19 ม.ค. 2021 เวลา 04:16 • นิยาย เรื่องสั้น
เรื่อง “คัมภีร์เก้าบุปผา”
ตอนที่ 15
ความเดิมตอนที่แล้ว
เซียวอี้ได้แบ่งศิษย์พรรคสุริยันจันทรา
ออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่เพื่อทำภารกิจ
กลุ่มแรกได้แก่ 8 อาวุโสสาขาตึกดารา
ให้ทำหน้าที่ดูแลพรรค
กลุ่มที่สองได้แก่ 8 อาวุโสสาขาเต่าวิเศษ
ให้ทำหน้าที่ออกตามล่าศิษย์ทรยศ
ต้าเหลียง ต้าจง
ส่วนกลุ่มที่สามได้แก่ เซียวอี้ เตี่ยเมี่ยง
ทูตซ้าย ทูตขวา 4 พญาผู้คุมกฎ
และ5 กองธง โดยกลุ่มที่ 3 นี้จะออกตามหาตัวของอดีตประมุขพรรค
กลุ่มของ เซียวอี้ เดินทางมาเรื่อยๆรอนแรมมา หลายวัน ก็ได้มีการแวะพักตามจุดต่างๆ จนบังเอิญ มาพบเข้า กับชาวบ้านกลุ่มนึง
เซียวอี้จึงถามชาวบ้านกลุ่มนี้ว่า มิทราบว่าทุกท่านจะเดินทางไปยังแห่งหนใดกัน
ชาวบ้านท่านนึงจึงพูดขึ้นว่า พวกเรากำลังจะย้ายกันออกไปจากที่นี้แล้ว พวกเรานับได้ว่าเป็นคนกลุ่มสุดท้ายที่จะออกจากที่นี่แหละนายท่าน
อินทรีย์ปีกขาวจึงถามว่าเพราะเหตุใดชาวบ้านจึงพากันย้ายออกจากที่นี่ล่ะ
ชาวบ้านคนนึงจึงเล่าว่าบริเวณแถบนี้ไม่ค่อยมีคนอยู่เท่าไหร่นักเนื่องจากมีเสียง ของใครบางคนร้องโหยหวน อยู่แทบจะตลอดทุกเวลา ดังออกมาจากบริเวณวัดร้างแห่งหนึ่ง
ชาวบ้านแถวนี้เลยคิดกันไปว่า อาจจะเป็นเสียงของภูตผีปีศาจก็เป็นได้เมื่อนานเข้านานเข้าชาวบ้านจึงพากันย้ายออก จนแทบจะไม่เหลือคนอยู่ที่นี่เลย
เซียวอี้เมื่อได้ฟังดังนั้น ก็เลยพูดกับชาวบ้านว่า อ๋อ..ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง
ขอบใจทุกท่านมาก
ว่าแล้วกลุ่มชาวบ้านดังกล่าวจึงพากัน
เดินทางจากไป
ตัดภาพมาที่อึ้งเจียซุน
ในตอนนี้เขาได้ฝึกวิชาฟื้นฟูกำลังภายในเป็นที่สำเร็จแล้ว และยังสามารถฟื้นฟูวิชา ลมปราณตะวันจันทรากลับมาได้ทั้งหมด
มิหนำซ้ำเขายังใช้เวลาที่เหลืออยู่คบคิดจนสามารถแตกฉานและฝึกวิชาลมปราณตะวันจันทราขั้นที่ 6 ได้เป็นผลสำเร็จ
ซึ่งแม้แต่เซียวอี้เอง ตอนที่อยู่ในถ้ำยังฝึกได้ถึงแค่ขั้นที่ 5 เอง
ตัดภาพกลับไปที่กลุ่มของเซียวอี้ ในตอนนี้ทั้งหมดได้พากันนั่งคิดอยู่สักพักว่าเราจะเข้าไปตรวจสอบดูในบริเวณวัดร้างดีหรือไม่
วานร 8 มือจึงพูดขึ้นว่า ท่านประมุข ข้าเห็นว่าเราไม่ควรจะไปยุ่งเรื่อง พวกผีสางนางไม้ ในเวลานี้ควรที่จะเร่งตามหาท่านอดีตประมุขดีกว่า
ทูตซ้ายจึงพูดขึ้นว่า ท่านพญาวานรมิใช่ท่านกลัวเหล่าภูตผีหรอกหรือฮ่าฮ่าๆ
วานร 8 มือจึงตอบกลับไปว่าใครกลัวกัน เดี๋ยวข้าจะเข้าไปเป็นคนแรกเลย
ว่าแล้วพญาวานร 8 มือ จึงกระโจนเข้าไปในบริเวณวัดร้างดังกล่าว
เมื่อวานร 8 มือ เข้าไปถึงข้างในปรากฏว่ากับมีคลื่นพลังสายหนึ่งพุ่งขึ้นมาจากบริเวณใต้พื้น กระแทกใส่วานร 8 มือ
กระเด็นออกมาจากวัดร้าง
เซียวอี้ที่เห็นดังนั้นสัมผัสได้ทันทีว่าในวัดแห่งนี้จะต้องมียอดฝีมืออยู่อย่างแน่นอน
ว่าแล้วเซียวอี้จึงกระโจนเข้าไปบ้าง
เมื่อเซียวอี้เข้าไปถึงก็มีคลื่นพลัง สายหนึ่งพุ่งมาจริงๆ แต่ด้วยฝีมือระดับเซียวอี้จึงใช้ออกด้วยลมปราณตะวันจันทรา ซัดคลื่นพลังนั้นกลับไป
ปรากฏว่าคลื่นพลังที่ซัดกลับไปนั้นไปถูกเข้ากับผนังพื้นด้านล่างส่งผลให้พื้น
พังทลายลง ปรากฏเป็นกรงเหล็กขนาดใหญ่และด้านในมีคนนั่ง
เดินพลังลมปราณอยู่
เมื่อเซียวอี้เห็นดังนั้นกลับยิ่งตกใจมากยิ่งขึ้น
หวนคิดในใจว่า ตนเองออกท่องยุทธภพมาแม้จะไม่นานนักแต่ก็ได้ประสบพบเจอเหล่ายอดฝีมือมิใช่น้อย
แต่คนผู้นี้แม้นั่งเดินพลังอยู่กลับสามารถถ่ายทอดพลังออกมารอบข้างป้องกันตนเองได้นับได้ว่าคนผู้นี้มีพลังการฝึกปรือที่ลึกล้ำยิ่งนัก
ทอดตาทั่วแผ่นดิน ณ เวลานี้
เกรงว่าจะมีคนเช่นนี้ไม่ถึง10คน
เหล่าคนที่อยู่ด้านนอกเห็นว่าเซียวอี้ทำไมเข้าไปนานจังด้วยความอดสงสัยไม่ได้
ทุกคนจึงพากันเข้ามาดูข้างใน
เมื่อทุกคนเข้ามาถึง เพียงเห็นชายคนนั้นนั่งอยู่ในกรงแม้ไม่เห็นใบหน้าชัดเจนแต่
ทูตซ้าย-ขวา 4 ผู้คุมกฏ รวมถึงเตี่ยเมี่ยง
ต่างพากันคุกเข่า แล้วพูดว่า
“คำนับท่านประมุข”
ที่แท้ชายผู้นี้คือ อดีตประมุขพรรคอสูรจันทราเดิม นาม อึ้งเจียซุน
อึ้งเจียซุนจึงพูดขึ้นว่า นี้พวกเจ้ายังจำข้าได้อยู่อย่างงั้นหรือ ว่าแล้วอึ้งเจียซุนจึงเงยหน้าขึ้นมาเมื่อเห็นเข้ากับเซียวอี้
อึ้งเจียซุนกลับมีความรู้สึกเหมือนคนใกล้ชิดที่จากกันไปนาน ความรู้สึกทั้งยินดีทั้งอบอุ่น
ฝ่ายเซียวอี้เองก็รู้สึกเช่นนั้นเหมือนกัน
หลังจากนั้นต่างฝ่ายจึงเล่าเรื่องราวและที่ไปที่มาให้กันและกันฟัง เมื่อเข้าใจกันแล้ว
เซียวอี้จึงพูดขึ้นว่า เมื่อพบตัวท่านประมุขแล้วข้าก็ขอคืนตำแหน่งประมุขให้กับท่าน
อึ้งเจียซุนจึงพูดขึ้นว่า ไม่จำเป็นหรอก
ตำแหน่งประมุขให้เจ้าเป็นนะดีแล้ว
ข้าเป็นประมุขมาหลายสิบปี
ไม่เคยสร้างความดีเลยสักครั้ง
ตอนนี้เป้าหมายที่ข้าตั้งเอาไว้คือ ตามล่า
เจ้าสองคนที่ทรยศนั้น ไม่ว่ามันจะหนีไปแห่งหนใดข้าก็จะตามมันไปให้ได้
อินทรีย์ปีกขาวจึงพูดขึ้นว่า
ก่อนอื่นเลยข้าว่าเรารีบช่วยท่านประมุขออกมาจากกรงนี้ก่อนดีกว่า
อึ้งเจียซุนจึงหัวเราะขึ้นฮ่าฮ่าๆแล้วพูดขึ้นว่า
ไม่จำเป็นหรอก ว่าแล้วอึ้งเจียซุนก็ใช้พลังลมปราณตะวันจันทราพังกรงเหล็กนั้น
ออกมาได้เพียงชั่วพริบตา
เมื่ออึ้งเจียซุนสามารถออกมาจากกรงเหล็กได้แล้วจึงได้กล่าวอำลากับกลุ่มของเซียวอี้ แล้วบอกว่าข้าจะกลับไปยังพรรคสุริยันจันทราเพื่อทำการบางอย่างก่อนหลังจากนั้นจะออกตามล่าเจ้าสองคนนั้นมาให้ได้
ว่าแล้วอึ้งเจียซุนก็ใช้วิชาตัวเบาเหาะหายไปในพริบตา กลุ่มของเซียวอี้จึงได้เดินทางต่อไปเรื่อยๆ
ระหว่างทางปรากฏ ไปพบเข้ากับซากศพจำนวนมากที่นอนเกลื่อนกลาด พร้อมกับรถม้าที่ถูกทำลายข้าวของกระจัดกระจายเต็มไปหมด พื้นที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือด
พร้อมกับมีอักษรขนาดใหญ่สลักไว้บนต้นไม้ใจความสำคัญว่า “กำจัดสำนักคุ้มภัยตามด้วยสำนักหงส์อัคคีเพื่อความยิ่งใหญ่ของพรรคสุริยันจันทรา”
กลุ่มของเซียวอี้เมื่อเห็นดังนั้นก็ตกใจ
เห็นได้ชัดว่าเป็นการใส่ร้ายป้ายสี
พรรคสุริยันจันทรา ในระหว่างนั้นเองก็มีเสียงร้องของใครบางคนดังอยู่บริเวณ
ดังกล่าว
เซียวอี้จึงรีบวิ่งไปดูปรากฏว่าไม่ใช่ใครอื่นที่ไหนคนผู้นั้นก็คือกังคิ้ม เจ้าสำนักคุ้มภัย
เซียวอี้จึงถามกังคิ้มว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น
แต่ทว่ากังคิ้มไม่สามารถที่จะตอบเซียวอี้ได้เนื่องจากได้รับบาดเจ็บที่คอทำให้ไม่สามารถที่จะพูดได้ กังคิ้มจึงพยายามใช้แรงเฮือกสุดท้าย ชี้ไปอีกฝั่งหนึ่ง
ปรากฏมีคนนอนอยู่ที่นั่นนั่นก็คือกังปิ่น
บุตรสาวของเจ้าสำนักคุ้มภัยกังคิ้ม
เมื่อเซียวอี้เห็นกังปิ่นแล้วกังคิ้มจึงได้ใช้แรงครั้งสุดท้ายจับไปที่คอเสื้อของเซียวอี้
แล้วสิ้นลมหายใจลงในที่สุด ถึงแม้ว่ากังคิ้มจะไม่ได้พูดอะไรแต่เซียวอี้ก็รู้ความหมายที่กังคิ้มพยายามจะบอก นั่นก็คือให้ช่วยดูแลกังปิ่นต่อจากเขาด้วย
จบตอนที่ 15
โฆษณา