"เกมชีวิต วัดกันด้วยความสามารถในการจับดวงชะตา แล้วเอาชนะด้วยการกำหนดเส้นทางชีวิตด้วยตัวเอง ใครเผลอเรอ ปล่อยให้ชีวิตไหลไปตามดวง อาจต้องพบกับความพ่ายแพ้" 🧐🌕🌖🌗🌘🌑🌒🌓🌔🌕🌟
.
#ชวนอ่าน #อ่านจบแล้วเอามาเรียงๆ
.
🌟 คนเหนือดวง
👩🦳 ผู้เขียน แก้วเก้า
📚 สำนักพิมพ์ ทรีบีส์
.
🖍 "โพน" ชายหนุ่มวัยสิบห้าปี รูปร่างหน้าตาดี มีโอกาสได้ตาม "พูน" แม่ของเขากลับมาทำบุญให้ยายที่บ้านเกิด แต่เดิมครอบครัวของแม่มีพื้นเพอยู่ที่ย่านบางปะอิน แต่หลังจากที่ตาเสีย แม่ก็ขายไร่นา พายายย้ายไปอยู่ที่ย่านบางใหญ่ เช่าบ้านหลังเล็ก ขายข้าวแกงอยู่กันตามอัตภาพ ต่อมายายป่วยหนักจนกระทั่งตายจากไป ชีวิตโพนและแม่จึงยิ่งลำบากมากกว่าเดิมเพราะเงินเก็บที่มีอยู่ถูกนำไปรักษายาย แม้ว่าโพนอยากจะเรียนต่อ แต่ด้วยความที่พ่อตายไปนานแล้ว ทำให้ไม่มีใครช่วยเหลือจุนเจือสองแม่ลูกเลย
.
🖍 จะมีก็แต่ "ลุงเสริม" พ่อหม้ายมีฐานะ ที่แม่บอกว่าเป็นญาติห่างๆ คอยช่วยเหลือ เมื่อแม่กับโพน เดินทางมาถึงบางปะอินก็ได้ลุงเสริมช่วยเป็นธุระพาโพนและแม่ไปทำบุญ อีกทั้งยังรบเร้าให้ค้างที่บ้านสักคืนก่อนจะกลับบางใหญ่ โพนดูออกว่าแม่มีความอึดอัดบางอย่าง แม่ดูไม่ค่อยอยากจะกลับมาที่บางประอินสักเท่าไหร่ ถ้าไม่ติดว่าต้องเอากระดูกยายมาไว้ที่วัด แม่คงไม่กลับมาที่นี่
.
🖍 ลุงเสริมพาโพนและแม่ไปพบหลวงตาที่วัด ช่วงระหว่างที่แม่กำลังคุยธุระ โพนออกมาเดินเล่นรอบวัดและได้พบกับชายประหลาดคนหนึ่ง แกนุ่งขาว หัวก็ขาว แต่หน้าไม่มีริ้วรอยความชราแต่อย่างใด โพนจึงเรียกแกว่า "น้า"
.
🖍 น้าแกบอกว่าตัวแกเป็นหมอดู ไหนๆ ก็ได้เจอกัน จะดูดวงให้ฟรีไม่คิดเงิน โพนจึงตกลง ชายคนนั้นบอกว่า โพนมีดวงชะตาไม่เหมือนใคร ดวงชะตาค่อนไปทางกลางๆ ถ้าไม่ต่ำสุด ก็สูงสุด ชะตาโลดโผนเหมือนรถไฟเหาะ อนาคตจะเป็นคนใหญ่คนโต เทวดาฟ้าดินถึงได้ส่งให้เกิดมาลำบากก่อนจะได้เรียนรู้ชีวิต โพนได้ฟังก็รู้สึกว่าเชื่อไม่ได้ แต่ก็ขอบคุณที่ดูดวงให้โดยไม่คิดเงิน
.
🖍 คืนนั้นโพนและแม่ค้างที่บ้านลุงเสริม โพนจึงได้รู้จากแม่ว่าหลวงตาก็ดูดวงให้เขา บอกว่าเป็นดวงที่มีความเหนื่อยยาก ต้องขยันถึงจะพอเอาตัวรอดได้ ด้วยเหตุนี้ แม่เขาจึงไม่ค่อยสบายใจ นอกจากนี้หลวงตายังบอกอีกว่าดวงของแม่ ถ้าย้ายกลับมาอยู่บ้านเกิดจะหมดเคราะห์หมดโศก โพนฟังแล้วน่าจะเป็นไปได้ยากพราะแม่ไม่อยากย้ายกลับมาอยู่ที่นี่
.
🖍 คืนนั้นที่วัดมีงานแข่งขันก่อกองทราย โพนเลยได้ติดสอยไปเที่ยวงานวัดและเข้าแข่งขันก่อกองทรายกับ "ลินจง" ลูกสาวของลุงเสริม ระหว่างนั้นได้พบกับ "คุณนายทองถัก" และ "น้ำหอม" ที่มาตามหาหมอดูที่เคยทายทักคุณนาย โพนบังเอิญได้ยิน เข้าใจทันทีว่า คุณนายมาตามหาน้าหมอดูที่เคยดูดวงให้โพนฟรีๆ จึงถูกใช้ให้ไปตามตัว น้าหมอดูก็รักสันโดษ ฝากมาแต่คำทำนาย แต่ไม่มาเจอ แกทายมาว่า ให้ลูกชายคุณนายค้าขายอย่างเก่า อย่าโดดลงไปเล่นการเมือง คุณนายที่ได้คำทำนายก็ดีใจ เพราะแกมาเรื่องลูกชายจริงๆ
.
🖍 คุณนายทองถักมองหน้าโพน ถามว่าลูกเต้าเหล่าใคร ก่อนจะกลับก็ฝากแม่บ้านมาตบรางวัลโพนร้อยนึง ป้าแม่บ้านรู้สึกมหัศจรรย์มาก ปกติสลึงนึงคุณนายยังไม่เจียดออกจากกระเป๋า โพนจึงนับว่าโชคดีมาก ขณะที่น้ำหอมก็อยากจะช่วยโพนก่อกองทราย โพนก็ได้แต่รำคาญเพราะเห็นว่าจะมาทำให้กองทรายเละมากกว่า ไม่ทันไรคุณนายก็พาน้ำหอมกลับไป
.
🖍 โพนที่ได้รับเงินจากคุณนายมาอย่างงงๆ ก็คิดได้ว่าเงินนี้น่าจะเป็นของน้าหมอดูมากกว่า จึงเที่ยวตามหาเอาเงินให้ อีกทั้งยังบ่นว่าเสียดายที่ไม่ได้อยู่ที่บางปะอินต่อ น้าหมอดูจึงแนะโพนว่า ให้โพนเอาเงินหนึ่งร้อยบาทนี้ให้แม่ บอกว่าคุณนายทองถักให้มา แล้วโพนจะได้กลับมาอยู่ที่บางปะอิน
.
🖍 โพนได้ฟังก็รู้สึกแปลกๆ แต่ก็ทำตามที่น้าหมอดูแนะนำ แม่นั้น พอได้ยินชื่อคุณนายทองถักก็ตกใจ หลังจากซักไซ้ไล่เรียง โพนก็บอกแม่ว่าอยากอยู่ที่บางปะอิน แม่ก็รับปากว่าจะหาหนทางย้ายกลับมา โพนรู้สึกประหลาดใจที่เรื่องราวเป็นไปตามที่น้าหมอดูบอก ได้แต่คิดสะระตะก็ไม่ได้คำตอบ
.
🖍 เมื่อแม่ตกลงจะย้ายกลับมาอยู่บ้านเดิม ลุงเสริมก็ช่วยขนของกลับมาให้ โพนเองก็ได้เจอและคบหากับน้าหมอดูบ่อยครั้ง โพนจึงได้รู้ว่าน้าหมอดูชื่อ "โหน" คุยกันไปคุยกันมา น้าโหนแกก็สอนวิชาดูดวงให้ อีกทั้งยังสอนให้โพนดำเนินชีวิตตามแนวทางของพุทธศาสนา โพนจึงเริ่มจากการถือศีลห้า ช่วงแรก โพนไม่ได้คิดอะไรมากเกี่ยวกับวิชาหมอดู แต่เห็นน้าโหนตั้งใจสอนและมีความรู้อะไรแปลกๆ อย่างที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน โพนก็เริ่มติดใจแกและชอบคุยกับแก เพราะน้าโหนไม่ได้รู้เฉพาะเรื่องโหราศาสตร์ แต่ยังรู้เรื่องเกี่ยวกับมนุษย์เป็นอย่างดี
.
🖍 ไม่นานน้าโหนก็กลับไปเยี่ยมบ้านที่อยุธยา ลุงเสริมก็มาเยี่ยมเยียนแม่สม่ำเสมอจนกระทั่งลินจงและโพนสนิทกัน โพนดูออกว่าลุงเสริมชอบแม่ อีกทั้ง "ย่าเนียน" แม่ของลุงเสริมก็พูดเป็นนัยๆ ว่าถ้าลุงเสริมจะแต่งเมียใหม่ก็รับได้ ส่วนแม่เองก็แบ่งรับแบ่งสู้ สิ่งที่แม่เป็นห่วงมากที่สุดก็คือโพน โดยเฉพาะเมื่อคิดถึงคำทำนายของหลวงตาก็ทำให้อดห่วงโพนไม่ได้
.
🖍 หลังจากย้ายกลับมาอยู่บางปะอิน แม่ก็เปิดร้านขายข้าวแกง สองแม่ลูกช่วยกันขายของ แม่เคยถามโพนว่า หลังจากนั้นได้เจอคุณนายทองถักอีกไหม โพนก็ตอบตามตรงว่าไม่ได้เจอ
.
🖍 ในคืนหนึ่ง หลังอาบน้ำเสร็จ โพนก็ออกมาเดินเล่นแล้วได้เจอกับลินจงที่กำลังหนีลุงเสริมไปเที่ยวดูหนังในเมือง ด้วยความเป็นห่วงโพนจึงจะตามไปด้วย ก่อนที่โพนจะขี่รถไป ได้เหลือบตาไปเห็นน้าโหน แกอ้างว่ากำลังเดินไปอยุธยา น้าโหนเตือนโพนถึงโทษของการเที่ยวกลางคืน แต่ด้วยความเร่งเร้าของลินจง โพนจึงตัดสินใจพาลินจงมาดูหนังในที่สุด
.
🖍ระหว่างรอหนังฉาย มีกลุ่มเด็กหนุ่มมาแสดงท่าทีสนใจลินจง ตัวลินจงก็เล่นหูเล่นตากลับไปด้วย โพนตัดสินใจลากลินจงกลับบ้าน ระหว่างทางกลับบ้านมอเตอร์ไซค์ของโพนถูกรถยนต์ของกลุ่มเด็กหนุ่มปาดจนตกข้างทาง กลุ่มเด็กหนุ่มลงมาลากลินจงเข้าไปในรถ ทิ้งโพนนอนเจ็บอยู่ข้างทาง ระหว่างที่โพนตะเกียดตะกายขึ้นมา ก็เงยหน้ามาเห็นน้าโหนที่บอกว่ากำลังจะเดินไปอยุธยา และด้วยความเป็นห่วงลินจง โพนตัดสินใจจะไปตามลินจง โดยลากเอาน้าโหนไปด้วย
.
🖍 ทั้งคู่ตามไปดักที่จุดตรวจตำรวจทางหลวง โพนที่ทั้งเจ็บทั้งเหนื่อยอ่อน ได้แต่เดาว่าป่านนี้ลินจงจะเป็นยังไงบ้าง น้าโหนจึงบอกให้โพนลองจับยามดูว่าตอนนี้ลินจงเป็นยังไง โพนที่ตอนนี้ไม่รู้จะทำยังไงจึงตัดสินใจลองทำอย่างที่น้าโหนบอก ด้วยความที่ไม่รู้จักดวงของลินจงจึงเอาดวงของตัวเองลองจับยามดูก็พบว่า ดวงคืนนี้ของเขาจะต้องเจอกับเหตุร้าย แต่ว่าไม่ถึงตาย ถ้าจะตามหาของหายต้องไปที่ทางทิศทักษิณ
.
🖍 เมื่อเห็นว่าเป็นเช่นนี้ โพนจึงไปบอกตำรวจว่าสงสัยจะมีแหล่งมั่วสุมอยู่แถวทางนั้น จากนั้นก็ขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปจนเจอตัวลินจงในที่สุด ด้วยความอับอายลินจงจึงไม่เอาเรื่อง นั่นทำให้โพนรู้สึกเคืองลินจงเป็นอย่างมาก หลังจากเหตุการณ์ในคืนนั้น โพนก็ขอน้าโหนเรียนวิชาเพิ่ม แต่น้าโหนบอกว่าต้องใช้เวลา
.
🖍 ระหว่างนี้แม่ตัดสินใจจะอยู่กินกับลุงเสริม ลุงเสริมเสนอให้โพนนอนเฝ้าร้าน แล้วตอนกลางวันค่อยให้แม่มาขายของที่ร้าน โพนจึงรู้ว่า ลุงเสริมไม่อยากให้โพนมาอยู่ที่บ้านแก ไม่นานหลังจากที่แม่ตกลงปลงใจอยู่กับลุงเสริม แม่ก็แต่งตัวดีขึ้นกว่าแต่ก่อน ลุงเสริมก็หาทั้งสร้อยทองมาปรนเปรอจนแม่ดูเป็นสาวขึ้น โพนก็คิดหาลู่ทางเข้าไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ น้าโหนก็เสนอให้โพนเรียนด้านบริหารธุรกิจจะเป็นประโยชน์ในอนาคตมากกว่าการเรียนวิชาช่าง
.
🖍 ลุงเสริมส่งลินจงไปเรียนเสริมสวยในกรุงเทพฯ ตามที่ลินจงต้องการ แม่ก็อยากจะส่งเสียให้โพนไปเรียนต่อเหมือนกัน แต่จะให้ใช้เงินของลุงเสริม โพนก็ไม่สะดวกใจโดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าย่าเนียนที่เคยเอ็นดูแม่ ตอนนี้ชักจะไม่ถูกกันเพราะไม่พอใจที่ลุงเสริมซื้อทองมาให้แม่ โพนจึงตัดสินใจเข้ามาเรียนต่อในกรุงเทพฯ โดยหางานทำไปด้วยเพื่อส่งเสียตัวเอง
.
🖍 โพนมาทำงานเป็นเด็กเฝ้ารถในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ได้เจอกับลูกค้าประหลาดหลายแบบ หนึ่งในนั้นคือ ชายหนุ่มที่ดูเป็นเศรษฐีมีเงินขับรถก็หรูพาหญิงสาวมากินข้าว แต่ไม่นาน ก็มีรถหรูอีกคันมาตามหาตัว หลังจากชายร่างท้วมที่โพนได้ยินว่าชื่อ "คุณวัฒน์" ตามตัวชายหนุ่มเจอ หันมาเห็นหน้าโพนก็มีท่าทีสนใจเข้ามาคุยด้วย แต่ไม่นานก็จากไป
.
🖍 โพนเข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ ด้วยความถ่อมตัวอีกทั้งยังออกตัวว่าพอดูดวงชะตาได้บ้างก็ทำให้หลายคนแสดงความเป็นมิตร มาขอให้โพนช่วยดูดวงให้บ้าง หนึ่งในนั้นคือ ยามรักษาความปลอดภัยของร้านอาหาร ที่เอาดวงมาให้โพนช่วยดู โพนเห็นว่าชะตาถึงคราวเลือดตกยางอาจถึงฆาต เพราะผู้หญิงก็พยายามตักเตือนแต่ไม่เป็นผลสุดท้ายเพราะเรื่องชู้สาวทำให้ยามเจ้าของดวงคนนั้นถูกแทงตายในที่สุด
.
🖍 และแล้ววันหนึ่ง ก็มีชายคนหนึ่งขับรถมาตามหาโพนที่ร้านอาหาร แนะนำตัวว่าชื่อ "กระทิง" มีงานดีๆ ค่าตอบแทนสูงให้ทำ โพนลองจับยามดวงชะตาของตัวเองก็พบว่า ช่วงนี้ชะตาเดินมาถึงจุดเปลี่ยนอย่างขนาดใหญ่ เรียกว่าตีลังกากลับเลยก็ได้ หากว่าปฏิเสธไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ชีวิตจะต้องตกต่ำลงมากกว่าที่เป็นอยู่ ถึงแม้ไม่ต้องดิ้นรนอะไรแต่ก็ยากที่จะลืมตาอ้าปากได้ โพนจึงตัดสินใจจะลองรับงานนี้
.
🖍 กระทิงจึงพาโพนไปพบคุณวัฒน์ คนที่โพนเคยเห็นตอนที่เขามาตามตัวเศรษฐีหนุ่มที่ร้านอาหาร โพนจึงได้รู้ว่าคุณวัฒน์เป็นทนายความประจำบริษัทแห่งหนึ่ง ทำงานให้กับเจ้าของบริษัทที่ชื่อว่า "พงศ์ทอง" ณ ตอนนี้เจ็บป่วยเข้าโรง'บาล งานของทนายวัฒน์ยังรวมไปถึงดูแลลูกชายของคุณพงศ์ทอง นั่นก็คือ "คุณเผ่าเพชร" เศรษฐีหนุ่มที่โพนเคยเห็นที่ร้านอาหารนั่นเอง
.
🖍 ทนายวัฒน์เล่าว่าหมอดูประจำตัวของคุณพงศ์ทองเตือนว่า คุณเผ่าเพชรกำลังมีเคราะห์ อาจถึงขั้นถูกจับตัวเรียกค่าไถ่ ตัวคุณเผ่าเพชรก็ไม่ใส่ใจ เอาแต่รักสนุก ชอบหนีเที่ยวเป็นประจำ ด้วยเหตุนี้ จึงต้องหาใครมาเป็นตัวแทนคุณเผ่าเพชร
.
🖍 ทนายวัฒน์เสนอค่าตอบแทนให้เดือนละ 5,000 บาท พร้อมสวัสดิการ เจ็บป่วยรักษาฟรี อยู่ฟรีกินฟรี เป็นระยะเวลาประมาณ 3 เดือน งานที่ต้องทำมีเพียงสวมรอยเป็นคุณเผ่าเพชร ไปๆ มาๆ บ้านกับบริษัท โดยคุณเผ่าเพชรตัวจริง จะถูกพาไปเก็บตัวอยู่ในที่ปลอดภัย โพนตัดสินใจรับงานนี้ จึงได้ย้ายออกจากห้องเช่ามาอยู่ที่บ้านของคุณเผ่าเพชร
.
🖍 เมื่อมาอยู่ที่บ้านของคุณเผ่าเพชร โพนจึงพบว่าเป็นบ้านหลังขนาดใหญ่ แต่มีคนอยู่น้อยมาก คนใช้มีเพียง "ป้าเอม" แม่บ้าน กระทิงกับ "ยิ่งยวด" ที่เป็นคนของคุณวัฒน์ ทำหน้าที่ขับรถกับบอดี้การ์ดส่วนตัวให้เจ้านายเท่านั้น ส่วนคุณนาย แม่ของคุณพงศ์ทองอยู่ระหว่างเดินทางไปต่างประเทศ ส่วนภรรยาคนล่าสุดของคุณพงศ์ทองที่ทนความเจ้าชู้ของสามีไม่ไหว เพิ่งจะขนของในบ้านออกไปจนเกลี้ยง ขณะที่เผ่าเพชรก็ไม่สนใจทั้งบ้านและงานที่บริษัท ตัดสินใจเก็บข้าวของไปเข้าป่าล่าสัตว์ที่กาญจนบุรี
.
🖍 โพนเริ่มทำตามหน้าที่ที่ทนายวัฒน์จ้างมา โพนต้องซ้อมท่าทางการเดินให้เหมือนกับเผ่าเพชร ทำไปก็รู้สึกพิกลจนต้องลองจับดวงชะตาดู เห็นว่าดวงชะตาของตัวเองเป็นช่วงที่ดาวราหูย้ายมาทับดาวศุกร์อาจจะเจอโจรผู้ร้ายหรือศัตรูถึงปางตายได้ นั่นทำให้โพนไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่
.
🖍 โพนสวมรอยเข้าไปนั่งทำงานที่บริษัทโดยมี "วารุณี" เลขาหน้าห้องคอยกำกับดูแล โพนที่นั่งว่างๆ ไม่รู้จะทำอะไร จึงหยิบเอาหนังสือประวัติบริษัทขึ้นมาอ่าน เห็นว่าดวงบริษัทค่อนข้างแข็ง แม้จะเจอวิกฤตแต่ก็ยังจะได้กำไร เสียอย่างเดียว บริวารเป็นกาลกิณี บริษัทน่าจะมีหนอนบ่อนไส้ แต่ไม่รู้ว่าใคร
.
🖍 โพนมีโอกาสได้เจอน้าโหนโดยบังเอิญตอนไปกินข้าว น้าโหนด่าโพนว่าสอนไม่จำ เอาตัวไปเกลือกกลั้วกับอบายมุขด้วยการคบมิตรชั่ว อีกทั้งยังเตือนให้โพนระวังคนใกล้ชิด ยิ่งฟังโพนก็ยิ่งไม่สบายใจ
.
🖍 และแล้วคุณนายทองถักก็กลับมาบ้านก่อนเวลาที่กำหนดพร้อมน้ำหอม มาถึงก็ทำบริวารปวดประสาทคุณนายทองถักไม่พอใจที่ภรรยาของลูกชายขนของไปหมดบ้าน ลูกชายก็เข้าโรง'บาลเอกชนที่แพงระยับ หลานชายก็หายไปไหนไม่รู้ตามตัวไม่ได้
.
🖍 โพนได้เห็นทั้งคุณนายทองถักและน้ำหอมก็จำได้ว่าเคยเจอทั้งสองคนในงานวัดเมื่อหลายปีมาแล้ว ป้าเอมสั่งให้โพนหลบให้พ้นคุณนาย จนกว่าทนายวัฒน์จะเข้ามาอธิบายเรื่องราวให้คุณนายทองถักฟัง
.
🖍 โพนยังได้ฟังป้าเอมเล่าถึงกิติศัพท์ความเค็มของคุณนายทองถัก คุณนายจะปล่อยกู้ให้เฉพาะกิจการที่คุณนายจะได้ประโยชน์ อย่างร้านอาหารที่คุณนายปล่อยกู้ นอกจากจะได้ดอกเบี้ยแล้ว คุณนายยังสามารถสั่งอาหารมากินได้อีกด้วย การขูดเลือดลูกหนี้ของคุณนายยังรวมถึงกิจการก่อสร้างที่คุณนายปล่อยกู้จนได้คนสร้างบ้านฟรี บริษัททำความสะอาดที่คุณนายสามารถเรียกมาทำความสะอาดที่บ้านได้ บริษัทรักษาความปลอดภัยที่ส่งยามมาเฝ้าบ้านให้ ยังมีอื่นๆ อีกมากมาย
.
🖍 ส่วนตัวน้ำหอมนั้น คุณย่าของน้ำหอมและคุณนายทองถักเป็นเพื่อนกัน มีหมอดูเคยทำนายว่าเผ่าเพชรกับน้ำหอมสมพงษ์กัน บรรดาย่าๆ จึงได้จับหมั้นกัน ภายหลังน้ำหอมเป็นกำพร้า คุณนายทองถักจึงรับมาดูแล คุณนายเห็นว่าน้ำหอมมีมรดกมาก ถ้าจับแต่งงานกับเผ่าเพชรก็เข้าข่าย เรือล่มในหนอง ทองจะไปไหน
.
🖍 เมื่อทนายวัฒน์เข้ามาอธิบายเรื่องราว คุณนายทองถักจึงได้เจอกับโพนและจำได้ว่าเคยเจอกันมาก่อน แม้แผนการของทนายวัฒน์จะพิลึก แต่คุณนายก็ได้แต่เลยตามเลย เพราะไม่รู้ว่าป่านนี้หลานชายตัวดีอยู่ที่ไหน
.
🖍 โพนได้พูดคุยกับน้ำหอมโดยบังเอิญ จึงได้รู้ว่าน้ำหอมก็ลำบากใจที่ต้องมาเป็นคู่หมั้นของเผ่าเพชร อีกทั้งยังรู้ว่าทนายวัฒน์ไม่ได้บอกคุณนายเรื่องคุณเผ่าเพชรมีเคราะห์ บอกแต่เพียงเศรษฐีทั่วไปก็มีตัวแทนทั้งนั้น ทำให้โพนคิดว่าเรื่องนี้ดูมีพิรุธ น้ำหอมจึงเดาว่าหมอดูคนที่บอกว่าเผ่าเพชรมีเคราะห์ น่าจะเป็น "โหรมหาศาล" ผู้ทีคุณนายเชื่อถือให้คำปรึกษาตั้งแต่เรื่องซื้อที่ดิน การลงทุนต่างๆ โพนไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน แต่ได้ฟังชื่อแล้วรู้สึกภายในสะเทือนเลยทีเดียว เดาว่าเจ้าของชื่อน่าจะมีพลานุภาพทางจิตมหาศาลสมกับชื่อ
.
🖍 โพนมีเรื่องให้คิดมากมายจนอยากจะเจอน้าโหน แล้วก็บังเอิญเมื่อน้าโหนพายเรือมาเก็บผักตบชวาหลังบ้านคุณนายพอดี เมื่อฟังเรื่องราวทั้งหมด น้าโหนก็แนะนำให้โพนลองหาหลักฐานเอกสารอื่นๆ มาตรวจดู
.
🖍 ยิ่งนานวันไปคุณนายทองถักยิ่งสติแตก ต้องมาเสียดายเงินที่ลูกชายเข้าโรง'บาล อีกทั้งยังหาหลานตัวดีไม่เจอ ส่วนโพนก็สวมรอยเข้าออกบริษัทแทนเผ่าเพชร จนได้เข้าร่วมการประชุมผู้ถือหุ้นกับเขาด้วย และพบว่ามีงบลับที่ไม่ลงรายละเอียดของทนายวัฒน์และโหรมหาศาลอยู่ด้วย
.
🖍 น้ำหอมเองก็ได้พูดคุยกับโพนจากการที่เข้าไปรับโพนที่บริษัท น้ำหอมสงสัยว่าโหรมหาศาลจะเป็นคนที่ควบคุมบริษัทตัวจริง ไม่ใช่พงศ์ทองหรือเผ่าเพชร โพนจึงขอดวงชะตาของคุณนายและน้ำหอม เพื่อจะดูว่าเป็นอย่างไรบ้าง
.
🖍 โพนเห็นว่าชะตาของน้ำหอมดี สบายตั้งแต่เกิดและจะได้คู่ดีสมฐานะ ส่วนคุณนาย ดวงชะตาเป็นคนอำมหิต ใจคอร้ายกาจราวกับมหาโจร ทำให้โพนอดนึกไม่ได้ว่าดวงชะตาโหดร้ายเกินไป ดวงอาจจะผิดหรือทำนายไม่ถูกต้อง จึงอยากจะไปหาน้าโหนที่บางปะอินให้แกช่วยดู น้ำหอมจึงขอติดตามไปด้วย
.
🖍 ระหว่างเดินทางน้ำหอมก็บ่นว่าอึกอัดที่คุณนายเที่ยวไปจับจ่ายซื้อของแล้วไม่จ่ายเงิน กลับหยิบนามบัตรขึ้นมาเบ่ง โพนที่ได้ฟังก็นึกเห็นใจ แต่เมื่อนึกถึงดวงชะตาน้ำหอมว่าจะได้เนื้อคู่สมฐานะกันก็รู้สึกห่อเหี่ยว เพราะในใจเริ่มจะหวั่นไหวกับน้ำหอม เพียงแต่เขาก็รู้สึกเจียมตัวจึงไม่ได้แสดงออก
.
🖍 โพนพาน้ำหอมไปเจอกับน้าโหนเอาดวงชะตาให้ดูก็สอดคล้องกับที่โพนจับยามตรวจดูชะตา เพียงแต่ดวงชะตาของคุณนายนั้น น้าโหนมองว่า เป็นคนทำบาปและเบียดเบียนคนมามากถึงขนาดฆ่าคนมาแล้ว และบั้นปลายก็จะถูกคนอื่นโกงไปอีกที ส่วนดวงของน้ำหอมน้าโหนก็เตือนว่าให้ระวังคนใกล้ชิด
.
🖍 วันหนึ่งก็มีโทรศัพท์มาที่บ้านของคุณนาย โพนเป็นคนรับสาย เจ้าของเสียงเป็นผู้ชายวัยกลางคนที่กระแสเสียงใหญ่กังวานบ่งบอกให้รู้ว่าเจ้าของเสียงไม่ใช่คนธรรมดา โพนถามว่าจะคุยกับใครแต่เจ้าตัวกลับถามว่าแล้วคนรับโทรศัพท์คือใคร โพนจึงเล่นลิ้นถามกลับว่าแล้วนี่คือใคร เมื่อได้ยินเสียงปลายทางตอบกลับมา โพนก็รู้สึกเนื้อตัวเย็นวาบ โหรมหาศาลนั่นเอง
.
🖍 โหรมหาศาลกลับจากการไปขยายสาขาที่ต่างประเทศ โทรมาเพื่อนัดหมายเรียกให้คุณนายเข้าไปหา ในคืนก่อนวันที่โพนจะขับรถพาคุณนายไปพบโหรมหาศาล ในใจก็นึกอยากจะปรึกษาน้าโหน แต่ก็ต้องถอดใจเพราะแกอยู่ไกลถึงบางปะอิน ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงคนพายเรือเข้ามาใกล้ๆ เป็นชายคนหนึ่งที่ออกมาเก็บผักตบชวา แกบอกว่าน้าโหนฝากคำมาให้ ถ้าใครถามวันเดือนปีเกิดเวลา ตกฟากอย่าไปบอกเป็นอันขาด ชื่อพ่อชื่อแม่ก็ไม่ต้องบอก
.
🖍 และแล้วก็ถึงวันนัดหมาย โพนเป็นคนขับรถพาคุณนายและน้ำหอมไปที่บ้านโหรมหาศาล ถัดจากเส้นทางลึกลับถึงจะพบบ้านหลังใหญ่ยิ่งกว่าบ้านรัฐมนตรี พื้นปูด้วยหินอ่อนทั้งหลัง ก่อนหน้านั้น โพนคิดว่าโหรมหาศาลจะต้องเป็นชายวัยกลางคน ลักษณะขรึม นุ่งขาวห่มขาวเหมือนน้าโหน แต่กลับกลายเป็นว่าโหรมหาศาลแต่งกายด้วยชุดราตรีทักซิโด้สีดำราวกับจะไปออกงานราตรี ผมหวีเสยเรียบลงน้ำมัน รองเท้าขัดมัน กลิ่นอบอวลด้วยน้ำหอมราคาแพงและมือยังคีบซิการ์ม้วนใหญ่
.
🖍 โหรมหาศาลทักโพนว่า ใช่คนที่รับโทรศัพท์หรือไม่ แล้วถามว่าเป็นศิษย์ครูที่ไหน โพนจึงได้แต่ตอบอย่างเล่นลิ้น เมื่อโหรมหาศาลขอวันเดือนปีเกิดไป โพนจึงตอบไปมั่วๆ จากนั้นก็ขอตัวออกมารอข้างนอกพร้อมน้ำหอม ไม่นานจากนั้น คุณนายทองถักก็ก้าวลงจากบันไดฉับๆ ไม่ต้องเดา โพนก็รู้ว่าแกจะต้องไล่โพนออก ซึ่งก็เป็นไปตามนั้น โหรมหาศาลรู้ว่าวันเดือนปีเกิดไม่จริง เพราะไม่ตรงกับตัวคน จึงบอกกับคุณนายทองถักแบบยกเมฆว่า ดวงชะตาของโพนแข็งมาก เข้ามาอยู่ในบ้านก็ทำอาจทำให้เผ่าเพชรต้องตาย ทรัพย์สมบัติทั้งหลายอาจถึงขั้นล้มละลายเลยทีเดียว
.
🖍 ในคืนนั้น น้าโหนมาคอยอยู่ที่ริมรั้ว โพนเห็นเข้าจึงเดินมาหาแก น้าโหนก็ทักเลยว่าโดนอิทธิฤทธิ์ของโหรมหาศาลเข้าแล้วใช่ไหม แกว่าเหตุเพราะโพนแหละที่พูดโกหก โพนก็ได้แต่งงเพราะน้าโหนเป็นคนเตือนเองว่าอย่าบอกวันเดือนปีเกิด น้าโหนแกแย้งว่า ก็ให้พูดไปเลยว่าไม่บอก ใครจะทำไม ไม่ใช่ให้โกหก เพราะโพนโกหกผิดศีลข้อมุสา โหรมหาศาลจึงหมดความยำเกรง กล้าใส่ร้าย ถ้าหากรักษาศีล โหรมหาศาลก็ย่อมเข้าใจว่าโพนเป็นคนดีมีศีลติดตัว
.
🖍 โพนก็ได้แต่ทำหน้าเซ็ง แล้วก็ปรับทุกข์ว่า อยากไปตามหาเผ่าเพชรที่ป่าเมืองกาญจน์จะได้เอามาแก้ไขปัญหาทั้งเรื่องงานทั้งเรื่องหมั้นหมายกับน้ำหอม น้าโหนจึงเตือนว่าถ้าไม่รู้ดวงเผ่าเพชรก็อาจไม่รู้ว่าจะตามตัวทางทิศไหน โพนจึงตัดสินใจจะถามดวงเผ่าเพชรกับน้ำหอม
.
🖍 คืนนั้นโพนเล่าแผนการให้น้ำหอมฟังว่าจะไปตามหาเผ่าเพชรในป่า จะขอดวงมาใช้จับยามดูดวงชะตาสืบหาตัว แต่พอเช้ามืดวันถัดมา โพนก็ต้องตกใจ เมื่อน้ำหอมตีเนียนขับรถพาไปเมืองกาญจน์ ขอเข้าป่าพร้อมโพน
.
🖍 โพนแวะรับน้าโหนพากันขับรถเข้าป่าจนสุดทางรถวิ่ง จากนั้นพากันเดินเท้าต่อโดยมีน้าโหนนำทาง จนถึงจุดที่คิดว่าจะพักค้างแรม น้าโพนบอกว่าข้างหน้าอีกไม่ไกลก็เข้าเขตหมู่บ้าน แต่เป็นหมู่บ้านเสือสมิง เพราะงั้นต้องเลี่ยงเดินเข้าไปใกล้ในตอนกลางคืน
.
🖍 ในช่วงกลางดึกระหว่างนั่งล้อมรอบกองไฟ โพนได้ยินเสียงคนกำลังเดินมาจึงฉุดน้ำหอมไปซ่อนในพุ่มไม้ แต่น้าโหนยังคงนั่งนิ่ง
.
🖍 แล้วชายสามคนแต่งตัวโก้อย่างคนเมืองก็ปรากฏตัวพร้อมอาวุธ เข้ามาสอบถามว่าน้าโพนคือใคร มาทำอะไร น้าโหนยังคงนิ่ง ตอบคำถามด้วยน้ำเสียงคล้ายคำรามว่ากำลังจะไปทำธุระที่หมู่บ้านเสือสมิงพร้อมขู่ว่าให้ระวังเสือสมิงจะคาบไปกิน ชายทั้งสามได้ยินก็นึกหวาดหวั่น ค่อยๆ ถอยห่างกลับเข้าไปในป่า
.
🖍 ในคืนนั้น ก่อนที่จะหลับเอาแรง น้าโหนโปรยทรายเสกไว้รอบๆ เพื่อป้องกันผีและสัตว์ร้าย เวลาผ่านไปกลางดึก โพนที่อยู่เฝ้ายามก็ชักจะง่วง และแล้วก็เห็นเงาใครบางคนก้าวเข้ามาหยุดตรงรอยต่อของแสงไฟและความมืด โพนแทบไม่เชื่อสายตาว่าจะเจอเผ่าเพชรที่นี่
.
🖍 เผ่าเพชรแต่งตัวเหมือนชาวป่า โพนเห็นเผ่าเพชรร้องทักมา เกือบจะก้าวไปหาจึงชะงักซะก่อน ขณะเดียวกันก็ร้องตอบไปว่าเขาและน้ำหอมเข้าป่ามาตามหาเพื่อไปจัดการความยุ่งยากต่างๆ เผ่าเพชรรีบบอกว่าไม่เอาแล้ว ไม่อยากกลับ ข้างนอกมันวุ่นวาย ถึงทนายวัฒน์จะโกงก็เรื่องของทนายวัฒน์ ว่าแล้วก็เดินจากไป
.
🖍 โพนลืมคำเตือนเรื่องเสือสมิงของน้าโหนสนิท ตะกี้จับตัวเผ่าเพชรดูก็เห็นว่ามีเนื้อหนัง จึงรีบเดินตามกลัวว่าเผ่าเพชรจะหายไป เผ่าเพชรเดินเร็วไม่น่าเชื่อ รู้ตัวอีกทีโพนเดินตามมาถึงเขตหมู่บ้าน นึกในใจว่านี่คงเป็นหมู่บ้านเสือสมิงอย่างที่น้าโหนบอก โพนค่อยๆเดินเข้าไป
.
🖍 ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงผู้หญิงร้องทัก โพนถามหาเผ่าเพชร ผู้หญิงคนนั้นตอบว่า ไม่รู้จัก รู้แค่มีชายสามคนเดินทางมาขอพักที่นี่ พร้อมชี้นิ้วไปที่เรือนหลังหนึ่ง อีกทั้งยังชวนโพนให้พักค้างแรมที่นี่ได้ โพนชักจะรู้สึกพิกล พอหญิงสาวชวนค้างที่บ้าน โพนก็ชักจะใจแกว่ง แต่นึกถึงคำสอนของน้าโหนในเรื่องหลงมัวเมาในกาม ก็รีบบอกลา เดินจ้ำอ้าวกึ่งวิ่งจนเห็นกองไฟในที่สุด
.
🖍 เมื่อมาถึง โพนรีบปลุกน้าโพน แต่แกดันทักว่าเป็นไงบ้าง เจอเสือสมิง โพนก็เถียง เผ่าเพชรชัดๆ จะเป็นเสือได้ไง น้าโหนก็ได้แต่สังเวชใจ คนโง่นี่มันโง่จริงๆ เสือสมิงมันมีคาถาสะกดใจ ถึงได้อ่านความในใจได้เป็นวรรคเป็นเวร โพนฟังแล้วก็ยังไม่เชื่อ
.
🖍 เช้ามาจึงพากันเดินต่อ ไม่นานก็ถึงหมู่บ้านและได้เจอเผ่าเพชรตัวจริง เผ่าเพชรอาศัยอยู่กินกับสาวชาวป่าชื่อ “เผิน” แม้เสื้อผ้าจะมอมแมม แต่แววตากลับดูสบายใจ แม้จะรู้ว่าโพนมาตาม แต่เผ่าเพชรก็ไม่อยากกลับ บอกว่าอยู่ที่นี่ก็สบายดี ไม่ต้องคิดอะไร หิวก็ได้เผินหาให้กิน แม้เผินจะดุไปสักนิด แต่อยู่ที่นี่ดีกว่ากลับไปบ้านเจอแต่เรื่องวุ่นวาย
.
🖍 ระหว่างที่โพน น้าโหนและน้ำหอมยังอยู่ที่หมู่บ้าน ก็ได้ทราบข่าวว่ามีตำรวจแกะรอยตามพวกค้าของเถื่อนเข้ามาในป่า จู่ๆพวกค้าของเถื่อนก็หายไป พบอีกทีเป็นศพอยู่ในหมู่บ้านเสือสมิง โพนตามไปดูเห็นสภาพศพของชายทั้งสามคนที่โพนเคยเจอ แทบไม่เป็นชิ้นดี อีกทั้งสภาพของหมู่บ้านที่โพนเคยเห็น กลับกลายเป็นหมู่บ้านร้าง โพนถึงกับใจหายวาบเกือบจะเสร็จเสือสมิงไปอีกคนแล้ว
.
🖍สำหรับเผ่าเพชร โพนตั้งใจว่าอย่างไรก็ต้องเอาตัวกลับไปให้ได้ จึงตัดสินใจยืมมือเผิน โดยการเกลี้ยกล่อมให้เผิน ออกจากป่าไปดูแสงสีและความเจริญของเมือง สุดท้ายเผินก็สนใจ ลากเผ่าเพชรกลับบ้านจนได้
.
🖍 ก่อนเดินทางกลับ โพนได้เปิดใจกับน้ำหอม ว่าถึงจะมีใจแต่ฐานะที่ต่างกันก็ทำให้เขาเจียมตัว เมื่อกลับไปถึงเมืองเขาคงต้องเริ่มต้นชีวิตใหม่ไม่สามารถฉุดรั้งน้ำหอมมาตกยากกับเขาได้ โพนยังนึกถึงดวงชะตาของน้ำหอม ว่าจะได้ผู้ชายที่สูงส่งเหมาะสมกัน จึงได้แต่พยายามทำใจ
.
🖍 โพนและน้าโหนเดินทางกลับบางปะอิน โพนตั้งใจจะไปเยี่ยมแม่และขอเงินลงทุนสักก้อนมาเช่าสำนักงานเปิดรับดูดวง แต่แล้วก็พบว่า ลุงเสริมตายแล้ว อยู่ระหว่างช่วงจัดงานศพ ลุงเสริมทำพินัยกรรมแบ่งสมบัติให้แม่ของโพนกับลินจงแค่สองคน นั่นทำให้แม่ของโพนเกิดความคิดพิกล อยากให้เขากับลินจงแต่งงานกัน จะได้ฮุบเอาสมบัติส่วนของลินจงมาได้
.
🖍 ฟากลินจงก็แปลกเช่นกัน ลินจงแสดงท่าทีเชิงชู้สาวกับโพนมากขึ้น พอถึงกลางคืนลินจงยังมาให้ท่าโพนจนใครหลายคนเข้าใจว่าเขากับลินจงมีอะไรกัน แต่นั่นก็ทำให้โพนเข้าใจว่าแม่กับลินจงคงร่วมมือกัน ต่างคนต่างหวังสมบัติส่วนที่อีกฝ่ายได้จากลุงเสริม
.
🖍 โพนชักจะร้อนใจปรึกษากับน้าโหน หากเขาตอบรับแต่งงานกับลินจง เขาคงกลายเป็นเศรษฐี แต่เขาก็รู้ดีว่าลินจงเป็นสาวใจแตก ไม่นานสมบัติคงหมด อีกทั้งแต่งกันไปเขาอาจจะโดนสวมเขา น้าโหนก็เตือนสติโพนว่า การแต่งงานกับลินจง อาจถือเป็นการได้ลาภ แต่ว่าใช่จะมีความสุขเสมอไป อาจเป็นทุกขลาภก็ได้ แต่หากออกไปผจญข้างนอก อย่างน้อยก็มีสองมือสองตีน ไขว่คว้าหาความสุขได้ อยู่ที่เลือกเอา
.
🖍 โพนจึงตัดสินใจเก็บข้าวของทิ้งจดหมายลาแม่แล้วออกจากบ้าน เสียดายก็ตรงเขาไม่ได้ขอเงินลงทุนจากแม่ เพื่อมาเช่าที่เปิดสำนักงานดูดวงอย่างที่ตั้งใจ แต่ไม่นานน้าโหนก็ช่วยหาที่ทางให้ แกแนะนำว่าแถวฝั่งธน มีวัดชื่อโหราราม แกมีคนรู้จักที่นั่น ให้โพนลองไปตั้งโต๊ะรับดูดวง
.
🖍 โพนทำตามที่น้าโหนแนะนำ เมื่อมาถึงก็พบว่าวัดชื่อโหรารามเป็นวัดขนาดเล็ก มัคทายกของวัดซึ่งเป็นชายแก่อายุ 70 กว่า เห็นว่าโพนไม่มีท่าทีหลอกลวง ก็อนุญาตให้โพนตั้งโต๊ะดูดวงได้ แต่ด้วยความที่ไม่ค่อยมีคนแวะเวียนเข้ามา ทำให้โพนยังมองไม่เห็นหนทางหาเงินมาสร้างตัว