวฮีบรูครับ) เชื่อกันว่ามันมาจากดินแดนแห่งราคะที่ชื่อ Zend Aeshmadeva และตำนานยังบอกอีกว่า มันคือผู้ที่มอมเหล้าโนอาร์จนเมามาย อีกทั้งยังเข้าสิงสาวน้อยซาราห์ จนกระทั่งเทพราฟาเอลสามารถขับไล่มันไปยังดินแดนตอนเหนือของอียิปต์
1
แอสโมเดียสเป็นปีศาจแห่งตัณหาราคะทางเพศ มันจะทำทุกวิถีทางให้คนลุ่มหลงในประเวณี และ ย่ำยีผู้อื่น แต่จะขัดขวางทุกทางกับคนที่ต้องการมีลูก บางคัมภีร์กล่าวว่าผู้ที่ทำการอัญเชิญมันจะต้องสวมหมวกวิเศษเพื่อป้องกันไม่ให้ถูกมันล่อลวงเอาได้ แต่มันก็ยังช่วยสอนมนุษย์ให้รู้จักศิลปะ การฟ้อนรำ และแฟชั่นนำสมัย โดยเมื่อปรากฎตัว มันจะมีรูปร่างเป็นสัตว์ประหลาดสามหัว ขี่มังกร พร้อมอาวุธหอก หัวทั้งสามของมันเป็น วัว แพะ และคน เนื่องจากสัตว์พวกนี้ถือว่าเป็นสัตว์ที่ที่ลุ่มหลงในกิเลสตัณหา เท้าของมันจะเป็นของไก่
1
Asmodeus
ผู้ที่ทำบาปข้อนี้คือผู้ที่ลุ่มหลงและหมกหมุ่นในตัณหาทางเพศมากจนเกินพอดี มีความใคร่ในทางมิชอบ เช่น มีชู้ มีเพศสัมพันธ์ในหมู่ญาติพี่น้องหรือกับสัตว์ เป็นต้น สีประจำบาปนี้คือสีน้ำเงิน มีสัญลักษณ์คือ งู วัว มีบทลงโทษคือต้องถูกรมด้วยสารกำมะถันและไฟ รวมถึงตัดอวัยวะเพศ สิ่งที่จะกำจัดตัณหาได้ คือความบริสุทธิ์และหวงแหนในพรหมจรรย์
4.เลเวียธาน(Leviathan) เจ้าแห่งบาปความริษยา(envy)
Leviathan
ที่มาและรูปร่างของปีศาจตนนี้นั้นมีหลากหลาย แต่มีความคล้ายกันคือเลเวียธานนั้นมีลักษณะเป็นสัตว์เลื้อยคลานขนาดยักษ์ อาศัยอยู่ในท้องทะเล ฟันแหลมคมและมีพิษสงร้ายกาจมาก มันถูกกล่าวถึงทั้งในพระคัมภีร์ของชาวยิว และไบเบิ้ลของชาวคริสต์ ว่ากันว่ามันคือพลังแห่งความสับสนวุ่นวาย เมื่อครั้งพระผู้เป็นเจ้าสร้างโลก โดยคัมภีร์ปฐมกาลกล่าวว่า “ในปฐมกาลพระเจ้าทรงเนรมิตสร้างฟ้าและแผ่นดินแผ่นดินก็ว่างเปล่า ความมืดอยู่เหนือน้ำ และพระวิญญาณของพระเจ้าปกอยู่เหนือน้ำนั้น” ซึ่งผืนน้ำดั่งกล่าวนั้น คือความสับสนวุ่นวายและก็คือเลวีธานนั่นเอง
3
อีกเรื่องเล่าหนึ่งก็ว่ามันเป็นเทวทูตชั้นเลวที่ถือกำเนิดในวันที่ 5 ของการสร้างโลกร่วมกับปีศาจอีกตนที่ชื่อว่าเบเฮมอธ โดยตำราบางเล่มนั้นกล่าวว่า เลเวียธานมีลมหายใจเป็นไฟ และน่ากลัวเกินกว่าที่มนุษย์จะจินตนาการได้ แม้กระทั่งยอดขุนศึกผู้ออกรบมาอย่างโชกโชน ยังต้องร้องไห้ราวกับเด็กทารกเมื่อได้เจอมัน ส่วนสาเหตุที่มันได้รับการยกให้เป็นตัวแทนของความริษยานั้น มีหลายที่มาครับ บ้างก็ว่ามันอิจฉามนุษย์เพราะมนุษย์อยู่ได้ทั้งบนบกและลงไปในน้ำ แต่มันกลับอยู่ได้เพียงแต่ในทะเลราวกับถูกขัง บ้างก็ว่ามันอิจฉาในพลังของพระเจ้า อีกทั้งชื่อเลเวียธาน ยังมีความหมายว่า ผู้ขัดขวางความศรัทธาอีกด้วย
ความริษยาหมายถึง การไม่รู้จักยอมรับผู้ที่ดีกว่าตนเอง ไม่ว่าจะเป็นรูปโฉม ทรัพย์สมบัติหรือความสำเร็จ และปรารถนาให้ผู้อื่นรับเคราะห์ ความอิจฉาริษยาจะนำไปสู่การรังเกียจตัวเอง และอยากเป็นผู้อื่น จนถึงขั้นขโมยและทำร้าย โดยความริษยานั้นพัฒนามาจากความโลภและความตะกละที่สุดขั้ว มีสีประจำบาปคือสีเขียว สัญลักษณ์ของบาปคือสุนัข บทลงโทษของผู้ก่อบาปนี้ คือการถูกเย็บดวงตาอย่างทรมาณ ส่วนสิ่งที่ช่วยขจัดความอิจฉาออกไปได้ คือความกรุณาและเผื่อแผ่
3
Leviathan
5.บีลเซบับ(Beelzebub) เจ้าแห่งบาปความตะกละ(gluttony)
1
Beelzebub
ชื่อของบีลเซบับนั้นถูกกล่าวถึงในหลายความเชื่อ ทั้งในซีเรียที่ให้บีลเซบับเป็นหนึ่งในสามเทพเจ้าแห่งแอครอน(Ekron)และฟิลิสเทีย(Philistia) จนกระทั่งในรัชสมัยของกษัตริย์ Ahaziah ได้ยกให้บีลเซบับเป็นเทพที่ชั่วร้าย หลังจากที่นักบวชผู้หนึ่งได้กล่าวว่า "เมื่อใดที่ Ank(บีลเซบับ) มาเยือน เมืองนี้จะเกิดโรคร้ายระบาดไปทั่ว ผู้คนจะล้มตายนับสิบ และซากศพจะกองสูงเหนือหลังคาบ้าน" ทำให้ผู้คนจึงเชื่อกันว่าบีลเซบับเป็นเทพแห่งโรคร้าย
1
ส่วนตำนานของชาวคริสต์นั้นกล่าวว่า บีลเซบับเคยเป็นอดีตทูตสวรรค์ที่ทำหน้าที่สอนมนุษย์ในการใช้สอยสิ่งต่างๆรวมไปถึงการเลือกสรรอาหารการกิน ก่อนที่จะถูกขับไล่ออกจากสวรรค์(อาจเป็นเมื่อคราวการก่อกบฏของลูซิเฟอร์) และถูกเชิญชวนจากซาตานให้อยู่ฝ่ายเดียวกับตน แต่บีลเซบับนั้นแตกต่างจากซาตาน ตรงที่พลังอำนาจที่มันมีนั้นซาตานไม่ได้เป็นผู้ให้ ทำให้มันไม่จำเป็นต้องขึ้นตรงต่อซาตาน และได้ปกครองส่วนหนึ่งของนรก รวมถึงมีศักดิ์เป็นเจ้าชายของนรกอีกด้วย ส่วนในตำนานของเพเก้นนั้นกล่าว บีลเซบับเป็นหนึ่งในจ้าวแห่งนรกทั้งสาม อันได้แก่ ลูซิเฟอร์ บีลเซบับ และแอสทารอส ทั้งสามนั้นต้องการที่จะปกครองโลกใบนี้ แตกต่างจากซาตานที่ต้องการปกครองสวรรค์เพราะอยากชิงอำนาจจากพระผู้เป็นเจ้า
สาเหตุที่บีลเซบับนั้นได้เป็นปีศาจแห่งความตะกละ ก็ด้วยอุปนิสัยที่มีความอยากกระหายในการกินอย่างไม่มีที่สิ้นสุด กินเท่าไหร่ก็ไม่อิ่ม โดยเมื่อถูกเรียกจากเหล่าสาวก บีลเซบับมักจากปรากฎตัวในร่างของแมลงวัน ตามชื่อของมันที่แปลว่า จ้าวแห่งแมลงวัน หรือ จอมทำลายล้าง ทุกที่ที่มันไปจะมีฝูงแมลงวันตามไปด้วย และนำมาซึ่งโรคระบาดต่างๆ ซึ่งผู้ที่กระทำบาปข้อนี้นั้นคือผู้ที่บริโภคสิ่งต่างๆโดยเฉพาะอาหาร มากจนเกินพอดี ขาดการไตร่ตรอง ไม่เห็นใจและยังมุ่งร้ายเอาของของผู้อื่น เวลาที่จะสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้านั้นน้อยลง และทำให้อาจพัฒนาไปสู่บาปอื่นได้ เช่น การฆ่าเพราะความหิว โดยสีประจำบาปนี้คือสีส้ม สัญลักษณ์คือหมู บทลงโทษของผู้ก่อบาปนี้ คือการถูกกินทั้งเป็นโดย หนู คางคก และงู ส่วนสิ่งที่ช่วยขจัดความตะกละออกไปได้ คือ ความพอดี และการยับยั้งชั่งใจ
2
Beelzebub
6.เบลเฟกอร์(Belphegor) เจ้าแห่งบาปความเกียจคร้าน(sloth)
1
Belphegor
เบลเฟกอร์ คือเจ้าแห่งห้วยลึกและความไร้ศีลธรรม ปีศาจตนนี้มีความชาญฉลาดในการประดิษฐ์และค้นพบวิทยาการหรือของแปลกพิศดารต่างๆ และจะชอบนำไปมอบให้กับมนุษย์ในอดีตเคยเป็นเทวทูตบนสวรรค์ มีหน้าที่ในการจัดสรรตำแหน่งต่างๆ ก่อนที่จะออกจากสวรรค์และกลายเป็นปีศาจในเวลาต่อมา เบลเฟลกอร์นั้นมักจะบงการให้มนุษย์ทำอะไรแทนให้ในขณะที่ตัวมันเองนั้นจะอยู่เฉยๆไม่ยอมทำอะไร ทำให้มันเป็นเจ้าแห่งความขี้เกียจ โดยเมื่อปรากฎตัว มันจะอยู่ในร่างของหญิงสาวหรือไม่ก็อยู่ในรูปของปีศาจเครายาว มีเขาและเล็บที่ยาว ไม่ใส่เสื้อผ้า โดยสาเหตุที่ไม่ใส่นั้น กล่าวกันว่าเพราะเบลเฟกอร์ เป็นปีศาจที่ชอบเปิดโปงความลับของคน ซึ่งมักจะเป็นในทางที่ไม่ดี มันจึงไม่ใส่เสื้อผ้าปกปิด
ความเกียจคร้านคือการที่ไม่ให้ความสนใจต่อการเปลี่ยนแปลงของสิ่งรอบข้าง ปล่อยเวลาให้ผ่านไปอย่างไร้ค่า ให้ผู้อื่นทำงานหนักแทนตัวเอง เอาแต่อยู่เฉยๆ ละเลยหน้าที่ของตนโดยเฉพาะการทำความดี และเคารพต่อพระผู้เป็นเจ้า สีประจำบาปนี้คือสีคราม มีสัญลักษณ์คือแพะ บทลงโทษนั้น คือการต้องถูกโยนลงไปในบ่องูพิษ ส่วนสิ่งที่จะช่วยขจัดความเกียจคร้านได้ คือความกระตือรือร้นและทะเยอทะยาน
Belphegor
7.ซาตาน(Satan) เจ้าแห่งบาปความโกรธ(wrath)
Satan
ถือได้ว่าเป็นราชาแห่งปีศาจทั้งมวล ปรากฎอยู่ในตำนานและความเชื่อของทั้งชาวยิวและชาวคริสต์ รวมถึงในอิสลามนั้นเรียกมันว่า Iblis ถ้าหากพระเจ้าคือแสงสว่างสูงสุด และเป็นผู้ให้กำเนิดทุกสรรพสิ่ง ซาตานนั้นก็คือความืดมิดที่สุดและไม่ได้ถูกสร้างโดยพระผู้เป็นเจ้ามันมีพลังในการล่อลวงจิตใจของคนให้ออกจากศีลธรรมและความดีงามไปสู่ความชั่วร้าย แต่ก็หาใช่ว่าซาตานนั้นจะมีพลังอำนาจเทียบเท่าพระเจ้า พระองค์นั้นสามารถทำลายมันเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ทรงไม่ทำ เพราะต้องการที่จะทดสอบจิตใจของมวลมนุษย์ อีกทั้งซาตานนั้น ในบางแห่งถูกนำไปรวมเข้ากับปีศาจตนอื่น จนหลายคนเข้าใจว่าเป็นตัวเดียวกัน เช่น ลูซิเฟอร์อีกด้วย
1
ความโกรธหรือโทสะนั้น คือการมีความขุ่นเคือง มีความพยาบาทที่ขาดความเหมาะสม การทนรับสภาพในบางสิ่งไม่ได้ จนแสวงหาหนทางที่ผิด เช่น ทำผิดกฎหมาย ศีลธรรม และการล้างแค้น รวมไปถึงการมุ่งร้าย เหยียดหยามผู้ที่ตนไม่ชอบอย่างไร้เหตุผล เช่น เรื่องสีผิว เชื้อชาติ ศาสนา ฯลฯ จนนำไปสู่การทำร้ายและการฆ่า สีประจำบาปนี้คือสีแดง สัญลักษณ์คือหมี และบทลงโทษของผู้ที่ก่อบาปโทสะ คือการถูกฉีกร่างทั้งเป็น ซ้ำไปซ้ำมา ซึ่งสิ่งที่จะช่วยกำจัดความโกรธออกไปได้ คือความนอบน้อมและการให้อภัย
3
Satan
และนี่คือเรื่องราวของจอมปีศาจจากบาปทั้ง 7 ประการ ที่ผมยกมานำเสนอครับ ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม และพบกันใหม่ในบทความหน้านะครับบบ
อ้างอิงข้อมูลจาก
โฆษณา